ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 314 เว่ยหยวนตี้โวยวาย
บทที่ 314 เว่ยหยวนตี้โวยวาย
“ผู้อาวุโสหลินจิ้น ในวันนั้น พ่อของข้าได้มาพบนายเหนือหัวผู้นี้ ด้วยความตายที่รอคอย เขาได้บอกกับข้าด้วยตัวเองว่าเขานั้นถูกทำร้ายโดยมนุษย์กลายพันธุ์ในระหว่างการสืบสวนเรื่องราวของสัตว์หายนะ”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้โยนแผ่นแก่นพลังงานหนึ่งที่ใช้งานแล้วไปบนโต๊ะตรงหน้า
“แผ่นแก่นพลังงานนี้ นายเหนือหัวผู้นี้ได้นำออกมาจากสัตว์หายนะกับมือ แล้วท่านยังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่”
หลินจิ้นได้หยิบแผ่นแก่นพลังงานนี้ขึ้นมาดู ก่อนที่จะมีใบหน้าที่ซีดเผือด
เมื่อมาถึงตอนนี้ พวกเขาไม่มีสิ่งใดที่พอจะพูดแก้ตัวได้อีก
“ท่านนายเหนือหัว พี่ฮู…”
หลินจิ้นในตอนนี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ “โปรดเชื่อเถิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสมาคมมนุษย์กลายพันธุ์ของพวกเราเลยจริงๆ”
“หลินจิ้น หลักฐานก็มาวางกองอยู่ต่อหน้าเจ้าแล้วเจ้ายังมีหน้ามาบอกปัดอีกเรอะ”
ฮูเตี๋ยนพูดออกมาด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น
“แต่มันคือความจริง” หลินจิ้นที่รีบตอบออกมาอย่างทันควัน “พี่ฮู่ เรื่องราวมันเป็นแบบนี้”
“เมื่อครึ่งปีก่อนนั้น ด้วยการที่ฮั่นจุยถอนตัวออกจากเผ่าพันธุ์มนุษย์เพราะไปมีเรื่องกับพี่ฮู ในภายหลัง มันได้ขอเข้าร่วมกับพวกข้า”
“ผู้อาวุโสหลี่ฉิงในตอนนั้นได้พามันมาที่นี่และได้เสนอให้มันได้ทำงานในศูนย์วิจัยและพัฒนาแผ่นแก่นพลังงาน”
“อย่างไรก็ตาม ข้าเองก็ไม่คิดว่าไอ้ฮั่นจุยผู้นี้มันจะเป็นเดนคนกว่าที่คิด มันได้ให้ใครบางคนในศูนย์วิจัยผลิตแผ่นแก่นพลังงานที่มีข้อบกพร่อง แล้วนำไปฝังในหัวของสัตว์ประหลาด ส่งผลให้เกิดสัตว์หายนะอย่างที่รู้จักกัน”
“พวกข้าเองก็มาพบเรื่องนี้หลังจากที่พบว่ามีสัตว์หายนะได้ปรากฏตัวในโลกภายนอกเพียงเท่านั้น”
“และในตอนที่เราค้นพบเรื่องนี้เอง พวกเราก็พบว่าไอ้เดนคนฮั่นจุยนั่นได้ลักพาตัวนักวิจัยของพวกเราไปจนหมดสิ้น และทำลายอุปกรณ์การผลิตของพวกเรา”
“ถ้าพูดกันตรงๆ พวกเราเองก็เป็นผู้เสียหายเหมือนกัน”
“ฮั่นจุยอีกแล้วเรอะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้เฉินเฉียงได้ตบโต๊ะอย่างสุดแรงก่อนที่จะหันไปมองฮูเตี๋ยน
ฮูเตี๋ยนเองก็เข้าใจดีจึงได้ตวัดมือของตนและทำให้ราชาจอมพลกว่าพันได้ปรากฏออกมาทั้งในและนอกหอประชุมสมาคม
“ผู้ใต้บังคับบัญชา ทำความเคารพนายเหนือหัว ผู้อาวุโสสูงสุด”
เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว หลินจิ้นถึงกับหน้าถอดสี
