ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 124 สถานะถูกเปิดเผย
บทที่ 124 สถานะถูกเปิดเผย
มนุษย์กลายพันธุ์ตรงหน้าของเขานั้นอยู่ในระดับราชาเหนือมนุษย์
เฉินเฉียงตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะเต้นออกมา
หากเขาสามารถดูดซับพลังระดับราชานี้ได้ล่ะก็ การเสี่ยงของเขาในครั้งนี้นั้นถือได้ว่าคุ้มค่าแบบสุดๆ
แต่นั่นก็แลกกับการที่สถานะของเขาอาจจะถูกเผยออกมา แล้วเขาจะหนีรอดได้ยังไง
พื้นที่บริเวณนี้มีแต่โลหะเต็มไปหมด ต่อให้เขามีทักษะขุดรูระดับสูงก็ยากจะทะลวงผ่าน
หลังจากคิดหนักอยู่สองรอบครึ่ง ในที่สุด ความโลภในใจของเขาก็ลุกโชนจนฝังกลบความกลัวไปหมดสิ้น
เขาอยากจะลองดู
หากว่าเขานั้นสามารถดูดซับพลังของระดับราชาได้ล่ะก็ ระดับการบ่มเพาะของเขาอาจจะไปถึงชั้นนายพลวิญญาณขั้นกลางหรือไม่ก็ขั้นสูงในคราวเดียว
เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาตื่นเต้นพลางเดินไปข้างหน้าและพยายามให้อยู่ในสภาพปกติสุดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขายื่นมือขวาของตนไปจับมือของราชาสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าเขาเอาเสียดื้อๆ
ด้วยการที่หนังสือเล่มนี้เล่มไม่ได้ใหญ่ เฉินเฉียงจึงไม่ยากที่จะสัมผัสมือของศัตรูเมื่อสบโอกาส
ตราบใดที่เขาจับมือศัตรูด้วยมือขวานี้ เขาจะสามารถดูดซับค่าพลังงานต่างๆของอีกฝ่ายได้ทันที
อย่างไรก็ตาม แผนของเขาก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดแต่อย่างใด ในทันทีที่เฉินเฉียงกำลังจะจับมือของราชาสวรรค์ ราชาสวรรค์ก็ได้ดึงมือกลับไปเสียก่อน
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าราชาสวรรค์ผู้นี้เป็นพวกหวงตัวหรือบังเอิญหลบการจับของเขาได้
เฉินเฉียงนั้นเมื่อเห็นแบบนี้จึงไม่ยินดีที่จะยอมรับได้
เนื้อชิ้นโตรออยู่ตรงหน้าแล้ว หากเขาไม่คว้าไว้ตอนนี้แล้วจะให้เขาหาโอกาสไหนคว้าไว้อีก
แต่หากเขานั้นพุ่งมือไปจับเอาดื้อๆอีกครั้ง นี่ก็ไม่ต่างไปจากการหาที่ตายชัดๆ
หลังจากคิดอย่างหนัก ราชาสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ได้พูดออกมาก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร
“สี่สิบเอ็ด ข้อมูลที่ข้าให้เจ้านี้คือข้อมูลของตงเจี๋ยน ศิษย์สำนักมังกรอาชูร่าที่อยู่ใต้สังกัดตึกจอมพลฮัวจ้ง ส่วนนี้คือข้อมูลใบหน้าของมัน นี่สมควรจะไม่ยากเกินไปสำหรับเจ้าใช่หรือไม่”
“ยังไงซะ เจ้าก็เป็นคนของกองกำลังพันหน้า เจ้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ใช่ไหมล่ะ”
เฉินเฉียงได้พลิกหนังสือดูก็พบว่ามันเป็นแฟ้มข้อมูลของชายหนุ่มเผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่งที่อายุราวๆยี่สิบปี เขาดูหล่อเหลา คมสัน และสูงโปร่ง ถึงแม้จะไม่หล่อเท่าเขาแต่ดูดีไม่น้อยทีเดียว
หลังจากดูอยู่พักหนึ่ง จิตสำนึกของเฉินเฉียงก็เริ่มเคลื่อนไหว และนี่ทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป
“อื้มมมม ฮี่ฮี่ฮี่ ไม่เลว แทบไม่มีความต่าง ดูเหมือนว่าเจ้านั้นจะมีคุณสมบัติพอที่จะทำภารกิจนี้”
ราชาสวรรค์ดูเฉินเฉียงด้วยอารมณ์ดีก่อนที่จะพูดออกมา “สี่สิบเอ็ด นับจากนี้เจ้าคือตงเจี๋ยน”
“ตงเจี๋ยน เจ้าจะต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการเรียนรู้ข้อมูลต่างๆเหล่านี้ เจ้าต้องเปลี่ยนท่าทางอากัปกิริยาของเจ้าให้เป็นตงเจี๋ยนให้ได้”
เฉินเฉียงนั้นในตอนนี้แม้จะรับฟัง แต่ก็ทำราวกับฟังหูซ้ายทะลุหูขวาพลางคิดคำนวณหาวิธีการบางอย่าง
เขานั้นกำลังหาวิธีในการดูดซับทักษะต่างๆของราชาสวรรค์ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นหากราชาสวรรค์ออกจากห้องนี้ไปแล้วเขาเองก็คงจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
เฉินเฉียงลอบสบถในใจก่อนที่จะคิดทำให้เสื้อผ้าของราชาสวรรค์เปรอะเปื้อนเพื่อเพิ่มโอกาสให้เขาลงมือ แต่ยังไงซะ ราชาก็ยังคือราชา เขาหลบได้อีกครั้ง
“ท่านราชาสวรรค์ ข้าขอโทษ อาจเป็นเพราะข้าประหม่าเกินไป อ้า… ข้าสมควรตายจริงๆ ข้าทำเสื้อผ้าของท่านเลอะซะได้”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงรีบเอื้อมมือไปจับเสื้อคลุมของราชาสวรรค์
“อย่าได้เป็นกังวล”
ราชาสวรรค์ได้ขมวดคิ้วก่อนที่จะดึงเฉินเฉียงไปข้างๆ
มาในตอนนี้ เฉินเฉียงได้ทรุดตัวลง
เป็นดังที่เขาคาดไว้ ราชาสวรรค์ที่เห็นได้รีบเข้ามาพยุงเขาไว้ และเมื่อเห็นโอกาสนี้ เฉินเฉียงก็ได้ใช้มือขวาจับไปที่แขนของราชาสวรรค์
ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ
เฉินเฉียงลอบมีความสุขในใจ
พลังแห่งราชันย์
เขาคิดจะใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะได้ก้าวไปเป็นระดับนายพลวิญญาณขั้นกลาง
และอย่างน้อยๆเขาคงได้ทักษะระดับสูง ไม่ก็สูงสุดสักอย่างสองอย่างคงจะดีไม่น้อย
แต่ดั่งคำที่ว่า ความคิดบรรเจิด ความจริงหืดขึ้นคอ
ถึงแม้เขาจะสามารถจับแขนของราชาสวรรค์ไว้ได้ แต่ระบบกลับไม่ตอบสนอง
นี่ระบบของเขาเจ๊งไปแล้วรึไง
เฉินเฉียงได้ลองตบแปะๆลงไปบนแขนราชาอย่างลืมตัว แต่ระบบก็ยังไม่ตอบสนองอยู่ดี
“ตงเจี๋ยน…นี่….เจ้าคิดจะทำอะไร”
ด้วยใบหน้าของราชาสวรรค์ที่ดูจะมืดครึ้มกว่าเดิมนี้ทำให้เฉินเฉียงบังเกิดความกลัวขึ้นมาจับใจ
นี่เขาก็ทำแบบนี้ต่อหน้าราชาเหนือมนุษย์ได้ยังไงกัน
“ข้า..เอ่อ…ใช้…ข้าขออภัยท่านราชาสวรรค์ นายท่าน มันเป็นเรื่องยากที่จะได้ใกล้ชิดท่านเช่นนี้ ทำให้ข้าตื่นเต้นจนเผลอทำอะไรออกไปอย่างไม่สมควร ข้าขออภัย”
เมื่อเห็นร่างกายที่สั่นเทิ้มของเฉินเฉียงแล้วทำให้ราชาสวรรค์ผ่อนคลายลงก่อนที่จะยกมือขึ้นเพื่อให้เฉินเฉียงหยุดสั่นกลัว “ช่างมัน เจ้าไม่ต้องประหม่าถึงขั้นนั้น แล้วจงฟังสิ่งที่ข้าจะพูดกับเจ้าให้ดี”
ราชาสวรรค์คิดจะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านเลยไป
นี่ทำให้เฉินเฉียงใจชื้นขึ้นมาใจทันที
แต่ว่าทำไมกัน
