ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 953 คารวะอาจารย์
คล้ายกับกำลังงอนอยู่ หลังจากนั้นองค์ชายน้อยก็ไม่สนใจฉินสือโอวอีกเลย เขาเดินถือไม้กอล์ฟราคาแสนกว่าดอลลาร์ที่แสนหวงแหนของเขาเดินไปเดินมา แคดดี้คนหนึ่งนึกว่าเขาไม่มีลูกจะตีแล้ว จึงเข้าไปพูดอย่างสุภาพว่า “คุณผู้ชายสามารถเล่นอย่างสบายใจได้เลยนะคะ พวกเราได้เตรียมลูกมาเพียงพอค่ะ”
องค์ชายน้อยกะพริบตา มองไปที่สนามหญ้าอย่างหวาดระแวง กำลังคิดว่าตัวเองไม่ถูกโฉลกกับที่นี่หรือเปล่า ทำไมตั้งแต่มาถึงก็ไม่มีตอนไหนที่สบายใจเลย?
เกมตีกอล์ฟดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนพระอาทิตย์ตกดินและไม่มีแสงเพียงพอแล้ว พวกพี่ใหญ่ถึงจะจำใจยอมกลับกัน
เคนเนดีขึ้นนั่งบนรถกอล์ฟแล้วโบกมือเรียกให้ฉินสือโอวขึ้นมา ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าบิดาแห่งบัตรเครดิตคนนี้เรียกตัวเองทำไม แต่ก็ขึ้นไปบนรถด้วยความงุนงง แต่ถือว่าเขาฉลาดใช้ได้เลย เมื่อเห็นเคนเนดีนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ เขาจึงขึ้นไปนั่งที่ฝั่งคนขับทันที
รถกอล์ฟขับออกไป เคนเนดีไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากออกจากสนามกอล์ฟแล้วเขาได้หยิบซิการ์ออกมาอย่างรวดเร็ว ใช้ที่ตัดซิการ์ตัดออกจุดไฟแล้วก็คาบไว้ในปากอย่างชำนาญ จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า “หลังออกกำลังเสร็จได้สูบซิการ์สักมวนนี่ ช่างเป็นชีวิตดั่งพระเจ้าจริงๆ!”
ฉินสือโอวหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร เขารู้ว่าตาแก่เคนเนดีต้องมีอะไรอยากพูดกับเขา และคงเกี่ยวกับอัลเบิร์ตอย่างแน่นอน
จริงตามนั้น หลังจากสูบไปไม่กี่คำแล้ว เคนเนดีก็พูดว่า “พ่อหนุ่ม คุณเคยเรียนการต่อสู้มาเหรอครับ?”
ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่ครับ แต่ว่าบอดี้การ์ดของผมเคยสอนมวยทหารมาก่อน หมัดของผมวันนี้ก็มาจากมวยทหารนั่นแหละครับ”
เคนเนดีพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดีจัง การพูดกับเด็กฉลาดมันก็ง่ายแบบนี้แหละ ผมได้คุยกับคุณอัลเบิร์ตแล้ว สาเหตุของเรื่องขัดแย้งระหว่างคุณสองคนผมก็รู้แล้ว ผมไม่อยากออกความเห็นอะไร แค่อยากจะบอกคุณถึงบทสรุปของการสนทนาของพวกเรา ความขัดแย้งของพวกคุณนั้นไม่ใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้เลย แต่สามารถทำได้โดยคุณต้องขายฟาร์มปลาส่วนหนึ่งให้กับเขา”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “ฟาร์มปลาแกธเธอริงเหรอครับ?”
เคนเนดียักไหล่แล้วพูดว่า “น่าจะใช่นะครับ มีแค่ฟาร์มปลานั้นที่มีรีสอร์ตใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวพูดอย่างช้าๆ ว่า “ผมต้องพูดความคิดเห็นของผมด้วยไหมครับ?”
เคนเนดีพูดว่า “มีความจำเป็นเหรอครับ? ถ้าหากผมเป็นคุณ ผมคงต้องไปหาเขาแล้วชกเขาอีกสักรอบ ให้เขารู้เสียบ้างว่าความโลภมากนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก!”