“ท่านนายเหนือหัว โปรดระงับความโกรธไว้ก่อน”
หากว่าราชาจอมพลทั้งพันคนนี้ลงมือล่ะก็ สมาคมมนุษย์กลายพันธุ์แห่งนี้จะราบเป็นหน้ากลองในชั่วไม่กี่วินาที
เฉินเฉียงไม่แยแสต่อท่าทางของหลินจิ้นและคนอื่นๆ ก่อนที่จะมองไปที่หยางตู๋
“ผู้อาวุโสหยางตู๋ นำคนไปล้อมเขาห่านป่านี้ซะ หาตัวไอ้ฮั่นจุยนั่นให้พบ”
“รับคำสั่ง พวกเราจะทำตามคำสั่งนายเหนือหัว”
หยางตู๋ได้ตวัดมือของตน และทำให้มีราชาจอมพลอีกเกือบห้าพันคนได้ปรากฏ และทะยานไปทุกทิศทุกทางรายรอบเขาห่านป่าแห่งนี้ไว้
เมื่อเฉินเฉียงได้หันกลับมาอีกครั้ง หลินจิ้นนั้นเหงื่อไหลรินอย่างไม่ขาดสาย
เรื่องนี้กระจ่างชัดอย่างไม่ต้องสืบอีกต่อไป
คนเดียวที่สามารถทำร้ายราชาสวรรค์ได้นั้นก็คือฮั่นจุย
หากว่าหลี่ฉิงรับรู้ว่าราชาสวรรค์มีสายสัมพันธ์แบบนี้กับนายเหนือหัวแห่งฮุยตู๋ล่ะก็ เขาจะไม่วางตัวราชาสวรรค์ในสถานที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย
แต่ในเมื่อหายนะได้บังเกิดแล้ว นอกจากการรับมือเหตุการณ์เฉพาะหน้า หลี่ฉิงก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก
และหากเขาตอบสนองได้ไม่ดีพอล่ะก็ สมาคมมนุษย์กลายพันธุ์ที่ตั้งอยู่ที่เขาห่านป่าแห่งนี้คงเหลือเพียงแต่ชื่ออย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว หลี่ฉิงรีบก้มหัวและพูดออกมาอย่างเคารพ
“รายงานท่านนายเหนือหัวเฉินเฉียง หลังจากตอนที่พวกเรารับรู้การปรากฏของสัตว์หายนะและรู้ความจริงเรื่องแผ่นแก่นพลังงาน พวกเราเองก็รีบทำการสืบสวนในทันทีเช่นกัน”
“มันเป็นฮั่นจุยที่ทำตัวประดุจจอมโจร มันเองก็ดูเหมือนจะวางแผนการไว้แล้วว่าจะให้พวกเราเป็นแพะรับบาป และไม่เพียงมันผู้นั้นจะทำลายโรงงานผลิตของพวกเราไปแล้ว มันยังนำผู้ผลิตแผ่นแก่นพลังงานไปจนหมดสิ้น”
“ในช่วงครึ่งเดือนก่อนนั้น พวกเราเองที่รับรู้เรื่องนี้ก็ได้ควานหาตัวมันจนทั่วเขาห่านป่า แต่ก็ไม่พบร่องรอยของฮั่นจุยแต่อย่างใด”
หลินจิ้นเองก็ทำการโค้งคำนับและกล่าวเสริมในทันที “ท่านนายเหนือหัว ผู้อาวุโสหลี่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว หากท่านไม่เชื่อล่ะก็ให้ข้าพาท่านไปภายในสถาบันวิจัยที่เกิดเรื่องเลยก็ยังได้”
เฉินเฉียงได้ปลดปล่อยกระแสจิตของตนออกไปก่อนหน้านี้โดยไม่รอให้หลินจิ้นได้เอ่ยถามด้วยซ้ำ เขาได้ตรวจสอบทุกสิ่งอย่างในระยะยี่สิบไมล์รอบตัวเขาจนหมดสิ้น แต่ไม่พบเจอร่องรอยของฮั่นจุยแต่อย่างใด
หลังจากผ่านไปอีกพักหนึ่ง หยางตู้และคนอื่นๆเองก็ได้ลอยลงมาและกล่าวรายงาน “รายงานนายเหนือหัว พวกเราได้ค้นหาทั้งเขาห่านป่าแห่งนี้แล้วแต่ไม่พบเจอฮั่นจุยแม้แต่เงา”
ฮูเตี๋ยนที่ได้ยินเองก็ได้มองไปยังเฉินเฉียงแล้วถามออกมา “นายท่านเหนือหัว ท่านคิดว่ายังไง”
