ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 958 แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ
อาฟิฟเดินกลับมา เขาชวนฉินสือโอวไปเดินชมปะการังและเก็บเปลือกหอยด้วยกัน
ฉินสือโอวไม่ได้ติดธุระอะไร อีกอย่างอาฟิฟก็มาชวนด้วยแล้ว เขาจึงไม่ได้ปฏิเสธอีก และขึ้นเรือไปกับทั้งสองคน
เจ้าหญิงโลลิต้าดีใจเป็นอย่างมาก เธอถามออกมาว่า “ปลาพระจันทร์กับหอยทะเลที่สวยๆ อะไรหายากกว่ากันงั้นเหรอคะ?”
ฉินสือโอวไม่เข้าใจความหมายของคำถามของเธอ เขาจึงตอบกลับตามความเป็นจริง “ต้องเป็นปลาพระจันทร์สิครับ ปลาชนิดนี้เป็นปลาทะเลที่ล้ำค่าชนิดหนึ่ง หากจับมันได้ก็ถือว่าโชคดีมาก ส่วนหอยทะเลที่สวยๆ สามารถเจอได้ทั่วไปตามริมชายฝั่ง”
แค่นี้เจ้าหญิงโลลิต้าก็ดีใจแล้ว เธอพูดออกมาว่า “แม้แต่ปลาพระจันทร์คุณก็ตกได้ เช่นนั้นคุณจะต้องหาหอยทะเลสวยๆ ได้แน่นอนใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ เมื่อได้ยินแบบนี้เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ปีที่แล้วหลังจากพายุหยุดลงเขาก็ตกปลาพระจันทร์ตัวใหญ่ตัวหนึ่งได้ที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ต่อมาปลาตัวนั้นก็ได้ถูกนำไปร่วมงานประมูลการกุศล และดูเหมือนเจ้าหญิงโลลิต้าจะเป็นคนซื้อมันไป
ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกันไปเรื่อยๆ เพื่อรอไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ พี่ชายคนโตอย่างฮามานแดนก็ปรากฏตัวขึ้น เขาสวมชุดลำลองที่หูมีหูฟังอยู่ ดวงตาสีเข้มลึกมองไปยังท้องทะเลที่ลึกยิ่งกว่า เขาก็ยังคงเป็นตัวละครที่หล่อที่สุดในจักรวาล
นอกจากนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนธรรมดา เพราะเจ้าชายน้อยคนนี้เป็นคนที่สง่างามมาก ถ้ามีคนมาขอถ่ายรูป แม้แต่พนักงานบริการเอง เขาก็แสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสดใสออกอย่างเคอะเขิน หลังจากนั้นเขาก็จะมองไปยังกล้องด้วยใบหน้าอันหล่อเหลา
แน่นอนว่า นี่เป็นหลักฐานที่บ่งบอกว่าผู้ที่ต้องการถ่ายรูปด้วยสามารถฝ่าวงล้อมของบอดี้การ์ดเข้ามาได้
คนที่เข้าร่วมงานประชุมของอเมริกันเอ็กซ์เพรสส่วนมากแล้วจะมีบอดี้การ์ดติดตัวมาด้วย บางคนเป็นผู้ช่วยบอดี้การ์ดมาแทน แต่ส่วนใหญ่แล้วหนึ่งคนจะมีจะบอดี้การ์ดสองคน มีเพียงเจ้าหญิงและเจ้าชายจากตะวันออกกลางเท่านั้น ที่จะมีบอดี้การ์ดค่อนข้างเยอะ ราวกับพวกเขาพามาทั้งหน่วยอย่างไรอย่างนั้น
อันที่จริงแล้วการรักษาความปลอดภัยของบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรสนั้นดีมากอยู่แล้ว พวกเขาที่อยู่ในอุตสาหกรรมการบริการ ย่อมมีบริษัทรักษาความปลอดภัยที่เป็นมืออาชีพดูแลอยู่แล้ว ทั่วทั้งรีสอร์ตมีการจัดการความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เท่าที่ฉินสือโอวรู้ พวกเขาเช่าฝูงบินติดกำลังอาวุธมาจากออสเตรเลียเลยด้วย!
