ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 949 บังคับให้ฉันจัดการนาย
แต่ว่าเขาไม่ใช่รปภ. แต่เป็นคนที่จะปกป้องเต่ามะเฟือง อย่างไรเสียฟาร์มปลาของเขาก็เป็นสถานที่อนุรักษ์เต่ามะเฟืองเพียงแห่งเดียวในแคนาดา
เขาจึงอธิบายว่า “ผมกล้ารับประกัน มันไม่กลับมาที่ทะเลแถบนี้อีกแน่นอน อีกอย่างความจริงแล้วเต่ามะเฟืองไม่ใช่สัตว์ดุร้าย พวกคุณก็เห็น เมื่อกี้นี้เพราะมีคนมาก่อกวนพวกมันก่อน มันจึงจำเป็นต้องตอบโต้….”
พวกรปภ.รู้ถึงจุดนี้ดี แต่หลังจากมองหน้ากันแล้ว ก็ยังคงยักไหล่ให้ฉินสือโอวแล้วทำท่าว่าช่วยอะไรไม่ได้
ฉินสือโอวเอามือทั้งสองข้างเท้าเอวไว้แล้วมองไปที่พวกรปภ.อย่างหมดหนทาง เขากำลังเรียบเรียงคำพูดว่าจะพูดอย่างไรดี แต่ในตอนนี้นี่เองที่อัลเบิร์ตพุ่งเข้ามาแล้วตะโกนว่า “เจ้าพวกคนโง่! พวกนายยังยืนบื้ออยู่ทำไม? รีบไปฆ่าไอ้สารเลวแล้วก็โหดร้ายตัวนี้สิ! ฉันไม่สนว่าพวกนายจะเผามันหรือว่าอะไร รีบๆ ไปฆ่ามันซะ เดี๋ยวนี้!”
หัวหน้าดูแลความปลอดภัยที่ได้รับเรื่องรีบเข้ามา เขาพูดให้อัลเบิร์ตใจเย็น แล้วก็ส่งสายตาจ้องเขม็งไปที่ลูกน้อง แล้วพูดว่า “รีบเอาเจ้าเต่านี่ไปจัดการซะ”
ฉินสือโอวส่ายหัว การจะปล่อยเต่ามะเฟืองไปภายใต้สายตาคนพวกนี้นั้นไม่ง่ายเลย เขาคิดจะตามรปภ.พวกนี้ไปด้วย ถึงตอนนั้นค่อยยัดเงินให้ทีละคน แค่นี้การจะจัดการเต่ามะเฟืองอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้วไม่ใช่เหรอ?
แต่อัลเบิร์ตก็ไม่ใช่คนโง่ เขาชี้ไปที่เต่ามะเฟืองแล้วตะโกนว่า “รีบเลย! ตอนนี้! เดี๋ยวนี้! ฆ่ามันซะ!”
อย่างไรเสียเจ้าซื่อก็มีชีวิตมานานถึงหลายสิบปีบางทีอาจจะร้อยปีด้วยซ้ำ ทำให้มันยังมีความฉลาดกับเรื่องง่ายๆ อยู่บ้าง มันรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว จึงยืนขึ้นมาในสวิงนั้น ส่ายขาทั้งสี่กับหัวไปมาเพื่อเต้นรำ เพราะตอนที่อยู่ที่เกาะแฟร์เวลนั้น ขอแค่มันทำแบบนี้ ฉินสือโอวกับพวกนักท่องเที่ยวก็จะให้ของกินมันเป็นรางวัล
ดังนั้น ในสมองที่ไร้เดียงสาของมันนั้น จึงคิดว่าการทำแบบนี้จะสามารถได้รับมิตรภาพจากมนุษย์ได้
ฉินสือโอวมองเห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา เขาเดินเข้าไปตบเบาๆ ไปที่หัวของเต่ามะเฟืองผ่านสวิง แล้วพูดว่า “เฮ้ๆ ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะพานายกลับไปในทะเลเอง”
แน่นอนว่าพวกรปภ.ไม่สามารถฆ่าเต่ามะเฟืองภายใต้สายตาคนมากมายแบบนี้ได้ อย่างไรเสียที่นี่ก็ยังมีเด็กอีกมากมาย ดังนั้นหัวหน้ารปภ.จึงอธิบายให้อัลเบิร์ตฟังว่า เดี๋ยวพวกเขาจะไปจัดการให้เอง ตอนนี้ขอให้ใจเย็นลงก่อน
แต่อัลเบิร์ตจะใจเย็นได้อย่างไร? เขาร้องตะโกนเสียงดัง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฆ่าเต่ามะเฟืองให้ได้ ตอนนี้เองที่ผู้ปกครองของพวกเด็กๆ เริ่มไม่พอใจขึ้นมา แล้วตำหนิเขาว่า “จะจัดการอย่างไรพวกเราไม่สนใจ แต่อย่ามาทำที่นี่ ที่นี่เป็นสวนสนุกของเด็กๆ!”
