ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 313 อรุณที่พ้นเขา
บทที่ 313 อรุณที่พ้นเขา
เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงได้พยักหน้ารับ
“ก็ได้ ผู้อาวุโสสูงสุด ข้าจะถือว่าเก็บป้ายคำสั่งนี้เอาไว้ชั่วคราว”
เมื่อเห็นเฉินเฉียงยอมรับป้ายคำสั่งแห่งฮุยตู๋เอาไว้ ฮูเตี๋ยนก็โล่งใจในทันที
อย่างไรก็ตาม คนที่เห็นฉากนี้แล้วมีความสุขที่สุดนั้น คงหนีไม่พ้นหยานเสวี่ย จางหยวน และพลพรรคกองพันเทียนเว่ย
กัวเหลียงได้ก้าวขึ้นหน้ามาอย่างอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด นี่หมายความว่าศิษย์น้องของข้านั้นคือผู้มีสิทธิ์อำนาจที่สุดแห่งฮุยตู๋งั้นรึ”
“แน่นอน”
ฮูเตี๋ยนตอบออกมาอย่างหนักแน่น “นายเหนือหัวเฉินเฉียงจะเป็นนายของฮูยตู๋นับจากนี้ พวกเราทุกคนจะน้อมรับฟังคำสั่งของนายเหนือหัว”
และเมื่อพูดมาถึงจุดนี้ ฮูเตี๋ยนก็ได้ถามต่อ “นายเหนือหัว ท่านมีแผนการใดในอนาคต”
ที่ฮูเตี๋ยนถามออกมาแบบนี้นั้นมีความหมายที่จะทำความเข้าใจแนวทางในอนาคตของฮุยตู๋ที่เฉินเฉียงเป็นผู้นำ เขาจะได้ทำตามได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แต่คำพูดของเฉินเฉียงที่พูดออกมานั้น กลับราวกับเป็นระเบิดที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
“ผู้อาวุโสสูงสุด หลังจากดูบันทึกของตราคำสั่งนี้แล้ว ข้าพบว่าร่างของจักรพรรดิทั้งสามนั้นยังคงอยู่ในต่างเขตแดน”
“ในเมื่อข้าได้เป็นผู้นำของฮุยตู๋ เป็นธรรมดาที่ข้าต้องนำร่างของทั้งสามท่านนั้นกลับมา”
“ห้ะ นายเหนือหัว นี่หมายความว่าราชาจักรพรรดิทั้งสามตกตายไปแล้วในที่ของไอ้พวกต่างมิติงั้นรึ” ฮูเตี๋ยนถามออกมาอย่างตกตะลึง
เฉินเฉียงเองก็มึนงงในทันทีที่เห็นท่าทางของคนนับพัน หรือว่าคนแห่งฮุยตู๋ไม่ได้รับรู้ในเรื่องนี้
แต่ในเมื่อราชาจักรพรรดิทั้งสามนำโลกใบเล็กของตนกลับมาได้ด้วยพลังจิต แล้วทำไมพวกเขาไม่ได้อธิบายอะไรเลยล่ะ
“…..ผู้อาวุโสสูงสุด อย่าบอกนะว่าพวกท่านไม่รู้เรื่องนี้น่ะ”
ฮูเตี๋ยนส่ายหัวไปมาในทันที “ตามที่ผู้อาวุโสสูงสุดรุ่นก่อนข้าสองรุ่นได้บอกข้าเอาไว้ว่า เมื่อสี่ร้อยปีก่อนนั้น ราชาจักรพรรดิทั้งสามนั้นเพียงส่งข้อความหนึ่งกลับมายังฐานบัญชาการนี่เพียงเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวของพวกเขาอีก”
“หมายความว่ายังไงกัน”
ฮูเตี๋ยนระลึกความหลังเล็กน้อยก่อนพูดออกมา “ฮุยตู๋ต้องไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งในโลกนี้ เพียงป้องกันจากศัตรูภายนอกเพียงเท่านั้น”
