ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 158 พานพบหลินฟาน
บทที่ 158 พานพบหลินฟาน
สิบวันให้หลัง ไม่เพียงหลู่ฟางจะฟื้นฟูพลังงานสายเลือดได้แล้ว เขายังใช้แก่นคริสตัลที่ได้มาจากเฉินเฉียงอีกมากพอควรจนทำให้เขานั้นเปิดจุดชีพจรลับได้อีกหนึ่งจุด
หลังจากที่เพิ่มพละกำลังได้มากขึ้น เขาได้ทุบอกตัวเองก่อนจะพูดออกมาด้วยคำพูดที่ห้าวหาญ “ศิษย์น้อง เราไปกันเถอะ พวกเราไปช่วยกันสังหารสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูงเพื่อจะได้แต้มคะแนนมาอีกสักหมื่นสองหมื่น”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ในมิตินี้มีสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูงแค่ห้าตัวเองนา ข้าว่าต้องมีใครสังหารมันไปได้บ้างแล้วล่ะ”
“ดีไม่ดีตอนนี้พวกเขาแค่รอเวลาออกไปจากที่นี่ตามกำหนดเพียงเท่านั้น ข้าจึงคิดว่าเราควรจะวิธีการอื่นที่เพิ่มคะแนนได้เร็วกว่านะ”
“วิธีการอะไรล่ะนั่น”
เฉินเฉียงหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย “แน่นอนว่าย่อมเป็นการขโมย ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าคิดว่าไอ้พวกศิษย์สำนักอื่นเองก็คิดไม่ต่างไปจากเรา เช่นนั้นพวกเราจะปล่อยให้คนอื่นน้ำหน้าไม่ได้เป็นอันขาด”
“ศิษย์น้อง เจ้าพูดถูกแล้ว งั้นเรามาร่วมมือกันดีกว่าจะได้มีอันดับดีๆกับเขาบ้าง”
เฉินเฉียงได้ส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดต่อ “ศิษย์พี่ ข้าว่าเราแยกกันจะดีกว่า หากแยกกันแล้วย่อมมีโอกาสพบเจอศิษย์สำนักอื่นมากกว่า”
หลู่ฟางนิ่งคิดเล็กน้อยและพยักหน้ารับ “ก็ได้ ศิษย์น้อง หากว่าเจ้านั้นพบเจอคนที่สู้ไม่ได้ เจ้าต้องรักษาชีวิตไม่ก็ออกจากมิติประลองนี้ไปให้ทันเวลา ด้วยแต้มคะแนนของเจ้านั้นยังไงซะเจ้าก็ติดหนึ่งในสิบแล้ว เจ้าต้องไม่ฝืนเกินไปล่ะ”
หลังจากแยกกันแล้ว เฉินเฉียงก็ได้ใช้ก้าวย่างสวรรค์พุ่งตรงไปในทิศทางหนึ่งเพื่อหาเป้าหมายที่จะจัดการ
ผ่านไปสิบวัน เขาได้สังหารศิษย์สำนักอื่นไปกว่าสามสิบคนด้วยวิธีการที่แตกต่างกันไป และนี่ทำให้คะแนนของเขาในตอนนี้มีเกินกว่าสามหมื่นแต้มแล้ว
“ปล้นชิงนี่ได้คะแนนมาง่ายดีจริงๆ”
เมื่อมองคะแนนที่พุ่งสูงของตนในบัตรประจำตัวของเขาเองแล้ว เฉินเฉียงก็ได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เป็นตอนนี้ที่เมื่อเขาใช้กระแสจิตของตัวเองอีกครั้งก็ได้พบเป้าหมายใหม่ที่อยู่ก็ปรากฏเข้ามาในอาณาเขตตรวจสอบของเขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินเฉียงพบว่าเป้าหมายใหม่เป็นใคร เขาก็อดจะขนลุกไม่ได้
เป็นหลินฟาน
เฉินเฉียงรู้สึกขนพองสยองเกล้าในตัวศิษย์สำนักเสือขาวผู้มีระดับการบ่มเพาะนายพลวิญญาณขั้นกลางคนนี้อย่างมาก
ส่วนเหตุผลนั้น เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน
เป็นไปได้ว่าเป็นเพราะไอ้ท่าทางที่หมอนี่จ้องมองเขาพลางลูบคอไปมาตอนก่อนที่จะเข้ามายังมิติประลองแห่งนี้
เฉินเฉียงได้นึกคำนวณอยู่ในใจ เขาคิดว่าหากเขาไม่ใช้ไพ่ลับของเขาก็น่าจะชนะได้ยากพอดู
เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาจึงคิดจะหันหลังและออกจากที่นี่
อย่างไรก็ตาม เป็นตอนนี้ที่เขาพบว่าอีกสามร้อยเมตรข้างหน้าหลินฟานนั้นมีกลุ่มศิษย์สำนักมังกรอาชูร่าอยู่ห้าคน