ผู้ปกครองคนอื่นก็ออกเสียงตำหนิอัลเบิร์ตเช่นกัน คนพวกนี้เปล่งเสียงนิดเดียวก็ดังกว่าเสียงของเขาได้แล้ว อัลเบิร์ตเป็นเพียงนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของแคนาดาเท่านั้น แต่คนที่นี่กลับมีทั้งซีอีโอและประธานบริษัทของธุรกิจยักษ์ใหญ่ห้าร้อยอันดับแรกของโลกเลย
หลังจากสบถออกไปไม่กี่คำเสร็จ อัลเบิร์ตก็ดึงตัวหัวหน้ารปภ.มาแล้วบอกว่าเขาจะร่วมดูการจัดการเต่ามะเฟืองตัวนี้ด้วย เพื่อเป็นการสยบไฟแค้นในใจ
หัวหน้ารปภ.ตอบตกลง ฉินสือโอวก็ดึงตัวรปภ.สองสามคนไว้ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกนายไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? เต่ามะเฟืองตัวนี้ ไม่ได้เข้าทำร้ายคนก่อน แต่เพราะมีคนจะทำร้ายมัน มันก็เลยตอบโต้กลับเท่านั้น! อีกอย่าง มันก็แค่ใช้ผิวที่หยาบกร้านนั้นข่วนไปโดนมือของเด็กคนนั้นเท่านั้น ไม่ได้กัดนิ้วมือขาดหรือว่ากัดเนื้อออกมาสักหน่อย เข้าใจไหม?!”
คนที่มาร่วมงานประจำปีของบริษัทเอ็กซ์เพรสนั้นล้วนมีแต่พวกตัวเป้งทั้งนั้น ไม่มีคนกล้าดูถูกเขาเพียงเพราะเขาอายุน้อย พวกรปภ.รู้ว่าพวกเขาไม่ควรขัดใจอัลเบิร์ต แต่ก็ไม่ควรขัดใจคนหนุ่มตรงหน้าคนนี้ด้วย ดังนั้นจึงจำใจยอมเป็นกระสอบทรายรับอารมณ์แทน
ฉินสือโอวตบไปที่ไหล่ของพวกรปภ.เบาๆ เพื่อบ่งบอกว่าเขาเข้าใจ เขาพูดกับอัลเบิร์ตอย่างใจเย็นว่า “เพื่อน เป็นลูกของนายที่อยากจะทำร้ายเต่าตัวนี้…”
“ฉันไม่อยากพูดกับนาย หุบปาก! คนจีน นายหลีกไป ตอนนี้ฉันจะจัดการกับเต่าที่ทำร้ายลูกของฉัน มันไม่ใช่คนชาติเดียวกับนาย! หรือว่านายเห็นว่าเต่ามะเฟืองตัวนี้เป็นคนชาติเดียวกับนายเหรอ?” อัลเบิร์ตพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา ชี้ไปที่อัลเบิร์ตแล้วพูดว่า “ดูสิ เพื่อน ลูกของนายยังอยู่ข้างๆ นาย ดังนั้นฉันจึงไม่สะดวกชกนาย ไม่อย่างนั้นอาจทำร้ายโดนลูกนายได้ ตอนนี้ฉันยังไว้หน้านาย นายขอโทษฉันมาจะดีกว่า จากนั้นก็ให้เต่ามะเฟืองหนีไป ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่”
อัลเบิร์ตร้องออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นว่า “ไม่จบง่ายๆ เหรอ? ดีเลย ฉันจะดูว่าจะไม่ง่ายสักแค่ไหน! ฉันจะดูว่าจะไม่ง่ายเหมือนที่นายขโมยรีสอร์ตของฉันไปหรือเปล่า! นายมันไอ้สารเลว ขโมย…”
ระหว่างพูดอยู่ เขาก็เงียบไป จากนั้นก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่านายจะมีความสัมพันธ์พิเศษกับเต่ามะเฟืองตัวนี้นะ? ตอนที่ฉันอยู่ที่เซนต์จอห์นได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนายมากมาย มีคนบอกว่านายสามารถขี่ปลาโลมาและปลาวาฬในทะเลได้ ก็เลยสามารถทำให้ฟาร์มปลาที่ล้มละลายกลายเป็นฟาร์มปลาที่ใหญ่ที่สุดได้ในเวลาสั้นๆ”
ฉินสือโอวยิ้มไม่พูดอะไร นีลเซ็นกับแบล็คไนฟ์มาถึงแล้ว เขาส่งสายตาไปทีหนึ่ง ให้ทั้งสองคนพาลูกของอัลเบิร์ตออกไป
อัลเบิร์ตไม่ทันสังเกต ยังคงพูดต่อด้วยท่าทีได้ใจว่า “ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง งั้นนายก็ขี่เต่าได้ด้วยหรือเปล่า? งั้นทำไมฉันจะคิดไม่ได้ว่านายเป็นคนสั่งให้เต่ามากัดลูกของฉัน?”
มีผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาดูใจดีคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดว่า “พอเถอะค่ะ คุณ ฉันสามารถเป็นพยานได้ ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อหนุ่มคนนี้เลย เขานี่แหละที่เข้าไปช่วยห้ามเลือดให้ลูกคุณเป็นคนแรก เป็นลูกชายคุณที่ทำร้ายเต่าแล้วโดนมันกัดเข้าจริงๆ นะคะ”
หญิงวัยกลางคนคนนี้ดูท่าจะไม่ใช่คนธรรมดา เพราะอัลเบิร์ตไม่กล้าชักสีหน้าใส่เธอเลย แต่กลับพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ถ้าไม่เกี่ยวอะไรกับเขาจริงๆ แล้วทำไมเขาถึงต้องรีบมาห้ามเลือดให้ลูกผมล่ะ?”
ผู้คนรอบข้างพากันโห่ร้องขึ้นมาทันที มีคนพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “ฟังคำพูดนี้สิ! เป็นคำพูดที่เลวทรามจริงๆ! คำพูดนี้ไม่ใช่คำที่จะออกมาจากปากของสุภาพบุรุษอย่างแน่นอน!”
ฉินสือโอวไม่พูดอะไร เพียงยิ้มแล้วส่ายหัวเท่านั้น
อัลเบิร์ตไม่สนว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไร เขาชี้ไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “ดูสิ ทำไมเจ้านี่ไม่พูดอะไรเลย? เพราะฉันพูดถูกสินะ เขาถึงได้พูดไม่ออกเลย…”
ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่เลย เจ้าอ้วน ฉันไม่ได้พูดไม่ออก ฉันแค่รู้สึกว่าตอนนี้พูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ ดูนี่ นี่คืออะไร?”
เขาชูกำปั้นขึ้นมาแล้วยื่นไปข้างหน้า ตามด้วยใช้มือซ้ายจับไปที่ไหล่ของอัลเบิร์ต กำปั้นถูกเหวี่ยงออกไปเร็วราวกับสายลม ฝูงชนต่างก็มองท่าทางเขาไม่ชัดนัก ได้ยินเพียงแค่เสียง ‘ตุ้บ’ ดังขึ้นมา แล้วเห็นฉินสือโอวปล่อยมือซ้ายออก อัลเบิร์ตเอามือกุมท้องทางด้านขวาแล้วทรุดนั่งลงไปกับพื้น
หน้าแดงคอบวมเปล่ง!
ดวงตาเหลือก!
อ้าปากค้างไว้เผยให้เห็นคราบฟันเหลืองในปาก แต่กลับส่งเสียงได้แค่เสียงหายใจเบาๆ!
ฉินสือโอวเข้าไปนั่งลงข้างๆ อัลเบิร์ต สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ฟังนะ คราวหลังนายต้องระวังปากบ้าง ไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าอาจจะได้กินลูกกำปั้นอีกก็ได้?”
แม้ว่าผู้คนรอบข้างจะไม่พอใจที่อัลเบิร์ตมาก่อเรื่อง แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่ฉินสือโอวใช้กำลังแก้ไขปัญหา พวกเขาพากันส่ายหัวอย่างไม่พอใจ แล้วพาลูกๆ ออกไป
พวกเด็กๆ กลับรู้สึกสนใจฉินสือโอวเป็นอย่างมาก มีเด็กผมทองตัวผอมคนหนึ่งถึงกับตะโกนออกมาว่า “เฮ้ๆ รีบใช้กระบองสองท่อนเร็ว…”
พ่อของเด็กหนุ่มผลักเขาไปที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “ไวส์ รีบไปจากที่นี่เลย ที่ลูกพูดไปคืออะไรน่ะ? ลูกไปหัดพูดภาษาจีนมาตั้งแต่ตอนไหน?”
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อไวส์กำลังอยู่ในช่วงวัยเผด็จการ เขาไม่สนใจพ่อ และยังคงตะโกนให้ฉินสือโอวว่า “กระบองสองท่อน! เอากระบองสองท่อนออกมา! ย้าๆ! พวกเราชาวจีนไม่ใช่คนป่วยเอเชียตะวันออกนะ!”
…………………………………………………..