“และเป็นตอนนั้นเองที่ใกล้ๆกับฐานบัญชาการของพวกเรานั้นได้ปรากฏเขตแดนจักรพรรดิขึ้นมา”
“ยิ่งไปกว่านั้นคือ หลังจากการตรวจสอบแล้ว พวกเราพบว่าราชาจักรพรรดิทั้งสามได้ตรากฎของเขตแดนเอาไว้ว่าให้ทั้งสามกองกำลังเข้าไปในเขตแดนได้ในทุกสิบปี และผู้ที่เข้าไปนั้นต้องอยู่ในระดับต่ำกว่ากึ่งราชา”
เมื่อเฉินเฉีงได้ยินแบบนี้ก็ได้เข้าใจขึ้นมา
ต้องเป็นเพราะหลังจากที่ราชาจักรพรรดิทั้งสามส่งจิตวิญญาณกลับมาแล้ว พวกเขาพบว่ามีสิ่งมีชีวิตประหลาดติดตามมาด้วยจากต่างเขตแดนและมาที่โลกใบนี้ นี่จึงทำให้พวกเขาสร้างเขตแดนจักรพรรดิขึ้นมาเป็นที่มั่นในการผลิตแก่นวิญญาณเพื่อใช้เป็นขุมพลังในการต่อกรไม่ให้ไอ้พวกสัตว์จากต่างเขตแดนเข้ามาได้
และที่ปลายบันไดสู่สรวงสวรรค์ ในเขตแดนลับที่ปลายบันไดที่เขาได้พบเจอราชาจักรพรรดิทั้งสามนั่นสมควรจะเป็นทางไปต่างเขตแดน
“นายเหนือหัว แล้วพวกเราจะไปต่างเขตแดนเมื่อไหร่กัน”
ดวงตาของฮูเตี๋ยนส่องสว่างราวกับต้องการที่จะลองไปเหยียบย่างดูสักครา
“ไม่ต้องรีบไป”
“ก่อนหน้านั้น พวกเราต้องไปที่เขาห่านป่าก่อนเป็นที่แรก”
“นี่….”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดได้ลังเลในทันทีก่อนจะพูดออกมา “นายเหนือหัว ราชาจักรพรรดิได้ออกคำสั่งไว้ว่าให้เราเพียงป้องกันการรุกราน.…”
เฉินเฉียงส่ายหัวในทันที “ตอนนั้นก็คือตอนนั้น ตอนนี้ก็คือตอนนี้”
“หากเราปล่อยให้สัตว์หายนะเหล่านั้นก่อความปั่นป่วนได้อย่างอิสระ เมื่อนั้นโลกนี้ก็คงไม่เหลือทั้งสามเผ่าพันธุ์ให้ปกป้อง แล้วจะมีพวกเราไว้ทำไมกัน”
“อีกอย่าง ในเมื่อพ่อของข้าถูกฆ่าตายที่เขาห่านป่าเพราะเรื่องนี้ แล้วทำไมข้าจะไม่ใช้อำนาจที่ได้รับมาในการจัดการล่ะ”
“แต่หากผู้อาวุโสสูงสุดไม่เห็นด้วยกับความคิดของข้านั้น ก็ได้ ข้าก็จะไม่เป็นนายเหนือหัวของฮุยตู๋ก็เท่านั้น”
“ไม่ไม่ไม่”
ฮูเตี๋ยนรีบป่ายปัดมือไปมาในทันทีและพูดออกมา “สิ่งที่นายเหนือหัวพูดมานั้นมีเหตุผล เวลาและสถานการณ์มันต่างกันจริงๆ”
“นายเมื่อนายเหนือหัวเองต้องการสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดกับราชาสวรรค์ ผู้ใต้บังคับบัญชาจะช่วยท่านอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ท่านสมปรารถนา”
หากเฉินเฉียงไม่ต้องการ แล้วพวกเขาจะนำร่างของราชาจักรพรรดิทั้งสามกลับมาได้ยังไงกัน