เฉินเฉียงได้ยืนนิ่ง ก้มหน้าคิด ก่อนที่จะมองไปโดยรอบและพูดออกมา ผู้อาวุโสสูงสุดหลินจิ้น ในตอนนี้สัตว์หายนะได้ออกมาสร้างความปั่นป่วนบนโลกมนุษย์ และเรื่องราวทั้งหมดในตอนนี้ชี้ว่าสมาคมมนุษย์กลายพันธุ์นั้นเป็นผู้ก่อการ
“หากปล่อยเรื่องไว้แบบนี้แล้ว ท่านคิดว่าหากอีกสองเผ่าพันธุ์ได้รับรู้ในเรื่องนี้ ข้าเชื่อว่าอีกสองเผ่าพันธุ์ต้องร่วมมือกันกวาดล้างพวกท่านเป็นแน่”
หลินจิ้นเองก็รับรู้และคาดการณ์สถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเฉินเฉียงก็ได้รีบโค้งตัวตั้งฉากขนานกับพื้นดินและพูดออกมา
“ท่านนายเหนือหัว โปรดเมตตาด้วย”
“พวกเราเองแม้จะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่พวกเราก็เป็นผู้เสียหายด้วยเช่นกัน”
“หากท่านนายเหนือหัวยอมช่วยให้เผ่าพันธุ์ของข้าให้รอดพ้นวิกฤต ข้า ในนามของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งมนุษย์กลายพันธุ์จะยินดีรับฟังคำสั่งท่านแต่โดยดี”
เฉินเฉียงพยักหน้ารับในทันที “อืมมม”
“ผู้อาวุโสสูงสุดหลินจิ้น เอาเป็นว่าท่านก็ส่งคนออกจากที่นี่ ช่วยข้าหาข่าวของฮั่นจุยให้หน่อยแล้วกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วหลินจิ้นได้รีบหันไปสั่งผู้อาวุโสทุกคนในทันที “พวกเจ้าไม่ได้ยินคำพูดของนายเหนือหัวเฉินเฉียงรึไงกันห้ะ พวกเจ้ารีบไปเกณฑ์ผู้อาวุโสทั้งหมดไปยังภาคกลางแล้วไปเข้าร่วมการสืบหากับเหล่านายท่านแห่งฮุยตู๋ซะ”
“รับคำสั่ง”
หลี่ฉิงรีบรับคำสั่งก่อนจะเกณฑ์ไพร่พลทั้งหมดในสมาคมในตอนนี้ซึ่งได้จำนวนหกร้อยคนติดตามผู้อาวุโสสามแห่งฮุยตู๋เพื่อรับฟังวิธีการสื่อสารและค้นหา หลังจากนั้นก็ได้ออกจากเขาห่านป่าไป
หลังจากกลุ่มนี้ได้จากไปแล้ว เฉินเฉียงก็ได้พูดออกมา “ผู้อาวุโสลำดับสอง ข้าจะไปที่เขาโชวหยางก่อน”
“ส่วนท่านกับหลินจิ้นแล้วใช้ธงตราแห่งฮุยตู๋ไปแจ้งผู้อาวุโสสัตว์ประหลาดว่านายเหนือหัวผู้นี้ขอให้ผู้นำของสัตว์ประหลาดไปพบเจอที่กันโชวหยาง แล้วท่านก็พาคนนั้นไปที่นั่นด้วยแล้วกัน”
หลังจากแจกแจงงานเสร็จสิ้น เฉินเฉียงและฮูเตี๋ยนก็ได้ออกจากเขาห่านป่าไป และเร่งรีบไปยังเขาโชวหยาง
เฉินเฉียงนั้นแต่เดิมคิดจะใช้อำนาจแห่งฮุยตู๋หาคนที่ฆ่าเฉินเทียนเว่ยเพียงเท่านั้น
แต่เขาไม่คิดเลยจริงว่าคนที่ฆ่าเฉินเทียนเว่ยจะเป็นกากเดนเศษคนฮั่นจุยไปได้
ยิ่งไปกว่านั้นคือ หลังจากทำร้ายเฉินเทียนเว่ยจนบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว ฮั่นจุยยังคิดที่สร้างภยันตรายต่อโลกใบนี้โดยการนำพาคนที่แผ่นแก่นพลังงานจากมนุษย์กลายพันธุ์ไปจนหมด
และนี่จึงทำให้เขานั้นคิดได้เพียงการรวมกำลังจากสามเผ่าพันธุ์ในการค้นหาฮั่นจุยเท่านั้น
