ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 985 ไล่มันไป
ฉินสือโอวเข้าอินเทอร์เน็ตสั่งเครื่องฟักไข่หนึ่งเครื่องเพื่อใช้ฟักไข่นกอินทรีโดยเฉพาะ เสียเงินไปสองร้อยดอลลาร์แคนาดาแต่ทางร้านไม่มาส่ง จะให้เขาไปรับเองเพราะเกาะแฟร์เวลอยู่ห่างจากฝั่งมากเกินไป บริษัทขนส่งไปไม่ถึง
นี่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร อย่างไรเสียเขาก็ต้องไปนครเซนต์จอห์นเพื่อซื้อของเตรียมรับตรุษจีนที่จะถึงนี้อยู่แล้ว เขาจึงให้ที่อยู่ของเรคไว้ พอถึงตอนที่เขาไปหาเรคก็สามารถไปเอาของได้
วินนี่เอารังน้อยๆ ของไข่นกอินทรีทองวางไว้ข้างๆ เตาผิง และด้านข้างก็คือมาสเตอร์
มาสเตอร์นอนแช่อยู่ในน้ำอุ่นอย่างเอื่อยเฉื่อย ฤดูหนาวนี้มันไม่ได้ขยับเขยื้อนอะไร ฉินสือโอวดูแล้วมันน่าจะอ้วนขึ้นไม่น้อย
ฉงต้าอิจฉามาสเตอร์อยู่ตลอด เพราะมันก็อยากมีชีวิตที่ไม่ว่าจะกินจะนอนก็มีคนคอยรับใช้ น่าเสียดายที่ฉินสือโอวและวินนี่รู้ว่ามันคิดอะไร มันหลอกทั้งสองคนไม่ได้
แต่เรื่องความขี้เกียจนี่ฉงต้าขยันมาก ฉินสือโอวอดที่จะนับถือมันไม่ได้ ไม่รู้ว่าหมีทุกตัวเป็นแบบนี้หรือเป็นเพราะฉงต้าฉลาดเป็นพิเศษ
ตั้งแต่ลงมาจากภูเขาไม่ถึงสองวันท้องฟ้าก็ครึ้มและมีหิมะตกอีกรอบ
ตอนเช้าฉงต้านอนหมอบมองหิมะตกอยู่ที่ประตู พอรู้สึกได้ถึงลมหนาวมันก็กลอกลูกตาไปมาพลางร้องโฮ่วๆ จากนั้นเสียงร้องก็น้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายมันก็เดินโซเซมาข้างๆ เตาผิงแล้วทิ้งตัวลงบนพรมผืนหนา
พอหมอบลงแล้วฉงต้าก็หรี่ตามองฉินสือโอวที่กำลังกินข้าวอยู่ อุ้งเท้าอ้วนทั้งสองกอดหัวไว้ ส่งเสียงครวญครางเบาๆ แล้วเริ่มนอนหลับ
ฉินสือโอวไม่สนใจมัน เขานั่งดูข้อมูลการบริหารสาธารณูปโภคอยู่บนโซฟากับวินนี่
ท้องของวินนี่ใหญ่แล้ว กำหนดคลอดตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์ใกล้ๆ ช่วงที่เพิ่งเลิกฉลองตรุษจีน นี่ทำให้ฉินสือโอวทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น เขาจะเป็นพ่อคนแถมลูกของเขายังเกิดในเดือนแรกของปีอีกด้วย
เกล็ดหิมะตกลงมาไม่นานก็ตกหนักขึ้น แบบนี้ก็ไม่มีทางออกไปข้างนอกได้ ฉินสือโอวเลยอยู่กับวินนี่ตลอด พอถึงเวลามื้อเที่ยงก็กินมื้อเที่ยง อ่านหนังสือพักหนึ่งก็กินมื้อเย็นแล้ว
ฉงต้าขดตัวเป็นก้อนอยู่ด้านหน้าเตาผิง วินนี่มองมันครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เมื่อครู่นี้มันนอนเหยียดอยู่ไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมขดตัวเป็นก้อนล่ะ? เวลาหมีสีน้ำตาลนอนในฤดูหนาวจะไม่เปลี่ยนท่านอนไม่ใช่เหรอคะ?”