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเข้าไปในเขตแดนจักรพรรดิของพวกเขาเลยเพราะพวกเขาแล้วอย่างน้อยๆก็อยู่ในระดับราชาจอมพลกันหมดสิ้น แค่จะเข้าประตูเขตแดนจากด้านนอกยังไม่อาจย่างเข้าไปได้ด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว เฉินเฉียงก็พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ “ในเมื่อไม่มีข้อกังขา งั้นเราอยู่รอช้าเลยแล้วกัน ผู้อาวุโสสูงสุด รีบรวมพลแล้วไปที่นั่นได้แล้ว”
หยานเสวี่ยและคนในกองกำลังเทียนเว่ยเข้าไปในโลกใบเล็กของเฉินเฉียง
ส่วนฮูเตี๋ยนนั้น เขาได้นำเหล่าราชาจอมพลนับพันที่อยู่ในจัตุรัสทั้งหมดเข้าไปในโลกใบเล็กของตน ก่อนที่จะนำทางเฉินเฉียงไปยังเขาห่านป่า
เขาห่านป่านั้นตั้งอยู่ในทางใต้ ถ้าจะบอกให้ถูกต้องก็คือนอกชายฝั่งเขตทะเลแดนใต้ มันเป็นสถานที่ซ่องสุมกำลังของมนุษย์กลายพันธุ์
เฉกเช่นเดียวกับเขาโชวหยาง ที่นี่เองก็เป็นที่อยู่ของผู้อาวุโสแห่งมนุษย์กลายพันธุ์ รวมถึงนักรบที่ฝีมืออันสูงล้ำของเผ่าพันธุ์ต่างก็มาอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินเฉียงและฮูเตี๋ยนมาถึงเขาห่านป่า พวกเขาก็ได้พบว่าบรรยากาศภายในเขาห่านป่านี้หนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก
ในตอนที่ที่เฉินเฉียงและฮูเตี๋ยนปรากฏกาย ผู้ดูแล(ผู้ตรวจการ)เขาห่านป่าที่คอยยืนเฝ้าที่ทางเข้าก็ได้ออกมาต้อนรับ
ถึงแม้ฮูเตี๋ยนจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก แต่ผู้ดูแลนั้นกลับจดจำฮูเตี๋ยนได้ในทันที
“ทำความเคารพ ท่านผู้อาวุโสสูงสุดฮูเตี๋ยน”
ชายวัยกลางคนที่มีอายุประมาณสี่สิบปีพร้อมกับเคราแพะที่ปะไว้ที่คางนี้ได้โค้งคำนับอย่างเคารพ ก่อนที่จะมองไปยังเฉินเฉียง
ฮูเตี๋ยนเองก็ได้พยักหน้ารับในทันที “ผู้ดูแลหลิว รีบไปรายงานให้ผู้อาวุโสหลินจิ้นว่านายเหนือหัวของข้าต้องการเยี่ยมชมเขาแห่งนี้”
“นายเหนือหัว…แห่งฮุยตู๋”
หลังจากได้ยินคำพูดของฮูเตี๋ยนแล้ว ผู้ดูแลได้รีบจ้องมองไปที่เฉินเฉียงอย่างไว ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเคารพ “โปรดรอสักครู๋ ผู้น้อยจะไปรายงานให้ผู้อาวุโสทราบเดี๋ยวนี้”
เมื่อพูดจบ เขาก็ได้หายไป
เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงได้ใช้กระแสจิตตรวจพบคนกว่าสามสิบคนที่รอยอยู่บนฟ้า