และในระหว่างที่รอหลินจิ้นและผู้อาวุโสลำดับที่สามอยู่นี้ เฉินเฉียงก็ได้ปรากฏตัวตรวจหน้าตึกจอมพลภาคกลาง และเดินไปยังเขาโชวหยางที่อยู่ไม่ไกล
ถึงแม้ว่าจ้าวลี่จะถูกสังหารไปแล้ว แต่ตำแหน่งผู้ตรวจการของสภาสูงแห่งเขาโชวหยางนั้นก็ได้ถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็วโดยในครั้งนี้เป็นราชาขุนพลขั้นปลายคนหนึ่ง
ด้วยการที่ครั้งก่อนนั้น เรื่องราวและหว่างฮูเตี๋ยนและเฉินเฉียงเป็นที่โจษจันกันไปทั่ว แม้ผู้ตรวจการผู้นี้จะถึ่งมาใหม่ แต่เขาก็สามารถจดจำทั้งสองคนได้ตั้งแต่ไกล และนั่นทำให้เขารีบวิ่งเข้าไปหาทั้งสองคนในทันที
“ทำความเคารพผู้อาวุโสสูงสุดฮูเตี๋ยน ข้าผู้ตรวจการเจิ้งชานแห่งเขาโชวหยาง”
ฮูเตี๋ยนพยักหน้ารับและกล่าวออกไป “เจิ้งชาน พาพวกเราไปยังหอของผู้อาวุโสสูงสุดหลิวฉิงที แล้วแจ้งหลิวฉิงไปว่าตาแก่คนนี้มีเรื่องที่ต้องหารือ”
“ได้ได้ได้ ท่านผู้อาวุโสสูงสุดโปรดเชิญทางนี้”
เจิ้งชานได้ผายมือออกก่อนที่จะนำพาทั้งสองคนเข้าไป
แต่ในระหว่างนี้เอง เจิ้งชานก็อดที่จะสนใจการเดินเข้าไปยังหาของผู้อาวุโสสูงสุดคนนี้เสียมิได้ นั่นก็เพราะฮูเตี๋ยนเดินตามหลังเฉินเฉียงประหนึ่งดังผู้ติดตามเพียงเท่านั้น
และเมื่อเข้าไปยังหอของผู้อาวุโสสูงสุด เฉินเฉียงก็ได้ปลดปล่อยกระแสจิตโดยรอบไปในทันที
และนี่ นอกจากเขาจะพบหลิวฉิงแล้ว เขายังพบฉิงเชินที่อยู่ท่ามกลางเหล่าราชาจอมพลขั้นกลางทั้งหลาย ที่กำลังเดินเข้ามาอย่างเป็นทิวแถว
มาจนถึงตอนนี้ เฉินเฉียงก็ยังคงปวดใจเมื่อได้เจอชิงเฉินอยู่ดี
ฉิงเชินที่แต่เดิมนั้นสวมชุดผ้าไหมสีขาวบริสุทธิ์นั้น ในตอนนี้ เธอได้สวมชุดสีดำและกระโปรงยาวผ้าคลุม พร้อมใบหน้าที่เย็นชาไม่ต่างไปจากท่าทางของเธอ
เมื่อเธอได้เห็นเฉินเฉียง ฉิงเชินก็ทำเพียงมองไปปราดหนึ่งราวกับคนแปลกหน้าแปลกตาเพียงเท่านั้น
ดูเหมือนว่าด้วยเรื่องของเว่ยหยวนตี้ เขาเองคงไม่อาจจะจัดการเรื่องของฉิงเชินได้โดยง่าย
แต่เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าเว่ยหยวนตี้ที่เขาได้ทำลายการบ่มเพาะไปนั้นจะได้เข้ามาที่นี่ด้วยเช่นกัน
เฉินเฉียงได้ลองใช้กระแสจิตของตนตรวจสอบร่างของเว่ยหยวนตี้ดูก็พบว่าอาการบาดเจ็บของจุดตันเถียนนี้ยังไม่ได้รับการรักษา นี่เองก็ทำให้เขานั้นลอบถอนหายใจออกมายาวๆเสียมิได้
เหตุผลที่เว่ยหยวนตี้มาอยู่ที่นี่ได้นั้นย่อมเป็นเพราะเว่ยฉิงเชินอย่างไม่ต้องสงสัย
ยังไงซะ ถึงแม้ว่าฉิงเชินจะเป็นเพียงกึ่งราชา แต่ด้วยการที่เธอนั้นเป็นศิษย์สายตรงของหลิวฉิงเพียงคนเดียว สถานะของเธอย่อมเพียงพอที่จะทำให้เว่ยหยวนตี้ได้มาอยู่ที่นี่
