ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 994 อั่งเปาที่เป็นเหตุแห่งสงคราม
ในตอนเย็น ฉินสือโอวนำประทัดและดอกไม้ไฟที่เตรียมไว้ออกมาแขวนไว้หน้าประตูฟาร์มปลา บนต้นไม้หน้าวิลล่า ท่าเรือและที่อื่นๆ
แคนาดากำลังทำข้อตกลงกับชาวจีนหรือทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจ
ฉินสือโอวอ่านที่ข่าวรายงาน เมื่อห้าปีก่อนแคนาดายังไม่อนุญาตให้ชาวจีนจุดพลุในเทศกาลตรุษจีน เหตุผลก็คือพวกเราเคารพในความศรัทธาและเทศกาลของพวกท่าน แต่ประเทศแคนาดาของเราเป็นประเทศของผู้อพยพ ถ้าหากทุกๆ คนจุดพลุในเทศกาลของตัวเอง ในหนึ่งปี 365 วันคงมีเสียงประทัดดังไม่หยุด
แต่ตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา ในเทศกาลตรุษจีนก็ยอมให้ชาวจีนจุดพลุได้แล้ว แม้กระทั่งเทศบาลเมืองโทรอนโตเอง ยังเชิญกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดงพลุจากประเทศจีนมาที่โทรอนโต คืนนี้ท้องฟ้ายามค่ำคืนของโทรอนโตจะสว่างไสวกว่าดวงดาวยามค่ำคืนดวงไหนๆ
สิ่งนี้เกี่ยวอะไรกับฉินสือโอว ถึงแม้ว่าเซนต์จอห์นจะไม่มีกิจกรรมพวกนี้ แต่เขาจัดเทศกาลด้วยตัวเองก็พอแล้ว
คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่หน้าบ้าน โดยเฉพาะยังมีพวกเด็กๆ มากขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าคึกคักเป็นอย่างมาก
วิเวียนยังอยู่บนเกาะแฟร์เวลแห่งนี้ เธออยากอยู่กับลูกชายของเธอสักช่วงเวลาหนึ่ง รอให้ไวส์ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาดนี้และไม่มีอุปสรรคทางร่างกายเสียก่อน เธอถึงจะกลับชิคาโก้
เมื่อตกกลางคืน ฉินสือโอว เหมาเหว่ยหลง โหวจื่อเซวียนและหวงเฮ่าเจียก็ไปจุดประทัด ท้องฟ้าของเกาะแฟร์เวลเต็มไปด้วยพลุที่สว่างไสว พร้อมกับเสียงของพลุที่ดังปุงปัง
บนท้องฟ้าของเซนต์จอห์นที่แสนไกล ก็มีแสงสว่างของพลุเช่นกัน แม้ว่าที่นี่คนจีนจะไม่เยอะ แต่ก็ยังพอมีอยู่
ฉินสือโอวซื้อพลุมาจำนวนมาก วางเรียงรายไว้หน้าวิลล่า พลุหลากหลายแบบแข่งกันส่องสว่างบนท้องฟ้า
สัตว์ร้ายกลัวเสียงประทัดมากที่สุด เมื่อเสียงประทัดดังขึ้น เหล่าหมาแสบก็รีบวิ่งเข้าไปใต้โซฟา
หู่จือเป้าจือฉงต้าหลัวปอก็อยากวิ่งมาเช่นกัน แต่เมื่อเห็นท่าทางของพวกตัวแสบ พวกมันก็รู้สึกเหนือกว่า แล้วรวมกันเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า
พวกมันไม่ได้สนใจพลุ แต่เห็นทุกคนเงยหน้ามองท้องฟ้าก็เลยทำแบบนั้นด้วย
แต่พวกเหล่าตัวแสบไม่ได้โดดเดี่ยว ราชาซิมบ้าก็หลบอยู่ใต้โซฟาตำแหน่งในสุดด้วย เมื่อเสียงแรกของประทัดดัง มันก็รีบวิ่งเข้าไปซ่อน
จุดพลุต่อเนื่องนานหนึ่งชั่วโมง หลังจากพลุจบลง ก็มานั่งล้อมโต๊ะกินข้าว
กลุ่มคนที่ไม่ใช่แค่ครอบครัวเดียว แต่มานั่งรวมตัวพูดคุยกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว ฉินสือโอวรู้สึกสนุกกว่าปีก่อนๆ ที่มีเพียงครอบครัวของพวกเขาแค่สามคนเท่านั้น
อาหารบนโต๊ะที่มีความหรูหรา มีการผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก อาหารตะวันตก อาหารจีนชานตง อาหารตงเป่ย และอาหารที่แบบผสมผสานหลายสิบจานวางอยู่ หวงเฮ่าเจียและโหวจื่อเซวียนก็เริ่มแย่งกันถ่ายรูป
พ่อฉินมองดูบรรยากาศอันคึกคัก พลางพูดกับฉินสือโอวว่า “มาฉลองข้ามปีกันเยอะแบบนี้ สนุกไหมล่ะ”
ฉินสือโอวพยักหน้าพร้อมพูด “สนุกครับ สนุกมากๆ”
พ่อฉินรีบพูด “ถ้าอย่างนั้นต้องขยันหน่อยนะเจ้าลูกชาย ลูกกับวินนี่ก็มีลูกสักห้าหกคน ถึงตอนนั้นมาฉลองปีใหม่ก็คงคึกคักแบบนี้แหละ”
ฉินสือโอวโดนบรรยากาศแห่งความสุขครอบงำ ตบอกพลางพูด “ลูกชายของพ่อไม่มีปัญหาหรอกครับ ต้องดูความต้องการของวินนี่ด้วย ขอแค่เธอชอบเด็กๆ ไม่ต้องพูดถึงห้าหกคน ตั้งเป็นทีมฟุตบอลผมก็ไม่มีปัญหา!”
“ทีมฟุตบอลมีกี่คน”
“ไม่รวมตัวสำรองก็ 11 คน!”
“ลูกชาย ช่างทะเยอทะยาน”
หลังจากการพูดคุยในมื้อค่ำวันส่งท้ายปี ฉินสือโอวดึงโต๊ะออกมา เรียกให้เหมาเหว่ยหลงและพรรคพวกมาเล่นไพ่นกกระจอกกัน คืนนี้โต้รุ่ง ไม่อย่างนั้นก็ไม่ใช่ปีใหม่
วินนี่พาเด็กๆ เข้านอนหลังจากทานข้าวเสร็จตามกฎของบ้านฉินสือโอว เธอตื่นในตอนเช้าตรู่ของวันปีใหม่ เพราะทุกคนต้องมาอวยพรปีใหม่ แน่นอนว่าไม่มีญาติพี่น้องและคนละแวกใกล้เคียงมาอวยพรปีใหม่ ไม่ว่าจะตื่นเช้าหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
แต่ว่าพวกเด็กๆ ตื่นเช้ามาก เพราะเมื่อฉินสือโอวกินข้าวเสร็จก็ได้พูดไว้ว่า ในตอนเช้าตรู่ตื่นไปอวยพรคุณปู่คุณย่า ก็จะได้อั่งเปา
ฉินสือโอวร่ำรวย ในตอนที่เขารับเด็กๆ เข้ามาในบ้านครั้งแรก เขาให้เงินค่าขนมพวกเด็กๆ ทุกวัน ต่อมาเมื่อวินนี่เข้ามา ก็ได้บอกเขาว่าไม่ควรสอนเด็กแบบนี้ นอกจากเชอร์ลี่ย์ที่ถูกเลี้ยงอย่างร่ำรวยแล้ว ยังมีเงินค่าขนมของเด็กผู้ชายอีก
อยากได้ค่าขนมเหรอ ได้ ไปทำงาน หาเงินเอง นี่เป็นกฎที่วินนี่ตั้งขึ้น
โดยทั่วไปแล้วพาวลิสหาเงินจากการซ่อมเรือหาปลาสองลำของฟาร์มปลา กอร์ดอนกับมิเชลช่วยกันปฏิบัติหน้าที่หรือในวันหยุดก็จะลงไปช่วยในทะเล ไม่ก็ตัดหญ้าหรือทำความสะอาดเพื่อแลกกับเงินค่าขนม
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่จะได้เงินค่าขนมมาฟรีๆ ปีที่แล้วที่บ้านเกิดของฉินสือโอว พวกเขาก็ได้รับสิทธิพิเศษนี้ไปแล้ว ปีนี้พวกเขาก็กระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ตื่นแต่เช้าวิ่งลงไปทั้งชุดนอนแล้วพูดว่า ‘สวัสดีปีใหม่’ พูดสามคำนี้อย่างไม่ขาดสาย
ฉินสือโอวแจกอั่งเปาหนาๆ ที่ข้างในเหมือนมีเงินมาก แต่แท้จริงแล้วไม่ได้มากมาย จำนวนเพียง 100 ดอลลาร์แคนาดาเท่านั้น
เมื่อกอร์ดอนรับอั่งเปามาก็เปิดซองออกมานับ ในตอนแรกเขาดูมีความสุข แต่พอคิดถึงของที่ตัวเองอยากจะซื้อ ก็หน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมา
ไวส์ไม่ได้สนใจตัวเงิน เขาไม่อยากได้ตั้งแต่แรก ฉินสือโอวกล่าวว่ามันเป็นเงินมงคลที่เขามอบให้ เขาก็รับมันมาอย่างมีความสุข มีเงินอยู่นั้นเท่าไรกันนะ ช่างมันเถอะ ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาคือครอบครัวคาร์เนกีที่น่าเกรงขาม
