ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 282 เก็บซ่อน
บทที่ 282 เก็บซ่อน
จากการโจมตีต่างๆนานาของเจ้าหนวดประหลาดพวกนี้นั้น เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าพวกมันนั้นทำเพียงเพื่อให้มีโอกาสสัมผัสตัวเป้าหมาย เพื่อส่งบอลเลือดปีศาจพวกนี้เข้าไปในร่างของเป้าหมาย และปล่อยให้ตกตายไปเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่สายเลือดของเฉินเฉียงนั้นผิดแผกกว่าใคร นี่จึงทำให้นอกจากที่พวกมันจะเข้ามาในร่างของเขาได้แล้ว มันไม่ได้ส่งผลอื่นใดอีก
แต่กับคนอื่นนั้นย่อมแตกต่างออกไป
ก่อนหน้านี้เฉินเฉียงนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากหนวดประหลาดพวกนี้ได้สัมผัสร่างของกึ่งราชาทั้งสี่ เมื่อบอลเลือดปีศาจนี้เข้าไปในร่าง มันก็ได้ทำการกลืนกินสายเลือดที่อยู่ภายในร่าง เปลี่ยนร่างของเขาให้กลับมาเป็นคนธรรมดา
ความน่ามหัศจรรย์พันลึกที่สร้างตำนานให้กับสัตว์ลึกลับเหล่านี้ที่มาอยู่ในคาบสมุทรมังกรซ่อนจนสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงนั้น เป็นเพราะกระบวนการที่เรียกว่า ถูกกลืนกินโดยเลือดปีศาจ
หลังจากทำความเข้าใจได้แล้วนั้น ความกลัวของเฉินเฉียงก็ได้หายไป
และหากว่าเขาได้ปล่อยเจ้าสัตว์ลึกลับนี่ให้มีชีวิตอยู่ต่อไปล่ะก็ ไม่ใช่ว่าพวกมันจะแพร่ขยายพันธุ์จนสามารถสร้างภัยคุกคามต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์และสัตว์ประหลาดเลยรึไง
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงได้นำดาบดั้นเมฆของตนออกมาโดยไม่มีท่าทีลังเลแม้แต่น้อย เขาพุ่งตรงกลับไปยังก้นสมุทรของคาบสมุทรมังกรซ่อนแห่งนี้
ในตอนนี้ เป้าหมายของเขาไม่ใช่ดอกไม้ร้อยสีสันอีกต่อไป แต่เป็นการล้างบ้างเจ้าหนวดประหลาดพวกนี้
และด้วยสภาพแวดล้อมในตอนนี้ เพลงดาบของเขาที่ใช้ออกมานั้นจึงไม่ได้แสดงผลออกมาในรูปแบบปกติสักเท่าไหร่
ถึงแม้ท่วงท่าของเขายังคงเป็นไปตามเคล็ดวิชาดาบทำลายวิญญาณสายฟ้า แต่สิ่งที่แสดงออกมานั้นหาได้เป็นไปตามนั้นไม่
ไม่ว่าจะเป็นกรงเล็บมังกรคราม มังกรสะบัดหาง หรือแม้แต่คลื่นมังกรคลั่ง ทุกท่วงท่าราวกับมังกรน้ำที่เกรี้ยวโกรธ และบ้าคลั่งอย่างแท้จริง เมื่อมีบรรดาดอกไม้ร้อยสีสันที่ปลิวประกอบฉากแล้ว มันราวกับเป็นมังกรที่เกรี้ยวกราด กำลังทะยานขึ้นฟ้าเพื่อต่อกรกับสวรรค์
เมื่อเฉินเฉียงร่ายรำไปถึงกระบวนท่าที่หก ดาบของเขาก็ได้เปล่งแสง พร้อมทั้งบังเกิดเสียงเปรียะปร๊ะของสายฟ้า และนี่ก็เป็นตัวส่งเสริมให้หนวดลึกลับเหล่านี้ ตกไปอยู่ในสภาพเนื้อย่างในทันใด
