ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 987 ระดมกำลังเต็มที่
ฉินสือโอวรู้ว่าด้วยอำนาจของบริษัทดาวเคมิคอลพวกเขาจะรู้จุดแตกหักของเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็จะส่งคนมาเจรจากับเขา
แบบนี้พอหู่จือและเป้าจือที่เงียบอยู่เห่าขึ้นมากะทันหัน เขาก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายส่งคนมาแล้ว
หู่จือและเป้าจือจะไม่คำรามเพราะมีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้บ้าน ตอนนี้เวลาชาวเมืองจะเข้าออกเมืองก็ต้องผ่านท่าเรือของฟาร์มปลาทั้งนั้น สำหรับหู่จือและเป้าจือพวกเขาก็เป็นคนแปลกหน้าเหมือนกันแต่พวกมันไม่เคยเห่าเลย
พวกมันเห่าเพราะดูออกว่าคนพวกนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงของฟาร์มปลา
ครั้งนี้ฉงต้าวิ่งออกไปอย่างกระตือรือร้นเพราะฉินสือโอวตีที่ก้นของมันไปหนึ่งครั้ง เขาให้ฉงต้าออกไปทำให้พวกเขาตกใจ ให้พวกเขาขวัญหนีดีฝ่อไปก่อน แบบนี้พอถึงตอนที่เจรจาเขาก็จะเป็นฝ่ายรุกได้ง่ายขึ้น
รอให้ฉงต้าวิ่งไปแล้ว ฉินสือโอวก็ดูนาฬิกาจนผ่านไปยี่สิบวินาทีแล้วค่อยออกไป
พอเสียงผิวปากดังขึ้นหู่จือเป้าจือและฉงต้าก็หุบปากแล้วหันกลับมามองฉินสือโอว จากนั้นก็วิ่งไปเล่นอีกด้าน
ฉินสือโอวมองทั้งสี่คนที่แต่งตัวเป็นทางการแล้วทำเป็นถามอย่างสับสน “สวัสดีครับทั้งสี่ท่าน ไม่ทราบว่ามาหาใครครับ?”
ชายใส่แว่นวัยกลางคนเดินขึ้นมาพลางยิ้มเบาๆ แล้วพูด “สวัสดีครับ คุณฉินสือโอว?”
ฉินสือโอวพยักหน้า ชายคนนั้นแนะนำตัวเอง “ผมคือเอลตัน คาบราวน์ เป็นหัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์ภายนอกของบริษัทดาวเคมิคอล สามท่านนี้คือเพื่อนร่วมงานของผม พวกเราอยากเจรจากับคุณ พอมีเวลาว่างไหมครับ?”
ฉินสือโอวให้ทั้งสี่คนเข้ามาในวิลล่า รินชาแล้วพูดอย่างสุภาพ “ใบชาของผมนำมาจากประเทศจีน เชิญชิมได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะถูกปากพวกคุณหรือเปล่า”
นี่เป็นชาแดงชั้นดี ทั้งสี่คนดื่มไปแล้วก็ต่างชมรสชาติของชาชนิดนี้
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูด “อย่างนั้นช่วยบอกจุดประสงค์ที่พวกคุณมาหน่อยได้ไหม? ผมว่าที่คุณมาหาผมคงไม่ได้แค่มาชิมชาหรอก?”
เอลตันพูดพลางยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ใช่ ถึงแม้ว่ารสชาติของชาจะยอดเยี่ยมจริงๆ ก็เถอะ พวกเรามาที่นี่เพราะเรื่องการสร้างโรงงานเคมีที่เกาะครับ คุณฉิน ผมรู้ว่าคุณเป็นเจ้าของฟาร์มปลาคนสำคัญคนหนึ่ง ไม่ทราบว่าคุณคิดเห็นอย่างไรกับการสร้างโรงงานเคมีครับ?”
ฉินสือโอวยังคงยิ้ม เขาชี้ไปที่น้ำชาแล้วพูด “ทุกท่านดื่มชาสิ ผมยังมีชาแดงชนิดอื่นอีก พวกคุณต้องชิมให้ได้”
เขาตั้งใจเปลี่ยนเรื่องอย่างชัดเจนขนาดนี้ ทำไมทั้งสี่คนจะไม่เข้าใจ?