ผู้นำกลุ่มเป็นชายแก่อายุประมาณหกสิบถึงเจ็ดปีที่มีหน้าแดงฉาน หากเฉินเฉียงเข้าใจไม่ผิด คนคนนี้สมควรจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดแห่งมนุษย์กลายพันธุ์ที่ชื่อหลินจิ้นที่ฮูเตี๋ยนเอ่ยถึง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้อาวุโสสูงสุดฮูเตี๋ยน ท่านมาทำอะไรที่นี่กัน นี่พวกเราไม่ได้พบกันมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย”
เรียกได้ว่าเขามาก่อนที่ผู้ดูแลจะเข้าไปแจ้งเสียอีก
เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดแห่งมนุษย์กลายพันธุ์ หลินจิ้นได้ปรากฏ เขาเผยรอยยิ้มบนใบหน้าพลางกล่าวทักทายฮูเตี๋ยนและลอบมองไปที่เฉินเฉียงอยู่บ่อยครั้ง
“ผู้อาวุโสสูงสุดฮูเตี๋ยน ข้าได้ยินว่าท่านพานายเหนือหัวของท่านมาเยี่ยมเยือน คงจะเป็น…”
ฮูเตี๋ยนได้ก้าวถอยหลังไปในทันทีและปล่อยให้เฉินเฉียงอยู่หน้าตน และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพ “น้องหลิน นี่คือนายเหนือหัวของพวกเราฮุยตู๋ ท่านเฉินเฉียง”
“เฉินเฉียง…รึ”
หลินจิ้นได้มองไปที่เฉินเฉียงอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเคารพ “นายเหนือหัวเฉินเฉียง ผู้อาวุโสสูงสุดฮูเตี๋ยน เชิญพวกท่านเข้ามาข้างในก่อน”
ด้วยการนำของผู้อาวุโสสูงสุดหลินจิ้น โดยมีผู้อาวุโสคนอื่นยืนเป็นเส้นทางให้ ตลอดเวลา เฉินเฉียงไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ แสดงท่าทางราวกับไม่แยแสกับสถานที่แห่งนี้ ไม่ยินดียินร้ายแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าจะมาที่นี่เป็นครั้งแรกก็ตาม
กล่าวตามตรงนั้น เขาห่านป่าและเขาโชวหยางนั้นต่างก็เป็นฐานที่มั่นของเผ่าพันธุ์ ไม่มีผู้ที่อยู่เผ่าพันธุ์ใดไม่อยากก้าวเข้าไปใช้สถานที่แบบนี้ในการบ่มเพาะ
และหากเป็นก่อนหน้านี้ เฉินเฉียงเองก็คงไม่ต่างกัน
แต่ในตอนนี้ เขาคือนายเหนือหัวแห่งฮุยตู๋ ไหนจะมีราชาจอมพลนับพันคอยหนุนหลัง ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ใส่ใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินเฉียงได้ใช้กระแสจิตของตนตรวจสอบสถานที่แห่งนี้ เขาพบว่ามีห้องหลายห้องที่ยุ่งเหยิงราวกับพึ่งจะโดนปล้นไป
ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาห่านป่าแห่งนี้เป็นแน่
เฉินเฉียงเองยังคงรักษาท่าทางเอาไว้ในขณะเข้าไปยังหอประชุมสมาคมมนุษย์กลายพันธุ์ ท่ามกล่างเหล่าผู้อาวุโสมนุษย์กลายพันธุ์ที่รายรอบสองข้างทาง
“นายเหนือหัวเฉินเฉียง เชิญนั่ง”
หลินจิ้นรีบผายมือไปยังหัวโต๊ะในทันที