คำตอบนี้ทำให้ฉินสือโอวตกใจเล็กน้อย เขานึกว่าเคนเนดีจะมาเป็นคนไกล่เกลี่ยเสียอีก ดูท่าคงจะไม่ใช่
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวเริ่มเดาไม่ออกแล้วว่าจุดประสงค์ที่ตาแก่คนนี้เรียกเขามานั่งรถด้วยคืออะไร เขาขับรถกลับไปยังเขตห้องพักด้วยความสงสัย ภายหลังทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย เขาตั้งใจขับรถ ส่วนตาแก่ก็มองดูทิวทัศน์รอบๆ อย่างใจเย็น
กลับถึงวิลล่า พวกเบลคที่ออกไปร่วมกิจกรรมกันยังไม่กลับมา มื้อค่ำได้ถูกเตรียมไว้อีกแล้ว เป็นมื้อที่ต่างกับเมื่อวานโดยสิ้นเชิง
ฉินสือโอวถอดเสื้อออกอยากจะไปอาบน้ำ แต่ขณะที่เขาเพิ่งเข้าไปในสระว่ายน้ำเท่านั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า “เฮ้ คุณบอดี้การ์ด ได้ข่าวว่าวันนี้คุณดังใหญ่เลยใช่ไหมคะ?”
ไม่ต้องหันไปมอง แค่ฟังเสียงฉินสือโอวก็รู้ได้ว่านี่คือเสียงของนิกกี้ ฮิลตัน แต่พอเขาหันหน้ากลับไปมองแล้วกลับรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เพราะนอกจากนิกกี้แล้ว แพรีส ฮิลตันก็อยู่ด้วย เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงอาบแดดอยู่
ฉินสือโอวหันหน้าไปเจอเข้ากับสายตาของแพรีสพอดี ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาตาวาวเป็นประกาย จับจ้องไปที่กล้ามเนื้อของเขาราวกับสายตาของหมาป่าที่กำลังมองเนื้อแพะอันโอชะอย่างไรอย่างนั้น
โบกมือเป็นการทักทายเสร็จ ฉินสือโอวก็แช่ลงในน้ำทะเลที่ยังคงร้อนอยู่แล้วถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย แล้วพูดว่า “คุณหมายถึงเรื่องที่ผมไปชกคนมาเหรอครับ? ใช่แล้ว ดูท่าว่าผมจะโด่งดังแล้วจริงๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องที่ผมมีเรื่องชกต่อยกันหมดแล้ว”
นิกกี้ว่ายน้ำมาพาดตัวอยู่บนกระจกนิรภัย โดยไม่สนใจก้อนเต้าหู้ขาวเนียนที่โผล่ออกมาจากทรวงอก เธอยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องชกต่อยกันเป็นเรื่องที่ดังมากก็จริง แต่ที่ฉันอยากพูดก็คือ คุณกับเคนเนดี เคอร์ โมล และฮามานแดนไปตีกอล์ฟด้วยกันต่างหาก นั่นแหละถึงจะเรียกว่าโด่งดังแล้วจริงๆ”
สายตาของฉินสือโอวมองไปที่รูปร่างของนิกกี้แวบหนึ่ง ยักไหล่แล้วพูดว่า “ไม่ครับ ผมไม่ได้ไปตีกอล์ฟหรอก คุณก็รู้สถานะของผมดี ผมเป็นบอดี้การ์ดเท่านั้น ผมไปเพื่อปกป้องคนพวกนั้นต่างหาก”
แพรีสลุกนั่งขึ้นมา ใช้สายตาเร่าร้อนนั้นจ้องไปที่ท่อนบนของฉินสือโอวแล้วถามว่า “งั้นขอถามคุณบอดี้การ์ดหน่อย ค่าตัวคุณเท่าไรคะ?”
ฉินสือโอวไม่รู้สึกสนใจสาวพวกนี้เลยสักนิด การที่วินนี่ท้องอยู่ทำให้ไฟในตัวเขาสุมอยู่มากก็จริง แต่เขาก็ไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับสาวเสเพลอย่างแพรีสแต่อย่างใด จึงพูดอย่างนอบน้อมว่า “ราคาถูกตั้งโดยภรรยาของผมครับ หากพวกคุณสนใจผมสามารถให้เบอร์ติดต่อของเธอกับพวกคุณได้นะครับ เธอเป็นผู้จัดการของผมด้วยครับ”
เสียงที่สดใสของนิกกี้หัวเราะร่าออกมา ส่วนแพรีสนั้นมองไปที่หน้าของฉินสือโอวด้วยความรู้สึกสนใจ แล้วก็นอนลง หยิบมือถือออกมาเล่นอย่างตั้งใจแทน
ฉินสือโอวแช่น้ำอยู่สักพัก ตอนนี้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากห้องรับแขก ตอนแรกเขานึกว่าเป็นใครสักคนในพวกบิลลี่ แต่ว่าเสียงฝีเท้าเบาและถี่มาก ไม่ค่อยเหมือนกับลักษณะของคนพวกนั้นสักเท่าไร
เป็นไปตามคาด เสียงที่ดังขึ้นมานั้นได้ยืนยันในสิ่งที่เขาคิด เป็นเสียงของเด็กคนหนึ่งดังขึ้นมา “อาจารย์ อาจารย์! ผมคือไวส์ ผมกลับมาแล้ว คุณอยู่ที่ไหนครับ? เชิญคุณออกมารับการคารวะจากลูกศิษย์ด้วยครับ!”
