ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 937 ช่างมีชะตาต้องกันเสียจริง
“เฮ้ ฮับเบิล ไม่เจอกันนานนะครับ” ฉินสือโอวเข้ามาโอบกอดฮับเบิลอย่างกระตือรือร้น หลังจากทริปท่องเที่ยวของสภาการประมงสิ้นสุดแล้วพวกเขาทั้งสองก็ยังคงติดต่อกันเป็นประจำ อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะกลายเป็นผู้ร่วมธุรกิจกันอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ฮับเบิลพบกับโปรเจกต์การลงทุนหนึ่ง คือเขาอยากจะลงทุนธุรกิจยางพาราที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับพวกอเมริกันจากวอลสตรีต เขามาชวนให้ฉินสือโอวร่วมลงทุนด้วย แต่ตอนนั้นฉินสือโอวให้เงินสนับสนุนการหาเสียงกับแฮมเล็ตไปห้าสิบล้านเหรียญ ทำให้ในมือมีเงินไม่มากพอ ตอนนั้นจึงไม่ได้เข้าร่วมด้วย
หลังจากกอดกับฉินสือโอวแล้ว ฮับเบิลยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนที่ผมได้รับข่าว ผมก็รู้เลยว่าจะต้องได้เจอกับคุณแน่ ดังนั้นผมจึงเฝ้ารอวันนี้มาตลอดเลย”
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา เจ้าหมอนี่ช่างพูดเสียจริง เขาแนะนำเหมาเหว่ยหลงให้กับฮับเบิล จากนั้นทุกคนก็เริ่มคุยเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจของอเมริกาเหนือกัน
นักธุรกิจที่ดีล้วนเป็นนักพูดที่เก่งกาจ โดยเฉพาะที่ปรึกษาระดับแนวหน้า ไม่อย่างนั้นจะโน้มน้าวผู้ลงทุนได้เหรอ? ฮับเบิลเป็นที่สุดของที่สุดในด้านนี้ เขารู้ว่าเหมาเหว่ยหลงทำฟาร์มอยู่ จึงวิเคราะห์ข้อมูลฟาร์มของแคนาดาที่ส่งออกไปต่างประเทศให้ฟัง ทำเอาเหมาเหว่ยหลงฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
ไม่นานก็จะถึงเวลาที่นัดแล้ว ฉินสือโอวมองดูโทรศัพท์มือถือขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไมแขกอีกคนยังมาไม่ถึงอีกล่ะ?”
ฮับเบิลมองดูโทรศัพท์ของเขาแล้วยิ้มๆ ใบหน้าเผยให้เห็นว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เหมาเหว่ยหลงก็บ่นออกมาด้วย ฮับเบิลพูดว่า “ฉิน ถ้าหากผมเป็นคุณนะ ผมจะภาวนาไม่ให้เขามาคืนนี้ดีกว่า เชื่อผมสิ คุณไม่อยากเจอเขาหรอกครับ”
ฉินสือโอวเต็มไปด้วยสีหน้าสงสัย จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ เขาสูดหายใจเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “ฟัค!”
เขารู้ว่าอีกคนที่เหลือคือใครแล้ว
เจ้าของคนก่อนของฟาร์มปลาแกธเธอริง เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของนิวฟันด์แลน อัลเบิร์ต!
คนในเซนต์จอห์นทุกคนต่างก็รู้เรื่องขัดแย้งระหว่างเขากับอัลเบิร์ต เพราะฟาร์มปลาแกธเธอริง ทำให้อัลเบิร์ตเสียหายไม่น้อย ถึงขั้นเข้าเนื้อลามไปถึงกระดูกเลยก็ว่าได้ หากพูดถึงคนสังคมระดับสูงในนิวฟันด์แลนด์ คนที่ฉินสือโอวไม่อยากให้มามากที่สุด นั่นต้องเป็นอัลเบิร์ตแน่นอน
เป็นไปตามคาด ตอนที่เครื่องบินเตรียมจะออกบินแล้ว ก็มีคนรูปร่างอวบอ้วนคนหนึ่งพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งขึ้นเครื่องมาอย่างเร่งรีบ ฉินสือโอวปรายตามองไปทีหนึ่ง ถ้านี่ไม่ใช่เจ้าอ้วนอัลเบิร์ตแล้วจะยังเป็นใครได้อีก?