เฉินเฉียงได้ยกมือขึ้นมาไม่ให้มากพิธีก่อนจะพูดต่อ “ผู้อาวุโสสูงสุดหลินจิ้น ไม่ต้องมากพิธี ข้านั้นไม่ว่าจะนั่งที่ไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆโดยมีฮูเตี๋ยนยืนประกบด้านหลัง
เมื่อเห็นฉากนี้ หลินจิ้นและผู้อาวุโสคนอื่นๆถึงกับกระดากที่จะนั่งลงในทันที นี่ทำให้พวกเขาทำได้เพียงพากันเดินไปตรงหน้าเฉินเฉียงได้เพียงเท่านั้น
“ผู้อาวุโสสูงสุดฮูเตี๋ยน มีสิ่งใดสำคัญกันท่านถึงได้พาท่านนายเหนือหัวเฉินเฉียงมาที่นี่”
เมื่อเห็นท่าทางอันไม่เป็นมิตรของเฉินเฉียงและฮูเตี๋ยนในตอนนี้ หลินจิ้นจึงได้ถามออกมาตรงๆ
เฉินเฉียงได้ชำเลืองมองไปที่ฮูเตี๋ยน เมื่อได้ยินคำถามนี้ของหลินจิ้น ฮูเตี๋ยนได้พยักหน้ารับก่อนจะพูดออกมา “ผู้อาวุโสสูงสุดหลินจิ้น เหตุผลที่นายเหนือหัวของข้ามาที่นี่นั้นเป็นเพราะต้องพบใครคนหนึ่ง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลินจิ้นก็รีบถามต่อในทันที “ท่านนายเหนือหัว ท่านผู้อาวุโสสูงฮูเตี๋ยน ขอข้าถามได้หรือไม่ว่าท่านต้องการมาพบใครกัน”
“ราชาสวรรค์”
“ราชาสวรรค์เหรอ”
หลินจิ้นรีบหันไปแล้วถามออกมาในทันที “หลี่ฉิง ราชาสวรรค์อยู่ที่ใด รีบไปตามเขามาเดี๋ยวนี้”
หลี่ฉิงหรือก็คือผู้อาวุโสผู้จัดการเรื่องราวต่างๆของสมาคมมนุษย์กลายพันธุ์และเป็นคนที่รับฮั่นจุยเข้ามาในสมาคมนั่นเอง เมื่อได้ยินแบบนี้ เขารีบก้าวเท้าขึ้นมาตรงหน้าและรีบตอบในทันที “ผู้อาวุโสสูงสุด ราชาสวรรค์หายตัวไปนานแล้ว ข้าเองก็ไม่อาจหาเขาได้พบในช่วงเวลาที่ผ่านมา”
“อะไร นี่เจ้าไม่ได้ยินที่ท่านผู้อาวุโสสูงสุดฮูเตี๋ยนพูดรึไงกัน ใช้กำลังของเจ้า หาตัวเขาให้พบ”
หลินจิ้นตวาดออกมาอย่างเย็นชา ก่อนที่จะหันไปเผยรอยยิ้มกับฮูเตี๋ยนแล้วรีบกล่าวต่อ “พี่ฮู ท่านเองก็คงได้ยินเรื่องราวของราชาสวรรค์แล้วว่าตอนนี้พวกเราไม่ทราบว่าเขาไปอยู่ที่ใด”
“หากไม่ว่าอะไรแล้วท่านทั้งสองโปรดรอสักครู่ได้หรือไม่”
“ฮึ่มมมมม”
ฮูเตี๋ยนสบถออกมาในทันทีเมื่อได้ยิน “น้องหลิน ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้านั้นได้ยินข่าวคราวมาบ้างรึยัง”
“ในตอนนี้มีสัตว์หายนะได้ปรากฏตัวอยู่ทั่วทั้งแผ่นดิน และสร้างความปั่นป่วนมันไปเสียทุกทิศทุกทาง เผ่าพันธุ์มนุษย์และสัตว์ประหลาดเองในตอนนี้เสียหายอย่างหนักหน่วง”
เพียงฮูเตี๋ยนสิ้นคำพูด ใบหน้าของหลินจิ้นและผู้อาวุโสคนอื่นต่างก็กระตุกกันอย่างไม่หยุดยั้ง
“เอ่ออออ เกี่ยวกับเรื่องนี้…..”