มาจนถึงตอนนี้ เหตุการณ์บาดเจ็บที่เกิดขึ้นในรีสอร์ตที่เกี่ยวข้องกับฉินสือโอวมีเพียงเหตุการณ์เดียวเท่านั้น นั่นคือเหตุการณ์เต่ามะเฟืองกัดคน นี่เป็นการโจมตีเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นเรียบร้อยดี
พื้นที่ชายหาดรอบๆ รีสอร์ตในระยะราวแปดร้อยเมตรถูกจัดการอย่างเรียบร้อย และมีคนทำความสะอาดทุกวัน ทรายที่อยู่ใต้ท้องทะเลนั้นเป็นทรายที่ละเอียดกว่าบนชายหาด แม้แต่ปะการังใหญ่ๆ แถวนี้ก็ไม่มีให้เห็น ทำให้บริเวณน่านน้ำใกล้ๆ นี้กลายเป็นห้องอาบน้ำขนาดใหญ่
ดังนั้น เมื่อแขกต้องการที่จะชมปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟและสัตว์ใต้ทะเล ก็ต้องนั่งเรือออกไปยังบริเวณที่จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น ซึ่งจะต้องออกจากเขตฟาร์มปลาไป
เรือสำราญหรูสี่ชั้นเข้ามาเทียบท่าช้าๆ กัปตันเรือออกมาต้อนรับแขกทุกคนที่ขึ้นเรือด้วยตัวเอง จากนั้นก็แจกใบปลิวโฆษณาให้กับทุกคน บนใบปลิวเป็นการแนะนำสถานการณ์น่านน้ำทะเลที่เป็นจุดหมายปลายทาง รวมถึงมีการอธิบายเกี่ยวกับอุณหภูมิของน้ำและสัตว์ทะเลที่จะสามารถเห็นได้
เมื่อแขกเหรื่อทุกคนขึ้นเรือแล้ว เรือสำราญก็แล่นไปทางทิศเหนือ พวกเขากำลังออกเดินทางไปยังเมืองเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘ฮัสกี’ มันเป็นชื่อเดียวกันกับสุนัขสายพันธุ์ตลกๆ พันธุ์หนึ่ง แต่ว่าที่เมืองแห่งนี้ไม่ได้น่าขันเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเมืองหนึ่ง
น้ำทะเลที่อยู่รอบๆ เกรตแบร์ริเออร์รีฟเป็นสีฟ้าเขียวสวยงามจับใจ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าไหล่ทวีปที่ค่อนข้างยาว น้ำทะเลจึงตื้น และน้ำก็สะอาด เมื่อแสงของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมายังผิวน้ำ แสงนั้นสามารถส่องทะลุผ่านลงไปจนเห็นก้นทะเลได้
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหญิงโลลิต้ามาที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟมาที่นี่เป็นครั้งแรก เธอนอนลงและมองออกไปนอกเรื่อง เธอส่งเสียงร้อง ‘ว้าว ว้าว ว้าว’ ออกมาไม่หยุด
ฉินสือโอวมองไปยังคู่มือแนะนำนักท่องเที่ยว น่านน้ำฮัสกีที่พวกเขากำลังไปเป็นหนึ่งในน่านน้ำที่มีเกรตแบร์ริเออร์รีฟอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีแนวปะการังมากกว่าสองร้อยชนิดอาศัยอยู่ และได้เป็นเกรตแบร์ริเออร์รีฟไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ดังนั้น น่านน้ำบริเวณนั้นจึงมีปลามากกว่าร้อยสายพันธุ์ หอยมากกว่าสองร้อยสายพันธุ์ และนกมากกว่าหนึ่งร้อยชนิด สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นเหมาะแก่การทำงานวิจัยและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมาก
ในขณะที่เรือกำลังแล่นไป ฉินสือโอวก็ได้ส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปยังทะเล เพื่อที่เขาจะได้ทำความรู้จักกับเขตแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้
เมื่อออกมาจากน่านน้ำบริเวณรีสอร์ต สภาพแวดล้อมใต้ท้องทะเลก็เปลี่ยนมาเป็นอุดมสมบูรณ์มากขึ้น แนวปะการังปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ แนวปะการังส่วนมากมักจะปรากฏให้เห็นตอนช่วงน้ำลง บางอันก็กลายเป็นสันทราย บางอันก็เกาะอยู่รอบๆ เกาะ หรือไม่ก็อยู่บริเวณใกล้ชายฝั่งของแผ่นดินใหญ่
“ปะการังพวกนี้มีรูปร่างยังไงเหรอคะ? พวกเราชาวดูไบไม่มีปะการังให้ดู” เจ้าหญิงโลลิต้าถามออกมาด้วยความสงสัย แต่ในประโยคหลังมีความรู้สึกเสียดายปรากฏออกมา
ไม่รู้ว่าฮามานแดนที่กำลังใส่หูฟังนั้นกำลังฟังเพลงอยู่รึเปล่า แต่เขากลับได้ยินคำถามที่เจ้าหญิงโลลิต้าถามออกมาเบาๆ เขาพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “พวกเราเป็นชาวทะเลทราย ที่นี่ก็คงไม่มีทะเลทราย…”