ทุกๆครั้งที่เฉินเฉียงได้ออกกระบวนท่า อย่างน้อยต้องมีหนึ่งหนวดต้องตกตาย ต่อให้ไม่ตกตายในทันที แต่เมื่อโดนตัดไปแล้ว มันก็ดิ้นพล่านอย่างรุนแรงจนผืนทรายต้องฟุ้งกระจาย แล้วก็แน่นิ่งไปอยู่ดี
ถึงแม้ว่าจะมีหนวดลึกลับหนวดหรือสองหนวดได้แตะต้องร่างกายของเฉินเฉียง แต่กระนั้น เขาก็ยังร่ายรำเพลงดาบของตนต่อไปพลางใช้พลังจิตของตนจัดการบอลปีศาจเหล่านี้ที่เข้ามาในร่างได้อย่างรวดเร็วและไม่ติดขัดแม้แต่น้อย
หลังจากผ่านครึ่งชั่วโมง หนวดลึกลับในระยะหนึ่งร้อยตารางเมตรรอบตัวของเขานั้น ได้ตกตายไปจนหมดสิ้น ไม่มีสัญญาของพวกมันที่เขาจับได้แม้แต่น้อย
หลังจากตรวจสอบดีแล้ว เฉินเฉียงก็เริ่มค้นหาต่อไป
ด้วยความทรงพลังของเฉินเฉียงนี้เองทำให้บรรดาหนวดลึกลับทั้งหลายเม่อเห็นพวกของตนถูกฆ่าไปมากมาย ก็ได้หลบหนีขุดร่างของตนดำดินไป เพื่อหลบเลี่ยงการถูกหั่นไปโดยดาบดั้นเมฆในมือของเฉินเฉียง
แต่หากเทียบกับเฉินเฉียงที่เป็นสุดยอดนักขุดดินแล้ว หนวดเหล่านี้ก็คือพื้นผิวเท่านั้น
ถึงแม้จำนวนของพวกมันจะลดน้อยลงไปโดยเฉินเฉียงอย่างต่อเนื่อง แต่กระนั้น เฉินเฉียงก็ยังตามล่าพวกมันอย่างไม่ลดละ เพื่อเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นเศษซาก นอนกองอยู่ใต้ก้นสมุทรแห่งนี้
ในช่วงสองวันมานี้ เฉินเฉียงได้เข้าไปยังพื้นที่ก้นสมุทรนี้บ่อยเป็นว่าเล่น ยามใดที่เขาเหนื่อยล้าจากการล่าหนวด เขาก็แค่ลอยตัวอยู่บนผิวน้ำเพื่อพักผ่อน เมื่อหายเหนื่อยเขาก็ได้ดำลงไปฆ่าล้างต่อ
ด้วยการที่เจ้าหนวดประหลาดพวกนี้มีทักษะที่ทรงพลังอย่างมาก เฉินเฉียงเชื่อว่า หากเขาเหลือพวกมันไว้ล่ะก็ เมื่อจำนวนของพวกมันมีมากพอ มันจะต้องออกไปจากก้นสมุทรแห่งนี้เป็นแน่น
หลังจากจัดการสัตว์ลึกลับแห่งก้นสมุทรอ่าวมังกรซ่อนเสร็จสิ้น เขาก็ได้จัดการเก็บดอกไม้ร้อยสีสันกว่าสามสิบกองที่เขาได้พบไปจนหมดสิ้น
เฉินเฉียงแม้ไม่รู้ว่าทำไมดอกไม้ร้อยสีสันเหล่านี้ถึงขึ้นได้อยู่แค่ที่นี่ก็ตาม
แต่ที่เขารู้ก็คือ ตราบใดที่ดอกไม้ร้อยสีสันอยู่ที่นี่ เจ้าหนวดประหลาดพวกนี้จะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงความเกี่ยวข้องระหว่างมันกับกระดูกสีดำที่เขาได้พบแล้ว เขาคิดว่าสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือการนำมันไปศึกษาเพียงเท่านั้น
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เฉินเฉียงก็รีบออกจากก้นสมุทรของอ่าวมังกรซ่อนแห่งนี้ โดยเขานั้นคิดว่าจะกลับไปที่เกาะเอ้อเทียนเพื่อทำการแลกเปลี่ยนกับเมล็ดพันธุ์แห่งโลกสักหน่อย
เมื่อไปถึง เขาได้เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นหม่าหลิว
ที่ร้านค้าใหญ่ร้านหนึ่ง
ในทันทีที่เฉินเฉียงเข้าไป ก็ได้มีคนที่น่าจะเป็นเจ้าของร้าน ได้เดินเข้ามาหาเขาอย่างคุ้นเคย