หากว่านับจากที่หลูชานพูดกับเขาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว มนุษย์กลายพันธุ์สมควรจะเป็นซากศพกันไปหมด ซึ่งนั่นหมายความว่าเขานั้นสมควรที่จะดูดซับได้ทุกตัวตนไม่ใช่รึไงกัน
หรือว่าราชาสวรรค์ตรงหน้าเขานั้นไม่ใช่ซากศพ
เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงจึงได้ลองใช้การสะกดน้อยๆกับราชาสวรรค์
หากว่าเป็นคนที่ตายแล้วก็สมควรจะเป็นเฉกเช่นกับตอนเจิ้งตี้ที่ไม่ได้รับผลกระทำจากการโจมตีทางวิญญาณ
นี่คือหนทางเดียวที่เฉินเฉียงคิดออกเพื่อใช้การพิสูจน์ความคิดของเขา
ในกรณีที่ล้มเหลว เขาเองก็พอจะคิดวิธีการโกหกเอาตัวรอดไว้แล้วเช่นเดียวกัน
ราชาสวรรค์ที่กำลังอธิบายภารกิจให้เฉินเฉียงอยู่นี้ อยู่ๆก็ได้หยุดพูดและมองเฉินเฉียงอย่างสนใจ
-ฉิบหายละ-
-นี่เขาโดนจับได้เหรอ-
เฉินเฉียงมีท่าทางที่เปลี่ยนไป ในตอนนี้เขารีบหาคิดหาวิธีที่จะแถอย่างเต็มกำลัง
แต่นึกไม่ถึงว่าราชาสวรรค์กลับยิ้มและพูดออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างหายากนัก”
“ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าข้า ราชาสวรรค์ผูนี้จะทำพลาดกับเขาได้เหมือนกัน”
เมื่อราชาสวรรค์พูดจบ เฉินเฉียงก็เริ่มรู้สึกหลอนพิลึกเมื่อพบว่าร่างกายของเขานั้นกำลังถูกควบคุมด้วยพลังที่มองไม่เห็น
-นี่เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดแก้ตัวเลยรึ-
-รึว่านี่คือพลังของผู้ที่ก้าวสู่ระดับราชากัน-
-นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว-
เฉินเฉียงในตอนนี้รู้สึกเกรงกลัวราชาสวรรค์ขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นราชาสวรรค์เดินเข้าใกล้เขามามากขึ้นเรื่อยๆ ราชาสวรรค์ได้ปลดแหวนที่อยู่ในมือของเขาอย่างง่ายดาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตงเจี๋ยน เจ้านี่ทำให้ข้าสนใจเจ้ามากขึ้นไปทุกที ไหนดูสิว่าเจ้ามีอะไรซ่อนอยู่ในแหวน”
-ไม่-
-ไม่มีสิ่งใด-
เฉินเฉียงพยายามที่จะตะโกนออกมาดังลั่น แต่เขาในตอนนี้นั้นทำไม่ได้แม้แต่จะเปิดปากพูด พลังสายเลือดภายในร่างของเขานั้นนิ่งสนิท ที่พอจะเห็นได้ก็คงจะมีเส้นเลือดที่ปรากฏที่หน้าและลำคือที่ราวจะแตกออกเพราะความตื่นเต้น
ราชาสวรรค์คนทำตัวราวกับลุงที่สนิทชิดเชื้อของเขาที่ถอดแหวนออกจากมือของเขาอย่างง่ายดายและนุ่มนวลอย่างไม่กระดากอาย และเล่าแจ้งแถลงไขทุกสิ่งที่ได้เห็น
“โว่…ในแหวนยังมีแหวนอีกสามวงเหรอ โอ้ มีกำไรสื่อสารสองอัน อืมมมมม ของไอ้พวกมนุษย์เก็บไว้ก็เท่านั้นล่ะนะ ยังไงก็นำมาใช้ที่นี่ไม่ได้หรอก สัญญาณมันไม่ถึงน่ะนะ”
“ฮี่ฮี่ฮี่ เจ้าตัวน้อย ดูเหมือนเจ้าจะมีของดีไม่น้อยนะเนี่ย แก่นคริสตัลเกือบสองหมื่นก้อน โอ้ นายพลวิญญาณขั้นกลางทั้งหมดซะด้วย”
“อืมๆ สมุนไพรก็ไม่เลวเลยทีเดียว แถมยังเยอะพอดู”
“โห่ นี่มันตัวนิ่มเกราะเหล็ก แถมระดับนายพลวิญญาณซะด้วย เจ้าตัวน้อย นี่เจ้าไปได้มาจากไหนกัน”
“ฮืมมมม นี่คืออออ….”
ท้ายที่สุดแล้ว สายตาของราชาสวรรค์ก็ไปตกอยู่ที่ดาบดั้นเมฆอย่างตาไม่กะพริบ