หลินจิ้นลังเลอยู่นานก่อนที่จะพูดออกมา “….พี่ฮู ข้าเองก็รับรู้เรื่องนี้มาแล้ว อย่าว่าแต่พวกมนุษย์และสัตว์ประหลาดเลย แม้แต่มนุษย์กลายพันธุ์เองก็เสียหายไปไม่น้อย”
“โฮ่ ถ้าอย่างนั้นแล้ว น้องหลิน เจ้าเองก็ไม่รู้หรอกรึว่าใครเป็นผู้สร้างสัตว์หายนะเหล่านี้”
เมื่อเห็นท่าทางที่เย็นชาของฮูเตี๋ยนในตอนนี้ หลินจิ้นถึงกับต้องสะอึกและรีบถามออกมา “พี่ฮู ข้าไม่รู้เรื่องนี้เลยจริงๆ อีกอย่างไม่ใช่ว่าฮูยตู๋ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในโลกใบนี้ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมท่านถึงได้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน”
“หึหึหึ” ฮูเตี๋ยนหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “หลินจิ้น ที่เจ้าพูดมาก็ถูก”
“ฮุยตู๋ของข้านั้นไม่เคยสนใจเรื่องราวทางโลก และไม่ได้ไยดีกับการแก่งแย่งชิงดีกันของพวกเจ้าทั้งสามเผ่าพันธุ์”
“แต่ในตอนนี้มันเป็นสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับภัยอันตรายของโลกใบนี้”
“ด้วยการปรากฏตัวของสัตว์หายนะเหล่านี้ หากไม่พวกข้ายื่นมือเข้ายุ่งแล้วจะให้ยืนดูสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งโลกตายห่ากันไปหมดเฉยๆรึไงกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลินจิ้นไม่กล้าเอ่ยคัดค้านแต่อย่างใด
“ข้าขอถามเจ้า ทำไมถึงได้ปรากฏสัตว์หายนะเหล่านี้ขึ้นมาบนโลกได้กัน”
เมื่อเห็นท่าทางที่ดุร้ายของฮูเตี๋ยน ใบหน้าของหลินจิ้นและผู้อาวุโสคนอื่นถึงกับซีดเผือดและตระหนกในทันที
“พี่ฮู ข้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ”
ในฐานะที่เป็นผู้นำของมนุษย์กลายพันธุ์ โดยปกติแล้วเขาจะทำให้หน้าตัวแดงฉานเข้าไว้เพื่อทำให้ผู้คนต่างก็สะพรึง แต่เมื่อถึงตอนนี้แล้วเขาไม่ได้มีเวลาใส่ใจเรื่องนั้นแต่อย่างใด
เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูยตู๋ ต่อให้รวมกองกำลังของสามเผ่าพันธุ์เข้าด้วยกันก็ไม่อาจต่อกรได้แม้แต่น้อย
“ฮึ่ม หลินจิ้น เจ้ายังมีหน้ามาโกหกต่อหน้านายเหนือหัวของข้าอีกเรอะ”
“นี่…..พี่ฮู ท่านไปได้สิ่งนี้มาจากไหน” หลินจิ้นสับสันในทันทีจนต้องมองไปที่เฉินเฉียงและฮูเตี๋ยนอย่างสงสัยเมื่อได้เห็นบางสิ่งที่อยู่ในมือฮูเตี๋ยน
มันคือธงตราสามเหลี่ยมที่อยู่ในมือของฮูเตี๋ยน และนี่ทำให้ฮูเตี๋ยนได้ถามออกมาอย่างเย็นชาอีกครั้ง “หลินจิ้น เจ้าคงจะคุ้นเคยกับธงตรานี้อยู่ใช่หรือไม่”
“นี่…..ธงตราสามเหลี่ยมของราชาสวรรค์ไม่ใช่รึ” หลินจิ้นได้พูดออกมาในขณะที่มองไปที่ธงตรานี้ด้วยตาที่เบิกโพลง
“ถูกต้อง”
หลังจากฮูเตี๋ยนเก็บธงตรานี้ไป เขาก็ได้พูดออกมา “หลินจิ้น เมื่อยี่สิบสามปีก่อนยามที่ข้าช่วยชีวิตราชาสวรรค์ไว้และฝากฝังเจ้าไว้ เจ้าได้บอกว่าจะดูแลเขาเป็นอย่างดี”
“แต่นี่เจ้ากลับปล่อยให้เขาโดนทำร้ายจนปางตายในเขาห่านป่าแบบนี้เนี่ยนะ”