“โย่ หม่าหลิวไม่ใช่เหรอนั่น” ข้าได้ยินมาว่าทีมของเจ้านั้นลงไปที่ก้นสมุทรไม่ใช่เหรอ
เมื่อเฉินเฉียงได้ยินก็อดที่จะมีใจเต้นแรงไม่ได้ นั่นก็เพราะเขานั้นไม่คิดว่าหม่าหลิวผู้นี้จะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง
แต่เดิม เขาคิดว่าจะปลอมตัวเป็นคนผู้นี้ ก็เพื่อที่จะไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
นึกไม่ถึงว่าไม่ว่ายังไงเขาก็น่าจะพบปัญหาอยู่ดี
และจากที่ฝังดูแล้ว ดูเหมือนเจ้าของร้านนี้จะสืบมาเป็นอย่างดีแล้วว่าหม่าหลิวผู้นี้ได้เข้าไปยังก้นสมุทรมา และการที่เขารอดกลับมาแล้วปรากฏกายให้เห็นนี้ เจ้าของร้านผู้นี้ย่อมรู้ดีว่าเขานั้นย่อมได้ของติดไม้ติดมือมา
และด้วยความป่าเถื่อนของเกาะเอ้อเทียนนี้เอง มันเป็นสถานที่ที่รวมผู้คนไว้ครบทุกรูปแบบ และย่อมจะมีคนที่ไม่ปล่อยให้คนอื่นได้ประโยชน์ได้มากกว่าตนไปอย่างแน่นอน
และนี่เองทำให้เฉินเฉียงไม่คิดที่จะเปิดเผยทุกสิ่งที่เขาได้รับมา
แต่เดิม เพื่อการเพิ่มโอกาสที่จะได้รับยาโลกาหวนคืนมานั้น เฉินเฉียงคิดว่าจะซื้อเมล็ดพันธุ์แห่งโลกมาจำนวนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาหมายจะทำนี้ได้ไปเข้าตาคนพวกนี้เข้า
หลังจากสงบจิตใจลงแล้ว เฉินเฉียงได้ยกขึ้นมาทักทายแล้วพูดออกมา “เจ้าของร้าน พวกเราพี่น้องยังไม่ได้ไปยังก้นสมุทรแต่อย่างใด เป็นระหว่างทางนั้นพวกเราได้ถูกปล้นชิง จนในที่สุดแล้ว มีข้าเพียงคนเดียวที่หนีออกมาได้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะตกตายไปไม่ต่างจากอีกสามคนนั่น”
“อย่ามัวแต่พูดเลยก็แล้วกัน เจ้าของร้าน ท่านมีเมล็ดพันธุ์แห่งโลกสักสองเมล็ดหรือไม่”
“สองเลยเหรอ” เจ้าของร้านนั้นตกใจจนต้องทวนคำพูดของเฉินเฉียงออกมาพลางยกนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ราวกับกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องก่อนที่จะถามออกมา “จะพอรึนั่น”
ด้วยคำถามของเจ้าของร้านนี้ทำให้เฉินเฉียงนั้นมั่นใจอย่างที่สุด
เขานั้นไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป
“อะแฮ่ม เจ้าของร้านก็พูดไป ที่ก้นสมุทรนั่นอันตรายซะขนาดนั้น ข้าคิดว่าจะเป็นการดีกว่าหากข้าหาซื้อดอกไม้ร้อยสีสันจากคนอื่น”
“เก็บเม็ดยาหวนคืนนี้ เพียงสองเมล็ดพันธุ์แห่งโลกก็คงพอกระมัง”
“เจ้าของร้าน มันราคาเท่าไหร่ล่ะนั่น”
“โอ้ เป็นเช่นนั้น” เจ้าของร้านพูดออกมาอย่างเสียดาย “เมล็ดพันธุ์หนึ่งเมล็ดราคาหนึ่งพันแก่นวิญญาณ”
เมื่อพูดจบ เจ้าของร้านก็ได้นำสิ่งที่ขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ออกมาให้เฉินเฉียง