ผู้นำกลุ่มคือลูกสาวของผอ.แผนกศึกษาของสำนักมังกรอาชูร่าที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ดูเหมือนว่าคนที่รุมล้อมเธออยู่นี้น่าจะเป็นผู้ติดตามกระมัง
ยังไงซะ ด้วยสถานะของชุนเต๋าแล้ว ย่อมมีศิษย์มากมายที่คิดอาศัยใบบุญจากเธอ
…….ถ้าอย่างนั้นห้าคนนี้ก็สมควรจะมีคะแนนไม่น้อยเลยสินะ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินเฉียงได้เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นหลิวหลางแห่งเกาะเทียนลี่และเปิดใช้งานทักษะไร้ตัวตนพลางลอบมองเหตุการณ์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเข้าไปในระยะสองร้อยเมตรจากคนทั้งห้า เฉินเฉียงก็ต้องขมวดคิ้ว
นั่นก็เพราะหลินฟานนั้นได้ไปปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งห้า
ชุนเต๋าน้อยนั้นมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับนายพลวิญญาณขั้นต้น ส่วนผู้ติดตามของเธอนั้นอยู่นั้นแม้จะอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางก็จริงแต่ก็เป็นช่วงต้นเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงนั้นแค่มองก็รู้ได้เลยว่าระดับการบ่มเพาะพวกนี้เป็นสิ่งไร้ค่า นั่นก็เพราะความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของผู้ติดตามของเธอนั้นไม่ได้ต่างไปจากชุนเต๋าน้อยเลยสักนิด
ต่อให้ทั้งห้าคนเจอเขาในตอนนี้ เขายังสามารถจัดการพวกนี้ได้โดยเวลาไม่ถึงชั่วโมงดี
และในตอนนี้เมื่อทั้งห้าคนต้องพบเจอกับศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักเสือขาวอย่างหลินฟาน ชะตากรรมของคนทั้งห้าก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
เฉินเฉียงยังคงแนบกายอยู่กับพื้น ลมหายใจของเขาช้าลงจนถึงขีดสุด และยังคงเฝ้ามองคนทั้งห้ากับหลินฟานอยู่แต่ไกล
ดูเหมือนว่าหลินฟานคนนี้จะเกลียดเขามาก เฉินเฉียงเองต้องการที่จะดูความแข็งแกร่งของชายคนนี้ด้วยเช่นกัน
หลินฟานเองก็ดูเหมือนว่าจะรู้ถึงการคงอยู่ของห้าคนนี้มานานแล้ว และเป็นตอนนี้ที่เขาได้มายืนอยู่ต่อหน้าทั้งห้าคน
ชุนเต๋าน้อยและผู้ติดตามรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินฟานเป็นอย่างดี เมื่อพวกเขาเห็นหลินฟานมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ชุนเต๋าน้อยก็ได้ก้าวเท้าเดินออกมาเป็นคนแรก
“เจ้าคงจะเป็นหลินฟานแห่งสำนักเสือขาวสินะ”
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไร แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้ว่าข้าเป็นใครสินะ”
“ข้อขอบอกเจ้าเลยแล้วกันว่าพ่อของข้านั้นคือผอ.ของแผนกศึกษาแห่งสำนักมังกรอาชูร่า”
“ในเมื่อเราก็รู้สถานะของกันและกันแล้ว หากเจ้ายังมีความคิด จะดีกว่าถ้าเจ้าไปจากหน้าข้าซะ แล้วข้าจะแกล้งทำเป็นไม่เคยพบเจอกันที่นี่ เจ้าคิดว่ายังไง”
หลินฟานแม้จะได้ยินคำพูดนี้ แต่เขายังมองดาบในมือที่กำลังตวัดไปมา ก่อนที่จะนำมันมาเคาะหัวของตัวเองเบาๆก่อนที่จะมองไปที่ชุนเต๋าน้อยและเอ่ยคำที่แค่ฟังก็รู้สึกเจ็บออกมาคำหนึ่ง “งี่…เง่า”
ใบหน้าของชุนเต๋าน้อยเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธเมื่อได้ยินและพูดออกมา “หลินฟาน นี่เจ้ากล้าด่าข้าเรอะ เจ้าอยากตายสินะ”
หลังจากพูดจบ ผู้ติดตามที่อยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางได้ตั้งท่าเตรียมพร้อมในทันที