“ฮี่ฮี่ฮี่ ไม่ได้พบเจอเพียงเดือนกว่าๆ ไม่คิดเลยว่าพี่ฮูจะกลับมายังเขาโชวหยางของข้าอีก ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าในครั้งนี้นั้นท่านมีธุระใดกัน”
หลังจากพูดจบ หลิวฉิงได้นั่งลงบนที่นั่งหลักของหอประชุม และสั่งการให้ผู้คนหาที่นั่งให้กับฮูเตี๋ยน
และเมื่อเจ้าหน้าที่หาที่นั่งมาให้ ฮูเตี๋ยนก็ได้หลีกทางพลางผายมือให้กับเฉินเฉียงไม่ต้องยืนพูดคุยและนั่งลงโดยไม่ต้องเมื่อยขบ
เมื่อเห็นฉากนี้ หลิวฉิงก็ถึงกับต้องมองตามอย่างตาลอยไปที่เฉินเฉียง
“เฉินเฉียงรึ ต่อให้เจ้าเป็นศิษย์ของพี่ฮูเตี๋ยน แต่เจ้าเองก็ยังเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ อย่าบอกนะว่าเจ้านั้นไม่รู้กฎเกณฑ์ของเผ่าพันธุ์น่ะ”
เป็นตอนนี้ที่เว่ยหยวนตี้ที่มายืนอยู่ข้างหลิวฉิงแล้วได้ชี้นิ้วมาที่เฉินเฉียงพร้อมท่าทางที่ดุดัน
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด เฉินเฉียงพยายามฆ่าข้าที่ตึกจอมพลเหมันต์จันทรา แถมในตอนนี้มันยังมีหน้ามาใช้ความเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสสูงสุดฮูเตี๋ยนทำตัวยโสโอหังไม่สนใจกฎของสภาสูงของเผ่าพันธุ์มนุษย์อีก”
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ไม่ว่ายังไงท่านก็ไม่อาจปล่อยเฉินเฉียงให้ทำตัวตามอำเภอใจแบบนี้ต่อไปนะครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หลิวฉิงได้ตบที่วางแขนของตนอย่างดังแล้วตะคอกออกมา “เฉินเฉียง เขาโชวหยางไม่ใช่สถานที่ให้เด็กน้อยเช่นเจ้ามาอวดดี ใครก็ได้ ลากตัวมันมาให้ข้า”
เมื่อได้ยินคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุดของตน ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็พุ่งตรงไปหาเฉินเฉียง
เมื่อเห็นฉากนี้ ฮูเตี๋ยนได้ก้าวขึ้นหน้ามาบดบังเฉินเฉียงแล้วตะคอกออกมาดังลั่นยิ่งกว่า “พวกเจ้ากล้าดียังไง เหอะ ใครเก่งจริงก็เข้ามา”
เมื่อพูดจบ ฮูเตี๋ยนได้ปลดปล่อยคลื่นพลังออกไปทางด้านหน้าของตน ทำให้ผู้อาวุโสที่อยู่ระดับราชาจอมพลขั้นกลางนับสิบคนถอยร่นไปสองถึงสามเมตรในทันที
เมื่อเห็นฉากนี้ หลิวฉิงได้แสดงท่าทีที่ไม่ปลื้มออกมา “พี่ฮู ท่านหมายความว่ายังไงกัน เพียงแค่เฉินเฉียงเป็นศิษย์ของท่านแต่ท่านกลับไม่คิดเห็นเขาโชวหยางของข้าอยู่ในสายตาเลยรึ”
เพียงสิ้นคำของหลิวฉิง เสียงหัวเราะก้องกังวานก็ได้ดังขึ้นมาจากด้านนอกหอประชุม
“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องหลิวฉิง ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าเขาโชวหยางของเจ้าจะกล้าทำตัวอย่างไม่ยำเกรงเช่นนี้ ข้า เฒ่าหลูคนนี้อยากเห็นยิ่งนักว่าเจ้าจะกล้าทำตัวแบบนี้ได้ถึงเมื่อใด”
เมื่อสิ้นเสียง สามร่างก็ได้บินมายังกลางหอประชุม