“มีสิ ที่นี่มีทะเลทรายแห่งออสเตรเลียที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกนะ พื้นที่ของมันยาวราวๆ หนึ่งร้อยห้าสิบห้าล้านกิโลเมตร” ฉินสือโอวยิ้มพลางตอบกลับไป
ฮามานแดนหันหัวมามองทันที แม้ว่าสายตาที่มองมาจะผ่านแว่นตา แต่ฉินสือโอวก็สัมผัสได้ถึงแววตาอาฆาตที่ส่งมาหาเขา
ฉินสือโอวยักไหล่ใส่ฮามานแดน แล้วชูคู่มือแนะนำนักท่องเที่ยวขึ้นมาพลางพูดว่า “ในนี้มีเขียนแนะนำอยู่ อันที่จริงผมก็พึ่งรู้เหมือนกัน”
“แล้วแนวปะการังมีรูปร่างเป็นยังไงเหรอคะ?” เจ้าหญิงโลลิต้าใช้ดวงตากลมโตมองไปยังฉินสือโอวด้วยความสงสัย
ฉินสือโอวอธิบายว่า “เรื่องนี้ให้อธิบายคงจะยาว เกรตแบร์ริเออร์รีฟใช้เวลาหลายล้านปีในการก่อตัวขึ้น มันเกิดจากการสะสมของแคลเซียมจากสัตว์เปลือกแข็งและเศษปะการังที่แตกหัก นอกจากนี้มันยังดูดซับซากสิ่งมีชีวิตอย่างเช่นกะละปังหาและแมลงต่างๆ จนในที่ทุกอย่างก็ประสานรวมกัน”
ฮามานแดนอ่านคู่มือท่องเที่ยวอยู่เงียบๆ ฉินสือโอวตบเข้าไปที่บ่าของเขา แล้วพูดออกมาเสียงเบาว่า “บนคู่มือไม่มีเรื่องพวกนี้ เรื่องนี้เป็นความรู้ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องอยู่ในคู่มือท่องเที่ยว”
“ผมแค่อ่านอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้นน่ะ! ดูสิ!” เจ้าชายน้อยโมโหเสียแล้ว
ฉินสือโอวไม่แกล้งเขาอีก เขาปล่อยให้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปสำรวจโลกใต้ท้องทะเลฝั่งซีกโลกใต้
แนวปะการังบริเวณเกรตแบร์ริเออร์รีฟมีจำนวนมากและยาวกว่าแนวปะการังของฟาร์มปลาต้าฉิน และฉินสือโอวก็ไม่สามารถพาแนวปะการังกลับไปได้ นั่นก็เพราะว่าพวกมันสามารถอาศัยอยู่บริเวณที่น้ำอุณหภูมิยี่สิบสามถึงยี่สิบแปดองศาได้เท่านั้น อีกทั้งยังต้องเป็นน้ำที่สะอาด และต้องใสมาก
น้ำที่ฟาร์มปลาสะอาดพอสมควร และก็มีความโปร่งใสสูง แต่ว่าปัญหาอยู่ที่เรื่องอุณหภูมิ แนวปะการังที่อยู่ในฟาร์มปลาต้าฉิน น่าจะเป็นเพราะเจ้าของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนคนก่อน ฉินหงเต๋อปู่ของเขาคงจะทำการปรับปรุงสายพันธุ์อยู่นานหลายปี
เกรตแบร์ริเออร์รีฟเป็นสถานที่ที่มีสภาพเหมาะสมที่สุดในการสืบพันธุ์แนวปะการัง เมื่อมองผ่านจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ฉินสือโอวก็สามารถมองเห็นภาพการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
แนวปะการังเป็นอาหารของแพลงก์ตอน พวกมันเป็นสัตว์ที่อาศัยรวมกันเป็นกลุ่ม เมื่อกินจนอิ่มแล้วพวกมันก็จะปล่อยแคลเซียมออกมา
แบบนี้เมื่อปะการังเก่าๆ ที่ตายไปทิ้งซากไว้ ปะการังใหม่ๆ ก็จะเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้นมาจากซากเหล่านั้น ฉินสือโอวพบแนวปะการังอันหนึ่งเขาจึงส่งจิตสำนึกเข้าไปดู มันเหมือนต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านสาขา แนวปะการังนั้นปล่อยหินปูนออกมาจำนวนมาก ทำให้เกิดการผสมพันธุ์ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วในการเติบโตของปะการังทั้งสองข้างนี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เกรตแบร์ริเออร์รีฟเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกแมลงปะการัง ถ้าเพียงเขาทำฟาร์มปลาที่นี่ เขาก็จะสามารถสร้างแนวปะการังได้หนึ่งกองภายในเวลาหนึ่งปี
โดยธรรมชาติแล้ว โพลิปจะปล่อยหินปูนและแคลเซียมออกมา จากนั้นก็จะรวมตัวเข้ากับซากสิ่งมีชีวิตและเปลือกหอย การก่อตัวของแนวปะการังก็จะดำเนินไปอย่างช้าๆ
การทำงานแบบนี้ช้าแค่ไหนงั้นเหรอ? แม้จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ดีที่สุด แนวปะการังก็จะเพิ่มขึ้นเพียงปีละสามถึงสี่เซนติเมตร แล้วหากต้องการให้เกิดแนวปะการังใหม่ล่ะ? เรื่องนี้แม้แต่คนออสเตรเลียก็ไม่สามารถที่จะเห็นมันเกิดขึ้นได้
…………………………………………….