การที่ฉินสือโอวได้ยินเสียงนี้ทำให้เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เด็กน่าสนใจที่เจอกันตอนบ่ายนั้นมาหาเขาจริงๆ เหรอ? และมาเพื่อคารวะอาจารย์จริงๆ เหรอ?
เขายืนขึ้นออกจากน้ำ เสียงน้ำดังซู่ซ่าออกมา
เด็กหนุ่มก็คงได้ยินเสียงนี้ด้วย จึงรีบวิ่งเข้ามา จากนั้นเขายืนเกาะอยู่ที่ประตูแล้วมองดู เมื่อเห็นนิกกี้กับแพรีส ใบหน้าน้อยๆ นั้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้มเขินอาย แต่ไม่นานก็รีบหลบเข้าไปแล้วพูดว่า “อาจารย์ ผมรอคุณอยู่ข้างนอกนะครับ ไม่แอบดูแน่นอน!”
ฉินสือโอวหมดคำจะพูดในทันที เด็กหนุ่มคนนี้อายุแค่สิบเอ็ดสิบสองขวบเท่านั้น อายุน้อยกว่าพวกเชอร์ลี่ย์อีก ทำไมดูจะเข้าใจอะไรๆ มากมายอย่างนี้? เด็กอเมริกันนี่ไม่ใช่เล่นจริงๆ
เขาไม่มีกะใจจะอาบน้ำจืดแล้ว หลังจากเช็ดตัวอย่างลวกๆ เสร็จ ก็สวมเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วรีบเดินเข้าไปทันที และเมื่อเข้าไปในห้องรับแขกแล้วเขาก็ต้องตกใจยกใหญ่ เด็กคนนั้นถึงขั้นนั่งคุกเข่าอยู่กลางห้องรับแขก มือทั้งสองวางไว้บนหัวเข่า ตัวตรงก้มหัวไว้ ท่าทางอย่างกับจะคารวะอาจารย์จริงๆ อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเห็นฉินสือโอวมาถึง สีหน้าเขินอายบนใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างเมื่อกี้ได้หายไปแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่จริงจังก้มหัวให้เขาแล้วพูดว่า “อาจารย์ โปรดรับการคารวะจากศิษย์ด้วย!”
ฉินสือโอวตกใจจนแทบจะฉี่ราดกางเกง เด็กคนนี้ทำอะไรเนี่ย คารวะอะไรกัน เขาไม่ใช่พระหรือนักบวชเสียหน่อย และก็ไม่มีคัมภีร์การต่อสู้อะไรด้วย เจ้าเด็กนี่มาคารวะตัวเขาทำไมกัน?
เขารีบเดินเข้าไปดึงตัวเด็กหนุ่มขึ้นมา แล้วพูดว่า “นายกำลังเล่นอะไรอยู่? ฉันเป็นอาจารย์อะไรกัน? นายไม่ได้ไปถามใครมาก่อนเหรอ? ฉันเป็นแค่ชาวประมงมาจากแคนาดาเท่านั้น ไม่ใช่ยอดฝีมืออะไรเลย!”
เด็กหนุ่มพูดว่า “แน่นอนว่าผมไปถามมาก่อนแล้ว พระสงฆ์ นักพรต แม่ชี ขอทาน ชาวประมง นักบวชหรือคนตัดฟืน นี่แหละคืออาชีพของคนที่กลายเป็นยอดฝีมือได้ง่ายที่สุดแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ฉินสือโอวก็รู้ได้ในทันทีว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่เพียงแต่เคยดูหนังวิทยายุทธ์เท่านั้น แต่ยังเคยอ่านนิยายวิทยายุทธ์อีกด้วย!
ฉินสือโอวให้เขานั่งบนโซฟา แล้วอธิบายอย่างเลือกไม่ได้ว่าตัวเองไม่ใช่ยอดฝีมืออะไรเลย เด็กหนุ่มฟังแล้วก็หยิบมือถือออกมาเปิดแล้วยื่นสองมือให้เขาดู จากนั้นก็ไปยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีนอบน้อม
หลังมองไปบนมือถือทีหนึ่งแล้ว ฉินสือโอวก็ตาโตทันที!
…………………………………………………….