“วะ ว่าไงนะ ราชาสวรรค์ เขา…ตาย แล้ว เหรอ” เมื่อหลินจิ้นได้ยินคำนี้ก็ตกตะลึงในทันที เขารีบหันขวับไปหาหลี่ฉิงแล้วรีบถามออกมา “หลี่ฉิง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หลี่ฉิงก็ตกใจไม่แพ้กันและรีบอึกอักพูดออกมา “เป็นไปได้ยังไงกัน ก็ข้าให้ราชาสวรรค์ทำงานในศูนย์วิจัยและพัฒนาแผ่นแก่นพลังงานตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว หากพูดกันตามตรงแล้วเขาจะไปมีอันตรายได้ยังไงกัน”
“ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยระดับการบ่มเพาะของราชาสวรรค์แล้ว คนที่จะทำอันตรายเขาได้ก็ต้องราชาพลังพิเศษถึงจะทำให้เขาตกตายได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉินเฉียงรีบพูดออกมา “ผู้อาวุโสหลี่ฉิง ท่านบอกว่าราชาสวรรค์ทำงานอยู่ที่นี่งั้นรึ ได้ยังไงกัน”
นับจากที่ฮูเตี๋ยนและเฉินเฉียงเข้ามา ก่อนหน้านี้เป็นฮูเตี๋ยนที่เปิดปากกล่าวต่างๆนานามาโดยตลอด พวกเขาไม่คิดว่าเฉินเฉียงจะมากล้าถามในช่วงเวลาแบบนี้ นี่ทำให้หลินจิ้นและหลี่ฉิงถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที
“นายเหนือหัวของข้าถามเจ้าอยู่นะเฮ้ย” ฮูเตี๋ยนตวาดออกมาในทันที “หลินจิ้น ข้าคงลืมบอกเจ้าไปว่าราชาสวรรค์นั้นคือพ่อบังเกิดเกล้าของนายเหนือหัวของข้า ข้าว่าเจ้าควรจะตอบมาตรงๆจะดีกว่า”
“อะไรนะ ราชาสวรรค์เป็นพ่อของท่านนายเหนือหัวเหรอ”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หน้าผากของหลี่จิ้นมีเหงื่อเม็ดโตไหลออกมาในทันที เขารีบหันไปมองหลี่ฉินและคนอื่นๆอยู่พักหนึ่ง ท้ายที่สุดก็ได้ถอดถอนลมหายใจแล้วพูดออกมา “ท่านนายเหนือหัว พี่ฮูเตี๋ยน ข้าขอกล่าวตามตรงเลยว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับราชาสวรรค์เลยจริงๆ”
“แต่ข้ายังไม่เข้าใจว่าทำไมท่านนายเหนือหัวถึงกล่าวว่าการตกตายของพ่อของท่านเกี่ยวข้องกับเขาห่านป่าแห่งนี้”
เฉินเฉียงได้ยืนขึ้นมาก่อนที่จะมองไปยังหลินจิ้นอย่างไม่ไยดีและพูดออกมา ผู้อาวุโสสูงสุดหลินจิ้น มันเป็นเพราะก่อนพ่อของข้าจะตกตายนั้น เขาบอกกับข้าเองว่าเขาถูกใครบางคนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสในเขาห่านป่าแห่งนี้
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”
“ท่านนายเหนือหัว ท่านมีหลักฐานอันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ท่านนายเหนือหัว กับเรื่องนี้ท่านไม่สามารถพูดออกมาโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้ ราชาสวรรค์เป็นคนของเผ่าพันธุ์ของข้า แล้วพวกข้าจะไปทำร้ายเขาทำไมกัน”
“ผู้อาวุโสสูงสุดฮูเตี๋ยน หากท่านต้องการกล่าวหาพวกเราท่านจะมามัวพูดอย่างนี้ทำไมกัน ทำไมไม่กวาดล้างพวกเราไปเลยล่ะ หากท่านต้องการพูดจาว่าร้ายแบบนี้ท่านก็ต้องมีหลักฐาน”
เพียงเฉินเฉียงได้พูดจบ หลินจิ้น หลี่ฉิงและผู้อาวุโสคนอื่นรีบตอบโต้กันอย่างทันควัน
นั่นก็เพราะด้วยความทรงพลังของฮุยตู๋นี้ หากพวกเขาจะกวาดล้างมนุษย์กลายพันธุ์ล่ะก็ง่ายยิ่งกว่าแช่แป้งซะอีก
นี่จึงทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกทำได้เพียงตอบโต้เพียงเท่านั้น