เอลตันยกถ้วยชาแล้วพูด “ในสายตาหลายๆ คน โรงงานเคมีหมายความถึงมลพิษและการทำลายสิ่งแวดล้อม เหมือนว่าพอเปิดสายการผลิตแล้วก็จะทำให้เกิดมลพิษและน้ำเน่าเสียเลย ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น…”
ฉินสือโอวถาม “คุณคาบราวน์ คุณอยากจะจัดปราศรัยที่เกาะของเราสักครั้งไหม?”
เอลตันพูด “ถ้ามันจะทำให้ความขัดแย้งของทุกคนกับบริษัทดาวเคมิคอลลดลงได้ ผมยอมจัดปราศรัยสักสิบครั้งเลย”
ฉินสือโอวผายมือออกพลางพูด “ดูสิ สิ่งที่คุณพูด ตัวคุณเองก็ยังไม่เชื่อเลยใช่ไหม? ทำไมต้องจัดถึงสิบครั้ง? ถ้าเป็นความจริง ปราศรัยแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว ทุกท่าน หากพวกคุณมาถามถึงความเห็นที่ผมมีต่อการเปิดโรงงานเคมี อย่างนั้นผมก็สามารถให้คำตอบกับคุณได้อย่างชัดเจน ผมต่อต้านเรื่องนี้เป็นอย่างมาก!”
เอลตันเปลี่ยนวิธีโจมตี เขาพูด “สิ่งที่คุณคิดก็คือมลพิษที่โรงงานเคมีของพวกเรามีต่อทะเลใช่ไหม? พวกเราสามารถชดเชยให้แก่พวกคุณได้ ตามรายรับในปีที่แล้วของคุณ พวกเราจะชดเชยให้ปีละสิบเท่า ตกลงไหม?”
ฉินสือโอวยักไหล่พลางพูด “ไม่ได้ ผมไม่ตกลงครับทุกท่าน”
ชายคนหนึ่งทนไม่ไหว “คุณฉิน คุณคงจะมีความเข้าใจผิดต่อโรงงานเคมีของเรา อุปกรณ์บำบัดน้ำเสียของเราก้าวหน้าที่สุดในสากล มาตรฐานมลพิษก็ต่ำกว่าที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมของแคนาดากำหนด!”
ฉินสือโอวพูด “ฟังนะ เรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องพูดคุยกันอีกต่อไปแล้ว ผมไม่ยินยอมให้พวกคุณสร้างโรงงานเคมีที่เกาะของเรา ไม่อยากเห็นท่อบำบัดน้ำเสียสอดเข้ามาในทะเล ไม่อยากเห็นปล่องควันมลพิษ สรุปแล้ว ผมไม่มีทางให้โรงงานเคมีของพวกคุณมาทำลายบ้านเกิดของพวกเรา!”
เขาไม่เชื่อคำพูดของคนพวกนี้ ถ้าโรงงานเคมีไม่มีมลพิษจริงๆ ถ้าอย่างนั้นมลพิษในกระบวนการกลั่นสารเคมีจะไปไหน? พูดตรงๆ ถ้าโรงงานเคมีไม่มีมลพิษ บริษัทดาวเคมิคอลจะต้องจ่ายค่าชดเชยทำไม?
เงินของนายทุนไม่ได้ได้มาง่ายๆ พวกเขาลงทุนกับคุณหนึ่งดอลลาร์ก็ต้องได้กลับไปอย่างน้อยสองดอลลาร์ บริษัทใหญ่ๆ อย่างดาวเคมิคอลก็อาจจะเอากำไรกลับไปห้าถึงสิบเท่าเลยก็ได้
เอลตันอยากให้ฉินสือโอวเสนอเงื่อนไขมา ขอเพียงแค่ยอมให้สร้างโรงงานเคมีที่เกาะแฟร์เวลก็พอ
ฉินสือโอวไม่ได้อยากเจรจาเรื่องนี้แต่เดิมอยู่แล้ว เขายืนกรานไม่ยอม ให้เงินก็ไม่ยอม แบ่งหุ้นให้ก็ไม่ยอม สรุปก็คือ อย่าได้คิดจะสร้างโรงงานเคมีที่เกาะแฟร์เวล
สุดท้ายเอลตันก็ทำอะไรไม่ได้ เขาฝืนยิ้มแล้วพูด “คุณฉิน คุณนี่ยากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยนะ ดูแล้วคุณคงอยากจะสู้กับบริษัทของเราจริงๆ ”
พอได้ยินประโยคนี้ฉินสือโอวก็ยิ้มอย่างเย็นชา หางโผล่แล้วสินะ? ใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง?