คนที่ยืนอยู่ด้านนี้มีร่างกายที่ใหญ่โตและกล้ามเนื้อที่มากมาย เพียงแค่มองผ่านๆก็รับรู้ได้ว่าเขานั้นราวกับหอคอยเหล็กที่ตั้งไว้เพื่อข่มขวัญผู้คน
“เฒ่าหลู…รึ”
เมื่อเห็นชายตรงหน้า หลิวฉิงรีบลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินเข้าไปหา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าก็นึกว่าใครที่ไหน เป็นพี่หลูนี่เอง ฮี่ฮี่ฮี่ โอ้ พี่หลินจินก็มาด้วยรึนี่ วันนี้เป็นวันอะไรกันแน่ทำไมสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งสามฝักฝ่ายถึงได้มาเยี่ยมเยือนข้าถึงที่นี่กัน”
เมื่อหลิวฉินเห็นหน้าชายเจ้าของเสียงนี้เขาก็รู้สึกเป็นสุขในทันที และท่าทางของเขาเองก็ผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อได้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีเพียงฮูเตี๋ยนและหยางตู๋เพียงเท่านั้น
ถึงแม้ฮุยตู๋จะทรงพลังจนยากจะหยั่งถึง แต่ด้วยความร่วมมือของทั้งสามเผ่าพันธุ์ หากฮุยตู๋ต้องการจะหาเรื่องจึง เขาเชื่อว่าฮูเตี๋ยนต้องคิดดีๆก่อนที่จะลงมือ
อย่างไรก็ตาม หลิวฉิงนั้นต้องสับสนและมึนงงในทันทีเมื่อได้เห็นว่าผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสลำดับสองแห่งฮูยเตี๋ยนนั้นกับไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด แถมทั้งสองยังเดินไปยืนหลังเฉินเฉียงเสียอย่างนั้น
เป็นตอนนี้ที่เฒ่าหลูผู้ที่พึ่งจะมาถึง ได้มองไปที่เฉินเฉียงอย่างมีความหมาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นเพราะเฒ่าหลูผู้นี้ยากนักที่จะได้ออกมายังพื้นที่ของเผ่าพันธุ์ทำให้ข้าไม่รู้ว่าฮุยตู๋นั้นมีนายเหนือหัวแล้ว แต่ข้าก็ไม่นึกเลยจริงๆว่าท่านผู้นั้นจะยังเยาว์วัยนัก เรื่องนี้ทำให้ข้าอดประหลาดใจไม่ได้จริงๆ”
เมื่อพูดจบ เฒ่าหลูได้ทำการป้องมือก่อนจะโค้งหัวให้กับเฉินเฉียง “ผู้อาวุโสแห่งสหภาพสัตว์ประหลาด ผู้อาวุโสสูงสุดหลูเป็งทำความเคารพท่านนายเหนือหัว”
“ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสมาคมมนุษย์กลายพันธุ์หลิวจิ้น ทำความเคารพท่านนายเหนือหัว” หลินจิ้นเองก็โค้งคำนับด้วยเช่นกัน
เฉินเฉียงพยักหน้ารับและพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านทั้งสองไม่ต้องมากพิธี”
เกิดอะไรขึ้นกัน
หลิวฉิงในตอนนี้จ้องมองไปยังเฉินเฉียงด้วยสายตาที่ว่างเปล่าพร้อมปากที่อ้าค้าง เฉกเช่นเดียวกัยเว่ยหยวนตี้ เว่ยฉิงเชิน และผ้าอาวุโสคนอื่นที่อ้าปากกว้างขนาดยัดไข่ใส่ปากได้อย่างง่ายดาย
เมื่อใดกันที่เฉินเฉียงกลายเป็นนายเหนือหัวแห่งฮุยตู๋
ไม่ใช่ว่าฮุยตู๋นั้นมีฮูเตี๋ยนที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดคอยสั่งการหรอกรึ แล้วไอ้ตำแหน่งนายเหนือหัวนี่มาจากไหนกัน