กอร์ดอนมองไวส์ถือซองอั่งเปาตามอำเภอใจ เขากลอกตาไปมา แล้ววิ่งมาหัวเราะพลางพูด “ไอ้หนุ่ม นายรู้ไหม ตามกฎแล้วเนี่ย เงินมงคลจะให้เด็กไว้สักพัก พออีกสักระยะพ่อแม่ก็จะมาเก็บกลับไป เพื่อช่วยเก็บไว้ให้นายชั่วคราว”
“แต่ว่าทั้งหมดนี้น่ะ มันเป็นเรื่องไร้สาระ เมื่อพวกเขาเก็บมันไปแล้วก็จะไม่คืนให้นายอีกเลย พวกเขาก็จะพูดว่าเก็บไว้ให้นายตอนเข้ามหาวิทยาลัย ตอนแต่งงาน ตอนซื้อรถซื้อบ้าน แต่ยังไงก็ไม่คืนให้นาย เข้าใจรึยัง”
ไวส์มีสีหน้าสับสนงุนงง “ร้อยดอลลาร์ จะสามารถนำไปเข้ามหาวิทยาลัยแต่งงานซื้อบ้านซื้อรถได้หรือ พวกเขาลงทุนกันยังไง”
กอร์ดอนโบกมือพลางพูด “ลงทุนกับผีน่ะสิ พวกเขาไม่ได้เอาไปลงทุน แต่เอาไปใช้เองต่างหาก ดังนั้น นายต้องเก็บเงินนี้ไว้ให้ดีๆ เข้าใจไหม แต่ฉันก็คิดนะ ฉันว่านายเอามาให้ฉันเก็บดีกว่า ฉันจะช่วยนายเก็บไว้เอง”
“จะเก็บไว้ทำไม”
กอร์ดอนพูดอย่างหน้าไม่อายว่า “ดูนายสิ นายยังไร้เดียงสาอยู่เลย แน่นอนว่าฉันจะเก็บไว้รอนายเข้าเรียน ใช้จีบหญิง หรือนายชอบเล่นเกมไหมล่ะ นายเล่นเกมนายต้องซื้ออุปกรณ์ใช่ไหม”
“ไม่ๆๆ ฉันไม่จีบหญิง แล้วก็ไม่เล่นเกมด้วย ฉันแค่ฝึกศิลปะการต่อสู้!” ไวส์ตอบอย่างจริงจัง
กอร์ดอนมองเขาอย่างละเอียด ถามอย่างหยั่งเชิงว่า “หนุ่มน้อย นายโง่หรือเปล่า”
ไวส์พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “นายสิโง่ ฉันฟังนายพูดแล้ว สอบปลายภาคปีนี้นายสอบไม่ผ่านสักวิชา เหอะ! ฉันไม่เล่นกับคนโง่แล้ว นายไปไกลๆ เลย!”
กอร์ดอนโมโหและหัวเราะเยาะพลางพูด “แกรู้ไหม ในโรงเรียน ไม่มีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้เลยนะ!”
ไวส์พูดขึ้น “งั้นฉันก็พูดออกไปแล้ว แล้วนายจะทำอะไร”
“เอาเงินมาให้ฉัน ถือว่าเป็นค่าชดใช้!” กอร์ดอนเผยหางจิ้งจอกอันเจ้าเล่ห์ออกมา
ไวส์พูดอย่างไม่ยี่หระ “ไม่ได้ นี่เป็นเงินมงคลที่อาจารย์ให้ไว้ ฉันจะเก็บไว้สร้างประตู แล้วจะเดินลงไปในแม่น้ำ ฉันจะเป็นฮีโร่!”
กอร์ดอนไม่มีอารมณ์จะเล่นกับเขาแล้วจึงขู่ว่า “ถ้าไม่คืนเงินฉันมา ฉันจะต่อยนายแล้วนะ”
ไวส์ได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้ารื่นรมย์ นั่งยองๆ ในท่ายืนม้าโดยที่เอนตัวด้านหลัง พร้อมกับตบมือทั้งสองข้างแล้วแยกออกจากกัน ก่อนจะตะโกนว่า “อย่างแกน่ะ ฉันไม่ต้องใช้สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร ก็ตบแกจนตายได้!”
………………………………………………….