ฉินสือโอวเข้าไปดึงหูฉงต้าแต่มันไม่ขยับเลย แบบนี้เขาก็เลยจั๊กจี้ที่ชายโครงของมันอีก นี่คือจุดที่ค่อนข้างไวต่อความรู้สึกของหมีสีน้ำตาล โดยปกติพวกมันจะไม่จั๊กจี้เอง
เสียงฮึมฮัมดังขึ้นในลำคอของฉงต้าไม่กี่ครั้ง มันยื่นอุ้งเท้าผลักฉินสือโอวออก หันหัวเปลี่ยนท่านอนแล้วหลับต่อไป
ฉินสือโอวหัวเราะ เขาไปที่ห้องครัวแล้วหั่นปลาแคปลินมาสองชิ้น ฉงต้าทำจมูกยื่น ตาเล็กๆ ค่อยๆ ลืมขึ้นมา หางที่สั้นๆ ที่เหมือนกับก้อนไหมพรมสั่นไปมา
แต่ฉินสือโอวเดินผ่านมันไปที่กะละมังน้ำของมาสเตอร์แล้วเอาปลาโยนเข้าไป มาสเตอร์ยื่นหัวออกมาอย่างเชื่องช้าแล้วกลืนไปทีละชิ้น จากนั้นก็ใช้ปากกดไปที่ฝ่ามือของฉินสือโอวอย่างสนิทสนม แล้วหดหัวและขาทั้งสีไปด้านหลังเพื่อนอนต่อ
ท้องของฉงต้าร้องดังขึ้นมา
ฉินสือโอวจั๊กจี้ที่ชายโครงของมันแล้วพูดว่า ‘หลับดีๆนะ’ จากนั้นก็ไปที่ห้องครัว ไม่นานกลิ่นเคี่ยวและผัดอาหารก็ลอยออกมา
ตอนมื้อเย็นทุกคนนั่งกินข้าวพลางยิ้มแย้มพูดคุยกันอยู่ที่โต๊ะกินอาหาร หู่จือเป้าจือหลัวปอแมวป่าและกระรอกนั่งอยู่ด้านล่างโต๊ะกินอาหาร ฉินสือโอวถือจานข้าวมาให้พวกมันแล้วเอาเนื้อ แป้ง กระดูกและผักผลไม้ที่เตรียมไว้แบ่งลงไป เสียงดัง ‘แกร๊กๆ’ ที่พวกสัตว์เลี้ยงเลียจานก็ดังขึ้น
ถึงตอนนี้ฉงต้าทนไม่ไหวแล้ว หูเล็กๆ สั่นระริ้ก เงยหัวขึ้นอย่างแรงแล้วลุกขึ้นวิ่งไปที่ห้องครัวอย่างไม่สบอารมณ์ พอเจอจานโลหะของตัวเองก็คาบไว้ในปากแล้ววิ่งออกมา มันโยนจานลงบนพื้นแล้วมองฉินสือโอวด้วยสายตาหมดความอดทน
ฉินสือโอวถามวินนี่ “ครั้งนี้นานเท่าไร?”
วินนี่ดูนาฬิกาข้อมือแล้วตอบพลางยิ้มอ่อน “ไม่เลว ทำลายสถิติตัวมันเองได้ สิบสองชั่วโมงพอดี”
พ่อแม่ของฉินสือโอวลูบหัวฉงต้าแล้วพูด “เจ้าหมีนี่น่าสนใจจริงๆ ทำไมไม่กี่วันนี้มันถึงหมอบอยู่หน้าเตาไม่กินไม่ดื่มทั้งวัน? ตอนแรกฉันนึกว่ามันจำศีล ดูแล้วไม่น่าใช่มั้ง”
ฉินสือโอวเอาชิ้นปลาทูน่ากับผลเบอร์รีและใบผักกาดขาวใส่ลงไปในจาน จากนั้นพูด “มันก็จำศีลนั่นแหละ เรียกว่าช่วงจำศีลโดยความขี้เกียจ”
ฉงต้าก้มหน้าก้มตากินอย่างบ้าคลั่ง พอได้ยินว่ามีคนกำลังวิจารณ์ตัวเองก็เงยหัวขึ้นมาแล้วกะพริบตามอง จากนั้นอ้าปากร้องโฮ่วหนึ่งครั้งแล้วเอาหัวซุกไปในจานกินต่ออย่างตะกละตะกลาม
นิวฟันด์แลนด์หิมะตกอย่างน้อยๆ ก็ไม่กี่วัน ชาร์คบอกว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนเคยมีช่วงที่เลวร้ายที่สุด มีครั้งหนึ่งหิมะตกครั้งใหญ่กว่าสิบวันทำให้คนในสลัมแข็งตายกันไปเยอะ ทุกวันจะพบคนร่อนเร่แข็งตายอยู่บนพื้นหิมะที่ถนนในนครเซนต์จอห์น
ฉินสือโอวส่ายหัว เขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ที่บ้านเก่าเลย
แน่นอนว่าหิมะครั้งนี้ไม่ได้หนักขนาดนั้น ตกไปสองวันครึ่งก็หยุดลง ฉินสือโอวออกไปกวาดหิมะแล้วก็ได้รับวิทยุบอกว่าเรดาร์พบเรือขนส่งขนาดกลางขับมาจากท่าเรือนครเซนต์จอห์น ดูทิศทางแล้วคงขับมาที่ท่าเรือของเมือง
พื้นเต็มไปด้วยหิมะรถขับได้ไม่สะดวก ฉินสือโอวเลยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป
ใบพัดเฮลิคอปเตอร์หมุนวืดๆ ทำให้หิมะรอบๆ ถูกกวาดไปหมด ในครู่เดียวหิมะก็กองอยู่รอบๆ กลายเป็นวง
เฮลิคอปเตอร์บินออกจากฟาร์มปลาไปทางทะเล ผ่านไปครู่หนึ่งเรือขนส่งก็ปรากฏออกมา ฉินสือโอวให้นีลเซ็นลดระดับความสูงเพื่อดูให้ละเอียด
บนเรือขนส่งมีอุปกรณ์เครื่องจักรจำนวนมาก แม้จะไม่มีสัญลักษณ์ของบริษัทดาวเคมิคอลแต่เรือลำนี้ก็น่าจะขนของให้กับบริษัทดาวเคมิคอล
หลังจากเฮลิคอปเตอร์บินตามไปพักหนึ่ง ฉินสือโอวเห็นว่าบนเรือมีคนเดินอยู่ที่ ดาดฟ้า เขาเอากล้องส่องทางไกลมาดูเห็นเสื้อกันหนาวยัดขนสัตว์ที่มีสัญลักษณ์ของบริษัทดาวเคมิคอลก็มั่นใจว่าพวกเขาเป็นใคร
ไม่ต้องสงสัยเลย นี่เหมือนที่เขาคิดไว้ บริษัทดาวเคมิคอลเห็นว่าการต่อต้านบนเกาะมีมากเลยไม่ต้องตีสองหน้าอีกต่อไป พวกเขาจะมาสร้างสายการผลิตตรงๆ เลย อย่างไรเสียขั้นตอนทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว
ฉินสือโอวส่งสัญญาณให้เบิร์ดเลี้ยวกลับ เขาเล่าสถานการณ์ผ่านทางวิทยุ ฮิวจ์คนน้องพาคนมาที่ท่าเรือ ส่วนฮานี่ย์ก็รีบตามมาด้วย
“ตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะ?” ฮานี่ย์ถามด้วยความว้าวุ่นใจ
ฉินสือโอวตบที่ไหล่เขาแล้วพูด “เอาชื่อของเกาะออกสื่อเพื่อทำการต่อต้าน ส่วนเรือลำนี้ก็ให้มันจอดอยู่ที่ทะเลนั่นแหละ ถ้ามันกล้าเข้าใกล้ท่าเรือก็ไล่มันไป!”
ท่าเรือถูกเรือปิดไว้แล้วเรือขนส่งจึงไม่ได้มาจอด มันแล่นไปรอบๆ อยู่ครู่หนึ่งก็พบท่าเรือส่วนบุคคลของฟาร์มปลาต้าฉินเลยเลี้ยวไปทางนั้น
พอเห็นภาพนี้ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา ถ้าเรือลำนี้จอดอยู่ที่ท่าเรือเขายังไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้มันกลับเข้าไปที่ฟาร์มปลาของเขาเอง อย่างนั้นเขาก็ทำอะไรได้เยอะมาก
กฎหมายในรัฐธรรมนูญของแคนาดากำหนดเอาไว้ชัดเจนมากว่าห้ามรุกล้ำทรัพย์สินส่วนบุคคลเป็นอันขาด!
………………………………………………….