เฉินเฉียงได้ตรวจสอบดูสิ่งนี้ด้วยกระแสจิตของเขาแล้ว เขาก็ได้พบว่า ในเมล็ดที่มีขนาดเท่ากับปลายนิ้วก้อยในมือเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตอย่างที่สุด
เฉินเฉียงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะส่งมอบแก่นวิญญาณสองพันก้อนจากแหวนของตน วางไว้บนเคาน์เตอร์
หลังจากแลกเปลี่ยนกันเสร็จสิ้น เฉินเฉียงก็ไม่คิดอยู่ต่ออีกต่อไป ในทันทีที่เขาเดินออกจากร้านนี้แล้ว เขาก็รีบตรงออกไปยังนอกเกาะเอ้อเทียนในทันที
“จางกุย ไปเรียกไอ้พวกกึ่งราชาสี่คนนั่นมาที่นี่ แล้วตามข้าไปจับตัวหม่าหลิวด้วยกัน”
ในทันทีที่เฉินเฉียงจากไป เจ้าของร้านก็ได้ออกคำสั่งในทันที
“ลูกพี่ ถึงแม้กัปตันหลิวไม่ได้ดีเด่อะไร แต่เขาก็ดูเหมือนไม่ได้โกหกเรานา”
“เจ้าจะไปรู้อะไรกัน” เจ้าของร้านมีใบหน้าที่มืดคล้ำในทันทีที่ได้ยินแล้วพูดออกมา “ลองดูเวลาที่มันหายหัวไปสิ ไอ้เวรนี่ไม่ว่ายังไงก็ต้องได้อะไรกลับมาจากก้นสมุทรนั่นเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มาซื้อเมล็ดพันธุ์แห่งโลกไปหรอก”
“ข้าว่าอย่างน้อยๆมันก็ต้องได้ดอกไม้ร้อยสีสันอย่างน้อยก็หนึ่งดอก เจ้ารู้รึเปล่าว่าแม้มันจะมีเพียงหนึ่งดอก แต่ว่ามันสามารถขายได้เท่าไหร่กัน”
“ยิ่งไปกว่านั้นด้วยธุรกิจขายเมล็ดพันธุ์แห่งโลกของเรานั้นทำให้เรารู้ว่าหม่าหลิวมันเป็นเพียงกึ่งราชาเพียงเท่านั้น แถมตอนนี้มันยังตัวคนเดียวอีก ข้าไม่ยอมให้คนเยี่ยงมันได้ผลประโยชน์คนเดียวอย่างแน่นอน”
“เมื่อเจ้าได้ยินแล้วก็รีบๆไปตามคนมาสักทีสิวะ”
“ครับผม”
หลังจากได้รับดอกไม้ร้อยสีสันและเมล็ดพันธุ์แห่งโลกมาแล้ว เฉินเฉียงนั้นตั้งใจว่าจะรีบบินไปจากที่นี่ในทันที
แต่เพราะไม่อยากจะเตะตา เขาจึงได้เพียงยอมเดินออกไปที่ชายเกาะก่อนเพียงเท่านั้น
หลังจากถึงชายหาดแล้ว เฉินเฉียงก็ได้สยายปีกสีเงินที่มีขนาดเก้าเมตรของตนออกมา ก่อนที่จะใช้ทักษะอินทรีย์สยายปีก พุ่งออกไปจากพื้นที่เกาะเอ้อเทียนในชั่วพริบตา
แต่ด้วยการที่เขานั้นมีค่าพลังจิตที่สูงล้ำ ไม่นานเขาก็รับรู้ได้ว่ามีคนห้าคนปรากฏตัวตามหลังเขามา
และหนึ่งในนั้นคือเจ้าของร้านเมื่อครู่นี้
และเมื่อนึกถึงใบหน้าของเจ้าของร้านคนนี้ที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้แล้ว นี่ทำให้เฉินเฉียงเข้าใจได้ในทันที
อย่างไรก็ตาม กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการมาที่เกาะเอ้อเทียนในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เขาปรารถนาเสียยิ่งกว่าตอนที่เขาเกิดขึ้นที่ภาคกลางมากนัก
ถึงแม้จะเป็นเรื่องผลประโยชน์เหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาติพันธุ์แต่อย่างใด
แต่ให้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์เหมือนกัน แต่ทั้งสามเผ่าพันธุ์นั้นกลับร่วมมือกันดี
และด้วยความเร็วของเจ้าของร้านกับคนที่เหลือนี้ นอกจากเจ้าของร้านแล้ว เขาเชื่อว่าอีกสี่คนนี้ก็เป็นระดับกึ่งราชา ส่วนเจ้าของร้านนี้ เขาเชื่อว่าอย่างน้อยๆก็ควรจะอยู่ในระดับราชาขุนพลขั้นกลาง
และกับศัตรูที่อ่อนด้อยเช่นนี้ ความจริงแล้วเขาสามารถทะยานทิ้งห่างพวกนี้ไปตอนไหนก็ได้แล้วแต่ใจเขา
แต่ด้วยตัวเขาในตอนนี้นั้นได้ผ่านการเผาผลาญแก่นสายเลือดของตนไป จนทำให้ตัวเขานั้นไม่อาจเพิ่มระดับการบ่มเพาะได้อีก อย่างน้อยๆก็ในตอนนี้ และนี่ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดไป
เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ปล่อยโอกาสทิ้งไปต่อหน้าต่อตาเหมือนกัน
ต่อให้เจ้าของร้านจะเป็นระดับราชาขุนพล กับคนนี้เขาไม่มั่นใจว่าจะชนะได้ แต่กับกึ่งราชาสี่คนนี้ เขานั้นไม่มีปัญหาในการกำจัดแต่อย่างใด
เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาการบ่มเพาะของตน ต่อให้เป็นทางไหนเขาก็จะคว้าเอาไว้ให้หมด
และเขานั้นได้ฝากความหวังทั้งหมดกับระบบย่อยสลายซากศพที่น่ามหัศจรรย์พันลึกของเขา
แต่ว่าเขานั้นจะดูดซับกึ่งราชาทั้งสี่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสายเลือดโกลาหลของเขาได้ยังไงล่ะ
หลังจากคิดแผนการได้ เขาก็เริ่มชะลอความเร็วลง
ต่อให้เขานั้นไม่ใช่คู่มือกับเจ้าของร้านที่อยู่ในระดับราชา แต่มันก็ไม่มีปัญหาหากเขาจะหลบหนีจนทิ้งเขาไปไกล
และด้วยผลประโยชน์ที่อาจได้รับนั้น มันคุ้มค่ามากเกินไป นี่จึงทำให้เฉินเฉียงตัดสินใจที่จะเสี่ยง
ไม่นาน กึ่งราชาทั้งสี่คนและเจ้าของร้านก็ได้ไล่ตามเฉินเฉียงทันและล้อมเขาไว้
“เอ๋ หม่าหลิว ข้านั้นเพียงได้ยินมาว่าเจ้าเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ แต่ข้าก็ไม่นึกว่าปีกสีเงินของเจ้าจะเป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้ มันดูทรงพลังยิ่งกว่าของหลิวหลางที่เขาร่ำลือกันสักอีก นี่แสดงว่าปีกสีเงินของเจ้านั้นอยู่ในระดับสูงแล้วสีนะ ถูกต้องรึเปล่า”
เจ้าของร้านได้มองไปที่ปีกสีเงินของเฉินเฉียง พลางพูดยุแหย่ออกมา นี่แสดงให้เห็นว่าเขานั้นนอกจากประหลาดใจและสับสนแล้ว พวกเขายังดูแคลนหม่าหลิวยิ่งกว่าเดิม
แต่ถึงแม้ปีกสีเงินระดับสูงจะหมายถึงการบินที่รวดเร็วยิ่งกว่าใคร แต่ในเมื่อสิ่งมีชีวิตเข้าสู่ระดับกึ่งราชาแล้ว การบินนั้นย่อมเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับพลังฟ้าดินที่ปลดปล่อยออกมาจากโลกใบเล็กที่อยู่ในร่าง นี่จึงทำให้ไม่มีใครคิดจะทุ่มเทให้กับปีกสีเงินแบบนี้
และนี่เองที่เป็นเหตุผลให้ไม่มีใครคิดว่าเฉินเฉียงจะทุ่มให้กับปีกสีเงินจนมาถึงระดับนี้
เฉินเฉียงไม่ตอบออกมาแต่กลับถามออกไป “เจ้าของร้าน นี่หมายความว่ายังไงกัน อย่าบอกน่าคิดราคาผิดแล้วจะตามมาเอาคืนหรอกนะ”
“แต่ข้าว่าท่านคงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนั้นจนตามข้ามาถึงนี่กระมัง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า หม่าหลิว ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้วจะถามออกมาทำไมกัน” เจ้าของร้านพูดออกมา พร้อมรอยยิ้มที่กระจ่างใส “ในตอนที่เจ้ารับภารกิจออกไปก่อนหน้านี้ ทุกคนในเกาะก็จับตาดูเจ้ากันหมดแล้ว”
“ข้าขอบอกตามตรงเลยนะว่าไอ้ดอกไม้ร้อยสีสันนั่นมันช่างล่อตาล่อใจผู้คนมากมายนัก แต่ผู้คนเหล่านั้นไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลยหลังจากไปที่ก้นสมุทรในช่วงสองปีนี้”
“นึกไม่ถึงว่า เจ้านั้นจะเป็นหนึ่งเดียวที่ทำลายสถิตินั้นลง”
“เอาล่ะ หม่าหลิว เจ้านั้นสมควรจะส่งดอกไม้ร้อยสีสันมาให้ข้าซะ”
ด้วยการที่ระดับการบ่มเพาะของหม่าหลิวนั้นรับรู้กันทั่วทั้งเกาะ ไม่ว่าจะเป็นการบ่มเพาะ หรือสิ่งของที่เก็บไว้ นี่จึงทำให้เจ้าของร้านค้าเมล็ดพันธุ์แห่งโลกนั้นกล้าที่จะลงมือ
“เอ่ออออ กับเรื่องนั้น ข้าคงต้องถามแล้วจริงๆนะว่าท่านหมายถึงสิ่งนี้รึเปล่า” เฉินเฉียงยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะนำดอกร้อยสีสันออกมาจากแหวนดอกหนึ่ง
และเพียงดอกไม้ร้อยสีสันได้ปรากฏ นี่ทำให้ผู้ที่รายล้อมเฉินเฉียงในตอนนี้ ตาโตเทียบเท่ากับไข่ห่าน
“ดอกไม้ร้อยสีสัน”
ในทันทีที่เจ้าของร้านค้าเมล็ดพันธุ์แห่งโลกได้เห็นดอกไม้นี้จนอุทานออกมา ใบหน้าของเขาในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นกระหายอยากได้อย่างที่สุด แม้แต่คำที่พูดออกมาก็ยังต้องผิดเพี้ยน
และนี่ก็ยิ่งทำให้กึ่งราชาอีกสี่คนนั้นกระชับเข้ามาใกล้เฉินเฉียงยิ่งกว่าเดิม
“เอาจริงดิ เจ้าของร้าน ท่านแน่ใจนะว่ามันคือดอกไม้ร้อยสีสันไม่ใช่หญ้าทะเลธรรมดาน่ะ”
“ถ้าหากมันใช่จริงล่ะก็ ข้าว่ามันก็คงไม่ได้หายากเย็นอย่างที่เขาร่ำลือนะ ถ้าไม่เชื่อ เขาเอาออกมาให้ท่านเลยก็ได้”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงนำดอกไม้ร้อยสีสันออกมาอีกสิบต้น
“โอ้ คุณ พระ คุณ เจ้า”
เจ้าของร้านในตอนนี้ตกตะลึงในการกระทำของเฉินเฉียงจนแทบจะกระอักน้ำลายของตน และนี่ทำให้หนึ่งในกึ่งราชาอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “หม่าหลิว ที่เจ้าว่ามาเมื่อครู่นี้ เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่ได้เก็บพวกมันมาจากก้นสมุทรงั้นรึ แล้วเจ้าไปได้สมบัติพวกนี้มาจากไหนกันล่ะ”
เป็นตอนนี้ที่เจ้าของร้านและคนที่เหลือเริ่มจับใจความจากคำพูดของเฉินเฉียงได้ว่าเขานั้นหมายถึงอะไร
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ทุกคนต่างก็รับรู้ดีว่าก้นสมุทรแห่งคาบสมุทรมังกรซ่อนนี้อันตรายขนาดไหน การที่พวกเขาได้เห็นหม่าหลิวกลับมาได้นั้นก็แทบจะไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว
แต่หากว่าคำพูดของหม่าหลิวนั้นเป็นจริง มันจะช่วยตอบคำถามที่ว่าทำไมหม่าหลิวถึงกลับมาได้ในทันที
นั่นก็คือ ดอกไม้ร้อยสีสันเหล่านี้ หม่าหลิวนั้นได้มาจากที่อื่น
แถมดูจากท่าทางการพูดจาแล้ว ยิ่งแสดงให้เห็นว่า หม่าหลิวนั้นไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือของตนนั้นคือสิ่งที่ทุกคนถวิลหา เขาดูคุ้นชินจนเห็นมันเป็นของธรรมดา สถานที่ที่มีพวกมันอยู่นี้ ถือได้ว่าเป็นข้อมูลที่มีค่านัก
หลังจากที่ได้ยินกึ่งราชาคนนี้ถามออกมา เจ้าของร้านและกึ่งราชาที่เหลือก็รีบจ้องมองเฉินเฉียงอย่างคาดหวัง
เฉินเฉียงก็ได้หันไปมองกึ่งราชาที่ถามออกมาพร้อมกับเขี้ยวที่แหลมคม ก่อนที่จะยักไหล่แล้วก็พูดออกมา “เจ้าอยากรู้รึ ก็ได้ ข้าจะบอกเจ้า”
“จริงรึ ขอบคุณมาก หม่าหลิว” เมื่อได้ยินแบบนี้ ชายที่มีเขี้ยวแหลมคมก็ได้ก้าวเข้าไปหาเฉินเฉียงเพื่อที่จะจับมือขอบคุณในทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อชายที่มีเขี้ยวแหลมคมนี้เข้าไปใกล้เฉินเฉียง เฉินเฉียงก็ได้ปลดปล่อยคลื่นอัดกระแทกของตนใส่ในทันที และนี่ทำให้หัวของชายคนนี้สั่นไหวไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สมองของเขาจะระเบิดเละอยู่ในหัว
“อ๊ากกกกกกก”
ชายคนนี้กรีดร้องพลางเอามือกุมหัวของตน ก่อนที่จะร่วงหล่นลงไปสู่ท้องทะเล
ในขณะเดียวกัน ก่อนที่เจ้าของร้านและกึ่งราชาอีกสามคนจะทำอะไรได้ เฉินเฉียงก็ได้หายไปต่อหน้าทุกคน และเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็มีเมล็ดพันธุ์แห่งโลกที่โชกเลือด ปรากฏขึ้นอยู่ในมือของเขา
และนี่ก็ต้องมีสิ่งที่ทำให้เขานั้นพูดไม่ออกอีกครั้ง นั่นก็เพราะว่าอยู่ๆเมล็ดพันธุ์แห่งโลกที่อาบเลือดอยู่นี้ อยู่ก็ได้หายไปเสียอย่างนั้น
พร้อมกับค่าพลังงานที่พุ่งพรวดอยู่ในค่าสถานะของเขาประมาณสามสิบล้านหน่วย
เหลือทิ้งไว้หน่อยไม่ได้รึไงฟะ
ไม่เพียงระบบนี้มันจะดูดซับแก่นคริสตัล แผ่นแก่นพลังงาน แผ่นพลังงาน แก่นวิญญาณ มาถึงตอนนี้ มันยังดูดกลืนเมล็ดพันธุ์แห่งโลกอีก
แต่สิ่งที่ทำให้เฉินเฉียงต้องตกตะลึงนั้นเป็นสิ่งที่ตามมาหลังจากดูดซับเมล็ดพันธุ์แห่งโลกเข้าไป