เขาชี้ไปที่ชายหาดด้านนอกแล้วพูด “ดูให้ดี นี่คือบ้านเกิดของพวกเรา พวกคุณอยากจะทำลายบ้านของพวกเรา พวกเราไม่ยอม จากนั้นพวกคุณก็พูดว่า ผมจะต่อสู้กับพวกคุณอย่างนั้นเหรอ?!”
“แล้วก็ ฟาร์มปลาของผมเป็นแหล่งอาศัยของเต่าทะเลที่กำลังจะสูญพันธุ์ชนิดหนึ่ง เป็นที่หยุดพักของพวกวาฬและฉลามทุกปี คุณรู้ไหมว่าถ้าเปิดโรงงานเคมีจะมีผลเสียกับพวกมันขนาดไหน? ผมไม่มีทางให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ไม่มีทางยอมแน่ๆ!”
เอลตันเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูด “เรื่องพวกนี้เงินแก้ไขได้ไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวหยิบบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วโยนไปข้างหน้าพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “พวกคุณคิดว่าผมมีบัตรใบนี้ ผมจะขาดแคลนเงินเหรอ? ถ้าพวกคุณมีความสามารถมากพอก็ไปตรวจสอบงานเลี้ยงประจำปีของบริษัทเอ็กซ์เพรสที่เพิ่งจบไปดู ต้องเจอชื่อที่คุ้นเคยอยู่แน่ๆ”
เห็นบัตรใบนี้มีหน้าของฉินสือโอวอยู่ พวกเอลตันก็หน้าเสีย
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไร ทั้งสี่คนดื่มชาในถ้วยหมดแล้วก็ลากลับ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าแผนในการซื้อฉินสือโอวเพื่อเปิดทางเข้าเกาะนั้นล้มเหลว
บริษัทดาวเคมิคอลส่งคนมาเจรจากับเขา อยากใช้เงินซื้อเขา อย่างนั้นก็ต้องส่งคนไปเจรจากับคนอื่นด้วยเหมือนกัน ฉินสือโอวรู้ดีเลยเร่งการทำประชามติต่อต้านบริษัทดาวเคมิคอลไว้แล้ว
ก่อนหน้านี้เขาเล่าเรื่องนี้ในเวยป๋อ เวทีอภิปรายและหนังสือพิมพ์ ตอนนี้เขาเริ่มโทรขอให้พวกพ้องมาช่วย
อันดับแรก เขาโทรไปหาแมทธิว จินซึ่งเป็นหัวหน้ากรมประมงแล้วบอกเขาว่าหากบริษัทดาวเคมิคอลสร้างโรงงานเคมีบนเกาะแฟร์เวล ฟาร์มปลาของเขาก็จะพบกับความยุ่งยากและถ้าวันข้างหน้าโรงงานเคมีขยายตัว ฟาร์มปลาที่ได้รับผลกระทบก็จะมีมาก
อย่างที่สอง เขาไปโทรหาโดนัลด์ บราวน์และแอนดรูว์ คาร์เนกีซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มปลาที่อยู่ใกล้ๆ และบอกพวกเขาว่าตอนนี้ฟาร์มปลาของพวกเขาไม่เพียงแต่เผชิญกับภัยคุกคามจากการไม่บริหารจัดการการท่องเที่ยวฟาร์มปลา แต่อาจจะเผชิญกับภัยคุกคามจากมลพิษด้วย
ต่อมา เขาโทรหาบัตเลอร์แล้วบอกว่าหากฟาร์มปลาถูกโรงงานเคมีทำลาย อย่างนั้นธุรกิจของแบรนด์ต้าฉินก็ไม่อาจทำให้สำเร็จได้
สุดท้าย เขาแจ้งต่อองค์กรดีพีเอสหรือก็คือองค์กรที่อนุรักษ์เต่ามะเฟือง เขาขอให้ทางองค์กรมาช่วยเหล่านักอนุรักษ์สัตว์ต่อต้านการรุกรานจากโรงงานเคมีด้วย
………………………………………………………………….