“ศิษย์น้องชุนเต๋า ไอ้คนโอหังนี่ก็แค่ระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางคนหนึ่ง ให้ข้าช่วยเจ้าจัดการไอ้แมลงวันนี่จะดีกว่า”
เมื่อเห็นศิษย์ชายผู้นี้พุ่งตรงมาที่ตน หลินฟานเองก็พุ่งออกไปพร้อมกวัดแกว่งดาบในมือ
อย่างไรก็ตาม หลินฟานไม่ได้เล็งไปที่ผู้ติดตามระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางผู้นี้แต่อย่างใด เขาพุ่งไปยังชุนเต๋าน้อย
เมื่อเห็นแบบนี้ ต่อให้ศิษย์ร่วมสำนักชายคนนี้อยากจะกลับตัวหันกลับไปช่วยก็สายเกินไปแล้ว
ศิษย์ผู้ติดตามของชุนเต๋าน้อยอีกสามคนรีบดึงอาวุธออกมาเพื่อป้องกันชุนเต๋าน้อย แต่อาวุธของพวกเขาก็ถึงกับดีดกระเด็นไปโดยหลินฟาน
หลังจากพุ่งผ่านคนทั้งสี่มาแล้ว ดาบของหลินฟานก็ได้พุ่งเข้าใส่ไปยังหน้าของชุนเต๋าน้อย
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าไม่ใช่คู่มือของหลินฟาน แต่เธอก็ยังดึงกระบี่อ่อนของเธอออกมาต้านทาน
นึกไม่ถึงว่าหลินฟานนั้นจะสมกับเป็นอัจฉริยะแห่งสำนักเสือขาว ถึงแม้ว่ามือของเขาจะทำเหมือนเล็งไปที่หน้าของชุนเต๋าน้อย แต่เป็นตอนนั้นที่เขาได้ตวัดดาบลงมาที่แขนขวาของเธอ
ด้วยมุมของการตวัดดาบที่เต็มไปด้วยเทคนิคที่แพรวพราวนี้ รวมถึงความเร็วที่สูงล้ำ ต่อให้เป็นเฉินเฉียงเองก็ยังไม่อาจจะป้องกันได้ นับประสาอะไรกับชุนเต๋าน้อย
ในทันทีที่แขนของเธอได้ขาด เธอก็ได้กรีดร้องออกมา
เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้นนี้ ศิษย์ร่วมสำนักมังกรอาชูร่าก็ได้โกรธจัดและรีบเข้าไปรุมโจมตี
อย่างไรก็ตาม ด้วยทักษะการต่อสู้ที่สูงล้ำ รวมถึงพลังจิตที่เหนือล้ำกว่าใครในคนเหล่านี้ เพียงชั่วพริบตา ผู้ติดตามทั้งสี่ก็ได้ถูกส่งออกไปยังนอกมิติประลองในทันที
เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ตอนนี้เหลือเพียงแค่ชุนเต๋าน้อยที่แขนขาดและหลินฟานเพียงเท่านั้น
เมื่อเฉินเฉียงที่ลอบสังเกตการณ์อยู่แต่ไกลนั้น ได้เห็นชุนเต๋าน้อยที่ใบหน้าชโลมไปด้วยเหงื่อและเจ็บปวด เขาอดรำพึงในใจออกมาไม่ได้
ถึงแม้ว่าเขานั้นจะไม่ชอบหน้าลูกสาวผอ.แผนกศึกษาของสำนักมังกรอาชูร่าคนนี้แม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่อาจยอมรับการกระทำที่โหดร้ายแบบนี้ของหลินฟานได้เช่นเดียวกัน
-ชายคนนี้แม้จะรู้ว่าชุนเต๋าน้อยไม่ใช่คู่มือ แต่ก็ไม่ยอมฆ่าเธอให้ตกตายในดาบเดียว นี่หมายความว่าเขาไม่คิดจะให้เธอออกจากการประลองเช่นนั้นรึ-
-แล้วทำไมต้องทำเรื่องยุ่งยากขนาดที่ว่าต้องทำให้เธอทรมานจากการเสียแขนด้วยล่ะ-
-ยิ่งไปกว่านั้นคือทำไมต้องกำจัดผู้ติดตามชายสี่คนออกไปแล้วเหลือชุนเต๋าน้อยเอาไว้ แถมตอนที่ฆ่าสี่คนนั้นก็ไม่มีท่าทีจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้เลยล่ะ…-
-เป็นไปได้ว่า….-
เป็นตอนนี้ที่ความคิดแปลกๆได้ผุดขึ้นมาในจิตสำนึกของเฉินเฉียง
และยิ่งเมื่อเขาเห็นว่าหลินฟานเก็บดาบไปแล้วเดินหาชุนเต๋าน้อยด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายแล้วนั้นยิ่งทำให้เขานั้นเชื่อว่าความคิดของเขานั้นเป็นจริงอย่างแน่นอน
เขาไม่คิดว่าหลินฟานผู้นี้จะชื่นชอบในตัวผู้หญิงคนนี้ถึงขั้นคิดจะเชยชม
นี่เขาไม่รู้รึไงว่านอกจากสัตว์ประหลาดและสมุนไพร ทุกอย่างนั้นล้วนแล้วเป็นเพียงภาพเสมือน
นี่เขาไม่กลัวรึไงว่าพอออกจากมิติประลองไปแล้ว เธอจะไปฟ้องพ่อของเธอ
เมื่อถึงเวลานั้นผลออกมาคงไม่คงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน