ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 308 มุ่งมั่น
บทที่ 308 มุ่งมั่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารู้ได้ยังไงเหรอ”
“เว่ยหยวนตี้ นี่เจ้าคิดจะทำท่าเศร้าเสียใจต่อหน้าคนที่เจ้าฆ่าไปรึไงกัน”
เฉินเฉียงในตอนนี้ไม่อาจจะอดกลั้นความโกรธได้อีก แล้วทำการชี้หน้าเว่ยหยวนตี้แล้วพูดออกมา “หากเจ้าไม่อยากให้ใครรับรู้ เจ้าก็ไม่ควรจะทำมันลงไปตั้งแต่ต้น”
“อย่าได้ลืมว่าฟ้ายังมีตาอยู่”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ เฉินเฉียงในรูปลักษณ์ของเฉินเทียนเว่ยก็ได้หายไปจากครรลองสายตา
ในเวลาเดียวกันนี้เอง เว่ยฉิงเชินและหลินเฟิงที่กำลังตกตะลึงก็พบว่าเว่ยหยวนตี้ในตอนนี้ถูกดีดกระเด็นออกไปจากนอกห้องโถง ส่งให้ลอยไปนับร้อยเมตร
และก่อนที่ทั้งสองจะได้ทำอะไร เฉินเทียนเว่ยก็ได้ปรากฏตัวเหนือร่างของเว่ยหยวนตี้ที่ลอยอยู่กลางอากาศ
“ตูม ตูม ตูม ตูม”
เสียงปะทะกันซ้ำๆได้เกิดขึ้นไปตลอดทาง ผลการปะทะกันของทั้งสองคน ยังรุนแรงกว่าตอนที่เว่ยหยวนตี้ได้ปะทะกับราชาสวรรค์ซะอีก
ถูกต้องแล้ว
เฉินเฉียงต้องการให้เฉินเทียนเว่ยได้แก้แค้นด้วยมือตนเอง
ครั้งก่อน เป็นเพราะการแทรกแซงของเฉินเฉียงทำให้แผนของเฉินเทียนเว่ยได้พังลง แถมเขายังไปช่วยเว่ยหยวนตี้รื้อฟื้นการบ่มเพาะซะอีก
ถึงแม้ในตอนนี้ ระดับการบ่มเพาะของเขาจะอ่อนด้อยกว่าเว่ยหยวนตี้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้กึ่งราชาแบบเขานั้นยุ่งยากในการฆ่าราชาขุนพลแบบเว่ยหยวนตี้แต่อย่างใด
อย่างตอนแรกที่ปะทะกัน หากเขาได้ใช้เคลื่อนย้ายพริบตา เว่ยหยวนตี้นั้นจะตกตายในทันที
แต่ในตอนนี้ เฉินเฉียงแค้นเว่ยหยวนตี้ยิ่งเสียกว่าเฉินเทียนเว่ยที่แค้นในตัวเว่ยหยวนตี้เสียอีก
และนี่ทำให้เขาเข้าใจดีว่าทำไมสุดท้ายแล้ว เฉินเทียนเว่ยถึงไม่ยอมให้เว่ยหยวนตี้ตกไปได้ง่ายๆ
การปล่อยให้คนเช่นนี้ตกตายมันง่ายเกินไป มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันได้ทำเอาไว้
ในตอนนี้ เฉินเฉียงจึงคิดที่จะใช้วิธีการเดียวกันกับเฉินเทียนเว่ยที่ไม่สมหวังเพราะตัวเขาไป
“อ้ากกกกกก”
หลังจากปะทะกันไปสิบกว่าครั้ง เฉินเฉียงก็ได้ตะโกนกู่ก้องสู่ท้องฟ้า
“เว่ยหยวนตี้ ในวันนั้น เป็นเพราะตัวข้ามันโง่งมเข้าไปยุ่งกับเรื่องของพ่อข้า จึงได้ทำให้เจ้ารอดพ้นมาได้ และนั่นทำให้ข้า เฉินเฉียงผู้นี้ต้องเศร้าเสียใจไปชั่วชีวิต”
“แต่ในวันนี้ ข้าจะคิดบัญชีแทนพ่อของข้า”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงได้พุ่งเข้าใส่เว่ยหยวนตี้อีกครั้ง
เสียงคำรามลั่นนี้ได้เรียกสติของเว่ยฉิงเชินและหลินเฟิงออกมาในทันใด
คนที่ทำตัวเป็นเฉินเทียนเว่ยนั่นก็คือเฉินเฉียง
“พี่ใหญ่เฉินเฉียง หยุดนะ”
อย่างไรก็ตาม ต่อให้ทั้งสองอยู่ในระดับราชา แต่ทั้งเว่ยฉิงเชินและหลินเฟิงก็ไม่อาจเทียบเคียงกับความเร็วประดุจสายฟ้าฟาดของเฉินเฉียงไปได้
ตูม
เสียงระเบิดที่ดังสนั่นบังเกิดขึ้น โลกใบเล็กของเว่ยหยวนตี้ที่พึ่งจะฟื้นคืนได้เกิดรอยร้าวขึ้นมา
เมื่อเว่ยฉิงเชินวิ่งไปถึงตัวเว่ยหยวนตี้ ใบหน้าของเขาในตอนนี้ก็มีสีเหลืองราวกับกระดาษทองที่เผาไปให้วิญญาณบรรพบุรุษ ก่อนที่จะอ้วกเลือดออกมาคำใหญ่
“ท่านพ่อ เป็นยังไงบ้าง”
เว่ยฉิงเชินได้ถามออกมาพลางประคองร่างของเว่ยหยวนตี้ไว้
หลินเฟิงในตอนนี้เองก็ได้บินลงมายืนมาประจันหน้ากับเฉินเฉียงที่คืนรูปลักษณ์แล้ว และได้พูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “เฉินเฉียง เจ้ากล้าแกล้งเป็นพี่ใหญ่เทียนเว่ยมาหลอกข้า ถามยังมีหน้ามาทำร้ายทำเว่ยอีก เจ้ารู้ความผิดของเจ้าหรือไม่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เฉินเฉียงได้ชี้ไปที่หลินเฟิงแล้วพูดออกมา “หลินเฟิง ข้าเองก็เห็นแก่ที่เจ้ามีความซื่อตรงและมีคุณธรรม ข้าจะไม่วุ่นวายกับเจ้าในวันนี้”
“แต่หากเจ้าต้องการที่จะคิดขัดขวางเรื่องของข้าและเว่ยหยวนตี้ในวันนี้ ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน”
หลังถ่มเลือดออกมาอีกคำแล้ว เว่ยหยวนตี้ในตอนนี้มีร่างกายโอนเอนไปมาราวกับร่องลอยอยู่ในอากาศ ก่อนที่จะจ้องมองไปยังเฉินเฉียงแล้วพูดออกมา “เฉินเฉียง เจ้าว่ายังไงนะ”
“เจ้าหมายความว่าราชาสวรรค์ที่ทำร้ายข้าที่จิ้งชวนนั้นคือเฉินเทียนเว่ยรึ”
“ฮึ่ม”
“ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าเฉินเทียนเว่ยที่ถูกยกย่องเป็นยอดนักรบแห่งเผ่าพันธุ์จะยอมเข้าร่วมกับพวกมนุษย์กลายพันธุ์ ข้าล่ะอดละอายใจแทนเผ่าพันธุ์ของข้าเสียไม่ได้จริงๆ”
“ข้า เว่ยหยวนตี้ผู้นี้ ละอายใจนักที่ได้ร่วมงานกับคนพันธุ์นั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้ยางอายของเว่ยหยวนตี้แล้ว เฉินเฉียงก็ของขึ้นจนอยากจะให้ฆ่าเว่ยหยวนตี้ให้ตายเสียตรงนี้
“เว่ยหยวนตี้ ไอ้ตัวหน้าด้าน”
“เหตุผลที่พ่อของข้า เฉินเทียนเว่ยต้องกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไปมันก็เป็นเพราะเจ้า”
“ย้อนกลับไปที่ผาคนแก่ พ่อของข้าที่ถูกเจ้าซัดฝ่ามือใส่จนอกทะลุแล้วร่วงหล่นไปที่ก้นผานั่น ยังดีที่ผู้อาวุโสสูงสุดฮุยตู๋ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ”
“มาในภายหลัง ที่ศึกจิ้งชวน หากไม่ใช่เพราะข้า พ่อของข้าก็คงสามารถล้างหนี้เลือดนี้ไปได้ตั้งนานแล้ว”
“พูดไปแล้วก็น่าขำนัก ข้า เฉินเฉียง ไม่ได้รับรู้ถึงความจริงในข้อนี้ ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเจ้า เสี่ยงชีวิตลงไปเก็บดอกร้อยสีสันมาเพื่อปรุงยาให้เจ้า ไม่ได้รับรู้เลยจริงๆว่าได้ทำลายแผนการล้างแค้นของพ่อของตนไปอย่างสมบูรณ์”
“แม้กระทั่งจะตกตาย ท่านก็ไม่อาจจะลงมือล้างแค้นได้ด้วยตัวเองอีก”
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ข้า เฉินเฉียงผู้นี้ จะเป็นผู้ฉีกกระชากร่างไอ้ตัวน่ารังเกียจของเผ่าพันธุ์ให้เป็นหมื่นๆชิ้นด้วยตัวเองให้ได้”
“ห้ะ เฉินเฉียง เจ้าหมายความว่ายังไงกัน ราชาสว…ไม่พี่เทียนเว่ยตายแล้วเหรอ”
เมื่อเห็นท่าทางของหลินเฟิงแล้ว เฉินเฉียงก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “หลินเฟิง ข้าเชื่อว่าท่านรู้เรื่องแบบนี้ดีกว่าใคร”
“คนเช่นท่านย่อมรู้ดีว่าใครเป็นใคร”
“ข้า เฉินเฉียง ในวันนี้ที่ก่อการ ไม่ได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์แต่อย่างใด จะดีกว่าหากท่านไม่มายุ่งเกี่ยว”
ในตอนนี้หัวใจของเว่ยฉิงเชินนั้นเจ็บปวดอย่างที่สุด เมื่อเห็นเฉินเฉียงในสภาพบ้าคลั่งที่ราวกับว่าพร้อมจะกลืนกินใครก็ตามที่ขวางทางได้ทุกเมื่อ
ในขณะที่เข้าไปพยุงเว่ยหยวนตี้ที่บาดเจ็บ เธอได้ร้องขอออกมา “พี่ใหญ่เฉินเฉียง เห็นแก่ข้าเถอะ โปรดปล่อยพ่อของข้าไป”
เมื่อเห็นท่าทางที่โศกเศร้าของเว่ยฉินเฉิงแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่อยากเห็นขนาดไหน แต่ก็ยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ฉิงเชิน ออกไปให้พ้นทาง”
“เจ้าควรจะรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นนับจากนี้”
“หากข้าไม่อาจแก้แค้นแทนพ่อของข้าได้ในวันนี้ แล้วข้า เฉินเฉียงจะยังเรียกตัวเองว่าเป็นลูกชายได้ยังไง”
“พี่ใหญ่เฉินเฉียง ข้า ข้ารู้ว่าพ่อของข้าทำเรื่องเลวร้าย แต่ แต่เขาก็ยังเป็นพ่อของข้า”
“ตัวข้าก็เศร้าเสียใจกับสิ่งที่ท่านลุงเฉินต้องเผชิญหน้ากับโชคร้ายในครั้งนี้”
“แต่หากว่าท่านอยากจะแก้แค้นล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นโปรดฆ่าข้าเถอะ”
“ข้าจะขอชดใช้แทนพ่อของข้า”
เมื่อพูดจบ เว่ยฉิงเชินได้นำตัวมาขวางตรงหน้า ระหว่างเว่ยหยวนตี้และเฉินเฉียง
“ฉิงเชิน ตราบใดที่เว่ยหยวนตี้ยังอยู่ กับคนที่เลวทรามเช่นนี้ หากเขายังมีความรู้สึกสำนึกอยู่บ้าง ข้า เฉินเฉียงผู้นี้ก็คงจะไม่ลงมือให้ถึงตายในวันนี้”
“แต่เจ้าเองก็ได้ยินไม่ใช่รึ”
“นี่ขนาดพ่อของข้าได้ตกตายไปแล้ว แต่เว่ยหยวนตี้ก็ยังจะสาดน้ำโคลนใส่เขาอีก”
“ยังมีหน้าพูดจาออกมาอย่างไร้ยางอายว่ารู้สึกอับอายที่ได้ร่วมงานกับเขา”
“เมื่อทำกันถึงขนาดนี้แล้ว หากไม่ได้เลือดของเว่ยหยวนตี้มาล้างอายให้พ่อข้าในวันนี้ ข้า เฉินเฉียงผู้นี้จะเรียกว่าลูกคนอีกได้เยี่ยงใด”
เมื่อเฉินเฉียงพูดจบ เว่ยหยวนตี้ก็ได้หัวเราะออกมาดังลั่น
เขาผลักเว่ยฉิงเชินไปข้างๆ และจ้องมองกลับไปเฉินเฉียงที่กำลังตกอยู่ในสภาพบ้าคลั่ง
“เฉินเฉียง ไอ้ตัวระยำตำบอน”
“ข้าก็นึกว่าเป็นเฉินเทียนเว่ย ไม่สิ ราชาสวรรค์ตัวเป็นมาอยู่ตรงหน้า แต่กลายเป็นว่ามันตายไปแล้ว”
“กับไอ้เด็กเวรเช่นเจ้าที่เป็นเพียงนายพลวิญญาณขั้นสูงไปชั่วชีวิตเนี่ยนะคิดจะฆ่าข้า”
“ต่อให้ข้าผู้นี้จะบาดเจ็บสาหัส แต่ข้า เว่ยหยวนตี้ก็ยังเป็นราชาขุนพลขั้นกลางเลยนะเว้ย เจ้ายังมีหน้าทำให้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้”
“ฉิงเชิน เจ้าออกไปให้พ้นทาง”
“ข้าอยากจะรู้นักว่าเพียงแค่ไอ้เด็กเปรตพันธุ์นี้จะเอาปัญญาที่ไหนมาทวงแค้นพ่อของมัน”
“ไม่นะ ท่านพ่อ ท่านทำร้ายลุงเฉินไปแล้ว แถมตอนนี้พี่ใหญ่เฉินเฉียงยังไม่อาจบรรลุขั้นได้อีก แล้วนี่ท่านยังคิดจะจัดการเขาอีกเหรอ”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว เว่ยหยวนตี้ก็ได้ใช้พลังของตนผลักลูกสาวของตนให้ถอยห่างออกไปหลายสิบเมตรแล้วก่นด่าออกมา “ไอ้เด็กนี่ เจ้าก็เห็นไม่ใช่รึไงว่าไอ้บ้านี่มันจะเอาชีวิตพ่อของเจ้า”
“แล้วเจ้าจะปล่อยให้พ่อของเจ้าอยู่เฉยๆให้มันลงมือฆ่าพ่อคนนี้ไปเฉยๆงั้นรึ”
หลังจากผลักเว่ยฉิงเชินไปแล้ว เว่ยหยวนตี้ก็เริ่มออกลาย ด้วยระดับการบ่มเพาะราชาขุนพลของเขานั้น เขาได้บังคับให้พลังฟ้าดินจากโลกใบเล็กของตนพุ่งโจมตีเข้าใส่เฉินเฉียง
แต่ ด้วยการที่เฉินเฉียงเองยังไม่ได้เปิดเผยระดับการบ่มเพาะของตนออกมา ก่อนหน้านี้ เฉินเฉียงใช้เพียงแรงกายของตนในการปะทะกับเว่ยหยวนตี้เพียงเท่านั้น นี่จึงทำให้เว่ยหยวนตี้ไม่ได้รับรู้ว่าเฉินเฉียงนั้น ก้าวเข้าสู่ระดับกึ่งราชาไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ต่อให้เขารู้ เขาก็คงจะยังคงความมั่นใจที่จะฆ่าเฉินเฉียงได้อย่างง่ายดายได้อยู่ดี
แต่หลินเฟิงที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่นี้ เขานั้นได้เห็นกับตาตัวเองว่าเฉินเฉียงได้ใช้ทักษะผ่ามิติมาแล้วกับตา
ต่อให้เฉินเฉียงจะกลับมาอยู่ในรูปลักษณ์ที่แท้จริงมาแล้ว แต่นั่นก็ควรจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่เฉินเฉียงเรียนรู้กับทักษะผ่ามิติแต่อย่างใด เพราะไม่ว่ายังไงซะ มันก็ยังเป็นทักษะของราชาขุนพลที่ยากจะเรียนรู้ได้อยู่ดี
และคนที่เขารับรู้ว่าเรียนวิชานี้ได้นั้นก็มีเพียงผู้อาวุโสสูงสุดแห่งฮุยตู๋อย่างฮูเตี๋ยนเพียงเท่านั้น
แถมเขายังมีลางสังหรอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่าหากมีการปะทะกันจริง ผู้ที่ชนะ ไม่ว่ายังไงก็เป็นเฉินเฉียงอยู่ดี
หลังจากที่เว่ยหยวนตี้บังคับให้พลังฟ้าดินของตนกดดันร่างของเฉินเฉียงเอาไว้ เขาได้ถ่มถุยน้ำลายออกมาทีหนึ่งก่อนที่จะซัดฝ่ามือพุ่งตรงไปที่เฉินเฉียง
“เฉินเฉียง พ่อของเจ้าในตอนนั้นรอดพ้นจากฝ่ามือสลายใจนี้ไปได้ ในวันนี้ เจ้าเองก็จงรับรู้ความทรงพลังและตกตายโดยฝ่ามือนี้ของข้าซะ”
เว่ยหยวนตี้นั้นคิดว่าพลังฟ้าดินของตนกักขังเฉินเฉียงไว้ได้แล้ว แต่ในความจริงนั้น พลังนี้ไม่มีผลกับเฉินเฉียงเลยสักน้อยนิด
ต่อให้เฉินเฉียงไม่ได้ดูดซับทักษะของเฉินเทียนเว่ยมา แต่ด้วยขอบเขตจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขั้นสูงของเขาแล้ว ต่อให้ไม่แสดงมันออกมาแต่พลังฟ้าดินนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกับเขาเท่าไหร่
ยังไม่ต้องถึงพูดเรื่องที่ว่าในตอนนี้เขาไม่ใช่นายพลวิญญาณแล้ว แถมเขายังมีขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้เป็นไพ่ตายอีก
ตราบใดที่เขาปลดปล่อยขอบเขตเจตจำนงออกมา ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาในระยะครึ่งเมตรล้วนแล้วขึ้นอยู่กับเขาเป็นผู้ตัดสินใจ
แต่ที่เฉินเฉียงนึกไม่ถึงก็คือ ในตอนที่เว่ยหยวนตี้กระโดดเข้ามาเพื่อที่จะซัดฝ่ามือ เว่ยฉิงเชินนั้นจะกระโดดพุ่งเขาหาเว่ยหยวนตี้ รับฝ่ามือนี้ไว้แทนเขา
และนี่ทำให้เว่ยหยวนตี้ถึงจะชะงักงันแล้วต้องรีบถอนพลังออกจากฝ่ามือของตนในทันใด แต่กระนั้น ก็ยังเผลอซัดฝ่ามือลงบนไหล่ซ้ายของเธอ
“พรืดดดดดด”
ถึงแม้จะผ่อนแรงไปแล้ว แต่ร่างของฉิงเชินก็ยังถูกส่งลอยไปโดยเว่ยหยวนตี้นับร้อยเมตร
“ฉิงเชิน”
เมื่อเห็นว่าตัวเองได้เผลอทำร้ายลูกสาวของตน เว่ยหยวนตี้ถึงกับตื่นตระหนกและหน้าถอดสีในทันทีและเผลอมองตามลูกสาวของตนไป แต่เป็นตอนนี้เองที่เขาพบว่าเฉินเฉียงได้หายไปจากครรลองสายตา
“บึ้ม”
ในครั้งนี้ โลกใบเล็กของเว่ยหยวนตี้ได้แหลกสลายไปอย่างถาวร
และยังไม่จบเพียงแค่นี้
ถึงแม้เว่ยหยวนตี้จะได้รับบาดเจ็บไปแล้ว เฉินเฉียงได้ชูนิ้วที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังฟ้าดิน และชี้ไปที่จุดตันเถียนของเว่ยหยวนตี้
พรู๊ดดดดด
ฉิงเชินที่ถูกกระแทกด้วยฝ่ามือจนกระเด็นไปนั้น เมื่อได้ยินเสียงนี้ เธอรีบหันมาดูก็พบว่าร่างกายส่วนล่างของเว่ยหยวนตี้มีรูปรากฏ พร้อมกับร่างของเขาที่ร่วงหล่นไปกองกับพื้น
“ท่านพ่อ”
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เว่ยฉิงเชินก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น เธอไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของตนและรีบไปคว้าร่างของเว่ยหยวนตี้ไม่ให้หล่นร่วงลงไปกับพื้น
อย่างไรก็ตาม เว่ยหยวนตี้ในตอนนี้ไม่ได้ดูมีชีวิตชีวาเฉกเช่นก่อนหน้านี้ ในตอนนี้เขาอยู่ในรูปลักษณ์ที่แก่ชรา
นั่นก็เพราะ ด้วยทักษะห้านิ้วพิศวงของเฉินเฉียงได้ตัดจุดตันเถียนของเว่ยหยวนตี้ออกไปเป็นชิ้นๆ หรือก็คือ เขาสลายการบ่มเพาะของเว่ยหยวนตี้ไปแล้ว
การโจมตีสุดท้ายนี้ เฉินเฉียงสามารถฆ่าเว่ยหยวนตี้ให้ตกตายได้เลยด้วยซ้ำ
แต่เขาก็ไม่คิดจะลงมือทำ
เขาต้องการลงมือตามความต้องการของเฉินเทียนเว่ย จึงได้ทำการสลายการบ่มเพาะไปแทน
“เฉินเฉียง ไอ้ตัวระยำ”
“ไอ้คนโหดร้าย”
“เจ้าต้องการแก้แค้นให้พ่อของเจ้าไม่ใช่เหรอ”
“แล้วทำไมถึงไม่มาฆ่าข้าซะเลยล่ะ”
“ท่านพ่อ ไม่ต้องพูดแล้ว”
เว่ยฉิงเชินในตอนนี้เข้ามาปาดเลือดที่ยังติดอยู่มุมปากของเว่ยหยวนตี้ก่อนที่จะนำยาฟื้นฟูออกมาป้อนให้
“ยัยเด็กเวร สภาพข้าในตอนนี้สาแก่ใจเจ้ารึยัง”
“เนี่ยล่ะน้า ข้าถึงไม่อยากจะมีลูกผู้หญิงก็เพราะแบบนี้”
เว่ยหยวนตี้ได้ถ่มยาออกมาก่อนจะพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “ตอนนี้จุดตันเถียนของข้าแตกซ่านเพราะไอ้เด็กนั่นไปแล้ว ต่อให้มียาวิเศษหรือสมุนไพรเซียนก็ไร้ประโยชน์เว้ย”
“ว่าไงนะ”
เว่ยฉิงเชินนั้นนึกว่าเว่ยหยวนตี้บาดเจ็บภายในเพียงเท่านั้น แต่เธอไม่คิดว่าเฉินเฉียงจะลงมืออย่างโหดร้ายแบบนี้
เมื่อรับรู้อาการบาดเจ็บของพ่อตนแล้ว เว่ยฉิงเชินก็ได้หันขวับไปมองเฉินเฉียงอย่างเย็นชา
การจับจ้องนี้ทำให้เฉินเฉียงรู้สึกได้ว่าตกไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเฉียงได้เห็นสายตาแบบนี้ของเว่ยฉิงเชิน
ความจริงแล้ว เขาเองก็อยากจะได้ยินเสียงเรียกว่าพี่ใหญ่เฉินเฉียงอีกสักครั้ง
แต่ดูจากท่าทีของเธอแล้ว เฉินเฉียงก็รับรู้ได้ว่าคำคำนี้คงไม่มีทางหลุดปากออกจากปากของเธอได้อีกต่อไป
เฉินเฉียงได้สลัดหัวไปมาเพื่อตัดความคิดนี้ไป ก่อนที่จะมองไปยังเว่ยหยวนตี้
“เว่ยหยวนตี้ สิ่งที่เจ้าทำกับพ่อของข้าเอาไว้นั้น ต่อให้เจ้าตกตายไปสิบครั้งก็ยังไม่สาสม”
“ความแค้นของพ่อของข้าที่ฝังลึกมานานหลายสิบปี แต่ก็นะ เพียงแค่สิ่งที่เจ้าทำกับข้าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ถามหน่อยเถอะว่านั่นน่ะ ยังเป็นสิ่งที่มนุษย์สมควรจะทำอยู่รึเปล่า”
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าฆ่าหลี่ปิงทำไม”
“เจ้าก็เพียงแค่ป้องกันไม่ให้เรื่องที่เจ้าไล่ล่าปู่ซุนไปรั่วไหลก็เท่านั้น”
“ในคราแรกที่ข้าได้พบเจ้า เจ้าเองก็คงรู้สึกอดรนทนไม่ได้จนต้องส่งข้าไปตายในทันทีเลยสินะ”
“ยังไม่ต้องพูดถึงความน่ารังเกียจของเจ้าที่เพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตนจนยอมขายลูกสาวออกไปอย่างไม่ลังเล ต่อให้อีกฝ่ายเป็นชายที่แก่กว่าเจ้าก็ตาม”
“นี่เจ้าคิดว่าตัวเองยังเป็นมนุษย์อยู่อีกรึ”
“ไม่ต้องเอาข้าไปยุ่ง”
เมื่อเฉินเฉียงพูดจบ เว่ยฉิงเชินก็พูดออกมาอย่างตัดขาด
เว่ยฉิงเชินในตอนนี้ราวกับเป็นคนแปลกหน้าของเฉินเฉียง เธอมองเขาอย่างเย็นชาแล้วพูดออกมา “เฉินเฉียง ตอนนี้เจ้าทำลายการบ่มเพาะของพ่อข้าแล้ว นี่ก็ควรเรียกว่าแก้แค้นให้พ่อของเจ้าได้แล้ว”
นับจากนี้ เจ้า เฉินเฉียง ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเว่ยของข้าอีก
แต่เดิม ตอนที่เขาตัดสินใจจะล้างแค้นก็เตรียมใจมาบ้างแล้ว
แต่ไม่นึกว่าเมื่อถึงเวลาจริงแล้วเขานั้นกลับรู้สึกราวกับสูญเสียบางสิ่งไป
ถึงแม้ว่าเขาจะสมหวังในการล้างแค้น แต่ก็ต้องสูญเสียสมบัติที่มีค่าไปตลอดกาล
เมื่อเห็นท่าทีซึมกะทือของเฉินเฉียง เว่ยหยวนตี้ผู้ที่แม้จะถูกทำลายการบ่มเพาะไป ก็ได้สบถออกมาราวกับได้แก้แค้นเฉินเฉียงได้เสียอย่างนั้น
เว่ยฉิงเชินได้พยุงพ่อของตนออกใบด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ เธอไม่มองหน้าเฉินเฉียง แม้แต่หลินเฟิงก็ไม่คิดจะมอง ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่ราวกับสำนึกเสียใจ “ท่านพ่อ ไปกันเถอะค่ะ นับจากนี้ ลูกสาวคนนี้จะไม่ออกห่างจากท่านไปแม้แต่เพียงครึ่งก้าว ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายท่านได้อีกแม้แต่น้อย”