อัลเบิร์ตพาคุณนายร่างเล็ก รูปร่างเซ็กซี่คนหนึ่งกับเด็กอ้วนสามคนคนหนึ่งตัวโต อีกสองคนตัวเล็กมาด้วย เด็กสามคนนี้มีพิมพ์เดียวกับเขาไม่มีผิด ผมสีน้ำตาล รูปหน้าใหญ่ รอบๆ จมูกมีกระเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
หลังจากขึ้นเครื่อง อัลเบิร์ตมองไปเห็นแอร์แอร์โฮสเตสสาวสี่คนที่หน้าตาสละสลวยแล้วดวงตาก็เป็นประกายไปครู่หนึ่ง สายตาเขาจับจ้องไปที่เรียวขาที่สวยงามใต้ถุงน่องสีเนื้อของแอร์แอร์โฮสเตสสาวสวยที่ยืนอยู่หน้าสุดอย่างไม่ละสายตา
คุณนายร่างเล็กข้างเขาสังเกตเห็นถึงจุดนี้ จึงส่งเสียงกระแอมออกมาทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็หยิบบัตรเชิญออกมาโบกไปที่หน้าของแอร์โฮสเตส แล้วทั้งห้าคนก็เดินเข้ามา
แอร์แอร์โฮสเตสเดินตามอยู่ข้างหลังยิ้มแล้วพูดว่า “สวัสดีค่ะ คุณผู้หญิง ดิฉันขอดูบัตรเชิญของคุณอีกครั้งได้ไหมคะ?”
อัลเบิร์ตขมวดคิ้ว ทำทีวางมาดแล้วพูดว่า “หมายความว่าอะไร เธอจะบอกว่าบัตรเชิญของพวกเราเป็นของปลอมอย่างนั้นเหรอ?”
คุณนายร่างเล็กตั้งใจทำแบบนั้นเองแหละ เพราะไม่พอใจที่เมื่อกี้อัลเบิร์ตจ้องหัวหน้าแอร์โฮสเตสนั่นเอง แน่นอนว่า เธอไม่กล้าหือกับผู้ชายคนนี้อยู่แล้ว จึงไปลงกับแอร์โฮสเตสสาวแสนสวยแทน และจงใจหาเรื่องกับเธอ
แอร์โฮสเตสสาวสวยอธิบายอย่างมีมารยาทว่านี่เป็นกฎ เธอจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลในบัตรเชิญ คุณนายร่างเล็กทำหน้าถมึงทึงทันที แล้วพูดออกไปอย่างโกรธเคืองว่า “การกระทำของเธอเรียกว่าไม่ให้เกียรติ เข้าใจไหม? เธอแน่ใจว่าเธออยากจะไม่ให้เกียรติลูกค้าคนสำคัญของบริษัทเอ็กซ์เพรสจริงเหรอ? รอฉันไปร้องเรียนแล้วกัน ฉันจะเรียกร้องให้บริษัทเอ็กซ์เพรสให้คำตอบที่น่าพอใจกับฉันอย่างแน่นอน”
ทางบริษัทเอ็กซ์เพรสคงไม่ยอมเสียลูกค้าไปกับแอร์โฮสเตสที่จ้างมาอย่างแน่นอน หากว่าอัลเบิร์ตร้องเรียนไปแล้ว งั้นไม่ว่าอย่างไร บริษัทเอ็กซ์เพรสคงไม่ปกป้องแอร์โฮสเตสสาวคนนี้อย่างแน่นอน การให้เธอมาขอโทษคือการลงโทษที่เบาที่สุด
แอร์โฮสเตสสาวคนนี้จึงลำบากใจขึ้นมา ตามกฎแล้วเธอจำเป็นต้องตรวจเช็กข้อมูลในบัตรเชิญก่อน แต่สถานการณ์ของเธอในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องยากที่จะขอบัตรเชิญมาดูได้
ฉินสือโอวที่มองดูอยู่ข้างๆ มาตลอด รู้สึกว่าการกระทำของอัลเบิร์ตนั้นต่ำทรามเกินไป เขารู้สึกทนดูไม่ไหวขึ้นมา จึงยิ้มเยือกแล้วดีดนิ้วทีหนึ่ง เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจของอัลเบิร์ตและครอบครัว จากนั้นก็โบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ คุณอัลเบิร์ต ถึงตอนนี้คุณก็ยังวางอำนาจเหมือนเดิมเลยนะครับ”
เมื่อเห็นหน้าของฉินสือโอวชัดแล้ว ใจของอัลเบิร์ตก็แทบระเบิดออกมา ความดันเลือดพุ่งขึ้นมาในทันที ใบหน้าอวบอ้วนก็กลายเป็นสีแดง
แบรนดอนหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉินเป็นไอดอลคุณเหรอครับ คุณอัลเบิร์ต? ตอนผมหนุ่มๆ พอได้เจอกับไอดอลแล้วก็ตื่นเต้นแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าผมแนะนำว่าคุณสงบใจลงหน่อยก็ดีนะครับ เพราะว่ามันไม่ดีต่อหัวใจนะครับ!”
“ฟัค ฟัคยู!” อัลเบิร์ตกัดฟันแล้วสบถสองคำนี้ออกมา
ฟาร์มปลาแกธเธอริงทำให้เขาเสียหายไปถึงครึ่งร้อยล้าน นั่นน่ะคือรีสอร์ตระดับหรูที่เขาเตรียมการมานานหลายปี เพราะตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์และสภาพแวดล้อมที่ดีของเกาะแฟร์เวล เขาเคยมีความฝันว่าอยากจะสร้างฟาร์มวินด์เซอร์บนทะเลที่เกาะเล็กๆ แห่งนั้น
แต่เพราะฉินสือโอว ทำให้ทุกอย่างหายไปหมด เขาไม่เพียงแต่เสียเงิน แต่ยังสูญเสียโอกาสที่จะเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของแคนาดาที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
ฉินสือโอวที่ได้ยินคำพูดหยาบคายของเขา จึงชี้ไปที่เขาแล้วพูดว่า “อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนายนะ ตอนนี้บอดี้การ์ดของนายไม่ได้อยู่ด้วย แต่ฉัน….”
เขาชี้ไปที่ด้านหลัง นีลเซ็นกับแบล็คไนฟ์ยืนขึ้นมาด้วยสีหน้าเยือกเย็น ทั้งสองคนสวมชุดสูทสีดำกับรองเท้าหนังสีดำ พร้อมผูกเนกไทสีดำ บนหน้ายังสวมแว่นกันแดดโบลองอีกด้วย เต็มไปด้วยภาพลักษณ์บอดี้การ์ดของหัวหน้าแก๊ง
แน่นอนว่าอัลเบิร์ตรู้ถึงสำนวนที่ว่าคนฉลาดต้องถอยในยามที่อยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ เขาจ้องไปที่ฉินสือโอวอย่างเคียดแค้นทีหนึ่ง แล้วพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ดี ดีมาก! ที่รัก พาพวกเด็กๆ ไปที่ห้องสวีท พวกเราจะไม่อยู่ร่วมกับคนเถื่อนพวกนี้”
แบรนดอนเข้าไปขวางเขาไว้ ใช้สายตาแนะนำคุณนายร่างเล็กที่อยู่ข้างๆ อัลเบิร์ตว่า “ตรวจสอบบัตรเชิญก่อนด้วยครับ ไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าพวกคุณมาจากที่ไหน?”
“แล้วคุณเป็นใครคะ? คุณพูดแบบนี้คือกำลังสงสัย…คุณนายร่างเล็กกำลังจะโกรธ แต่อัลเบิร์ตได้แย่งบัตรเชิญมาแล้วโยนให้กับแอร์โฮสเตสสาว แล้วตะโกนออกไปเสียงดังว่า “ไปห้องสวีท ฉันไม่อยากพูดรอบสอง!”
คุณนายร่างเล็กกระทืบเท้าไปมา ใช้สายตาที่ไม่พอใจมองไปที่แบรนดอนสองที จากนั้นก็บิดเอวที่บางเล็กกับสะโพกที่โด่งงอนนั้นเดินเข้าไปห้องสวีทที่อยู่ส่วนหน้าของห้องโดยสาร เด็กทั้งสามคนที่ตอนแรกกำลังหยอกล้อกันอยู่ เมื่อเห็นคุณพ่อโกรธก็สงบลง
ฮับเบิลยักไหล่ เม้มปากแล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “ดูท่าผมคงดูถูกความขัดแย้งของคุณทั้งสองไปหน่อยนะครับ”
ฉินสือโอวปัดมือไปมาแล้วพูดว่า “ไม่หรอกครับ เป็นเขาฝ่ายเดียวที่มีอคติกับผม ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ไม่เลวคนหนึ่งเลย ดูทึ่มๆ แถมน่ารักด้วย ฟาร์มปลาที่เขาให้ผมมาก่อนหน้านี้ก็ไม่เลวเลย ความจริงแล้วผมชอบเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้มากนะ”
แอร์โฮสเตสสาวสวยใช้เครื่องมือเล็กๆ เครื่องหนึ่งที่ดูเหมือนกับเครื่องสแกนนำมาสแกนไปที่บัตรเชิญ หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาก็นำบัตรเชิญคืนให้กับคุณนายร่างเล็ก จากนั้นก็กลับมาพูดกับแบรนดอนด้วยรอยยิ้มขอบคุณว่า “ขอบคุณที่ช่วยนะคะ เชิญคุณนั่งรอสักครู่ เที่ยวบินของเรากำลังจะออกเดินทางแล้วค่ะ”
แบรนดอนยิ้ม ฉินสือโอวนึกว่าคาสโนวาคนนี้จะหยอกแอร์โฮสเตสสาวเสียแล้ว แต่เขาไม่ทำอย่างนั้น กลับเดินกลับมาด้วยท่าทีสุขุมแทน
ไม่ถูกนี่นา ฉินสือโอวมองดูแบรนดอนอย่างแปลกใจ
…………………………………….