นี่…..ไม่ใช่ว่าข้าพึ่งจะสั่งคนให้ไปจับตัวนายเหนือหัวแห่งฮุยตู๋มาไม่ใช่หรอกเรอะ
เมื่อคิดได้แบบนี้ หลิวฉิงนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทางโอ้อวดในถิ่นของตนอีกแต่อย่างใด ก่อนที่จะเหลือบตาไปมองเว่ยหยวนตี้ด้วยสายตาที่รังเกียจเดียดฉันท์อย่างที่สุดเพราะเขาเป็นคนยุยงให้หลิวฉิงลงมือกระทำตอนก่อนหน้านี้
เว่ยหยวนตี้เองนั้นตกใจจนแทบจะทรุดลงไปก้นจ้ำเบ้าไปแล้วหากว่าเว่ยฉิงเชินเข้ามาคว้าตัวไว้ไม่ทัน
หลังจากได้ยินมาว่าเฉินเฉียงมาที่เขาโชวหยางนี้อีกครั้ง เว่ยหยวนตี้ที่คิดแค้นอย่างหมดหัวใจนั้นต้องการใช้โอกาสนี้แก้แค้น โดยอาศัยยืมมือหลิวฉิงที่เป็นผู้อาวุโสสูงแห่งเผ่าพันธุ์ล้างแค้นแทนตน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดมาก่อนว่าสถานะของเฉินเฉียงในตอนนี้เมื่อได้พบเจอกันอีกครั้งจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
นายเหนือหัวแห่งฮุยตู๋…เหรอ
หากไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ เขาบอกได้เลยว่าคนที่ทรงพลังที่สุดในโลกตอนนี้นั้นก็คือเฉินเฉียงอย่างไม่ต้องสงสัย
เป็นตอนนี้ที่เว่ยหยวนตี้รู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมาจริงๆ
หากว่าเขาไม่ได้สร้างความอยากลำบากให้กับเฉินเฉียงอย่างนับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะก็ เขาเชื่อว่านอกจากระดับการบ่มเพาะของเขาจะไม่ถูกทำลายโดยเฉินเฉียงแล้ว เขาเองก็คงยังอยู่ในสถานะที่ยังญาติดีกับเฉินเฉียงอยู่
ด้วยนิสัยของเฉินเทียนเว่ยแล้ว เขาเชื่อว่าหากเฉินเทียนเว่ยไม่ได้ใกล้ที่จะตกตายหรือลงมือกับเขาจนสำเร็จ เขาย่อมไม่มีวันบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเฉินเฉียง
และหากเป็นแบบนั้นจริง เฉินเฉียงในตอนนี้ก็ควรจะได้ครองคู่กับฉิงเชินไปนานแล้ว และนั่นมันก็หมายความว่าเขาควรจะได้เป็นพ่อตาของนายเหนือหัวแห่งฮุยตู๋ไม่ใช่รึไงกัน
แต่ต่อให้มาคร่ำครวญอยู่ในตอนนี้มันก็เกินการไปแล้วจริงๆ
เป็นเพราะเขานั้นใจเร็วด่วนได้และเชื่อถือคนผิดอย่างฮั่นจุย จนทำให้เขานั้นคิดร้ายกับลูกชายของเฉินเทียนเว่ยอย่างเฉินเฉียงจนทำให้เรื่องราวล่วงเลยมาถึงจุดนี้
เว่ยหยวนตี้ในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะมองลูกสาวของตนที่อยู่ข้างๆ นี่ทำให้เขานั้นเห็นว่าฉิงเชินทำตัวราวกับไม่เฉินเฉียง มันเป็นท่าทางที่ทั้งเย็นชาและไร้อารมณ์อย่างที่สุด
เฮ้อออออ
เว่ยหยวนตี้ได้ถอดถอนลมหายใจและรู้สึกว่าตัวเองนั้นแก่กว่าเดิมอีกนับสิบปี
ชีวิตของฉิงเชินนั้นย่อยยับด้วยน้ำมือของเขาเอง