ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 326 หลี่ฉิง
บทที่ 326 หลี่ฉิง
เป็นตอนนี้ที่หยานเสวี่ยกะพริบดวงตาที่กลมโตและสวยงามปริบๆใส่เฉินเฉียงไปสองทีก่อนที่จะถามออกมา “เจ้าทำไมสนใจเรื่องแผนกหุ่นเชิดโลหิตนักล่ะ อย่าบอกนะว่าเจ้าอยากจะเข้าสำนักเต๋าดาวตกน่ะ”
เฉินเฉียงหรี่ตาลงก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าเพิ่งจะดูแผนที่ของโลกปีศาจนี้ไปแต่ว่าข้าไม่พบสถานที่ที่เรียกว่าวิหารศักดิ์สิทธิ์เลยสักนิด”
“และหลังจากได้ยินการพูดคุยของไอ้พวกห้องข้างๆนี่และหนังสือแนะนำนี่แล้ว ข้ามีความรู้สึกว่าแผนกหุ่นเชิดโลหิตนี่ต้องเกี่ยวข้องกับบอลเลือดปีศาจ นี่จึงทำให้ข้าคิดจะเริ่มจากที่นี่”
“งั้นก็หมายความว่าเจ้าจะเข้าสำนักเต๋าสินะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันแล้วกัน”
หลังจากลิ้มลองรสอาหารบนโต๊ะแล้ว ทั้งสองก็พาเมิ่งน้อยไปเข้านอน และแยกกันพักผ่อน
ในตอนเช้า หลังจากถามเส้นทางกับพนักงานโรงแรม หยานเสวี่ยก็ได้เดินออกไปจากโรงแรมพร้อมกับเฉินเฉียง โดยมีเมิ่งน้อยเกาะแขนตนไปในขณะเดินไปตามถนนทางทิศตะวันออก
การรับสมัครศิษย์ของสำนักเต๋าดาวตกและสำนักเต๋าใต้บาดาลนั้นจัดขึ้นในวันเวลาเดียวกัน นี่เพื่อเป็นการบังคับให้ศิษย์แต่ละคนที่มานั้นตัดสินใจเลือกเป็นอย่างดีแล้ว และในขณะเดียวกันนั้นก็เป็นการประชันขันแข่งอย่างลับๆระหว่างสำนักเต๋าทั้งสองอีกด้วย
สำนักเต๋าใดที่ดีกว่า ย่อมหมายถึงการที่มีศิษย์สนใจเข้าร่วมมากกว่า
ตลอดทาง เฉินเฉียงและหยานเสวี่ยได้พบเจอคนหนุ่มสาวที่เดินมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
ดูเหมือนว่าสำนักเต๋าทั้งสองนี้จะล่อตาล่อใจผู้คนมากมายพอดู
อย่างไรก็ตาม เมื่อสุดเส้นทางของถนนตะวันออก คนหนุ่มสาวเหล่านี้ต่างก็แยกย้ายกันไปสองฟากฝั่ง
ทางซ้ายมีของเฉินเฉียงและหยางเสวี่ยในตอนนี้เป็นสถานที่รับสมัครสำนักเต๋าใต้บาดาล ส่วนทางชวาคือสถานที่รับสมัครของสำนักเต๋าดาวตก
ตามที่เขาตั้งใจไว้นั้น หากเขาต้องการจะเข้าร่วมกับแผนกหุ่นเชิดโลหิต เขาก็ต้องเริ่มจากการเข้าร่วมกับสำนักเต๋าดาวตกก่อนเป็นอันดับแรก นี่จึงทำให้เขาคิดจะเดินตามคนอื่นไปทางขวา
เมื่อเขามองไปทางขวา เขาได้ยินเสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุประมาณยี่สิบที่เดินตามเขามาระหว่างทาง เขาเร่งก้าวเดินมาหาเฉินเฉียงและหยางเสวี่ยแล้วพูดขึ้นมา “น้องชาย ข้าเห็นว่าเจ้านั้นหน่วยก้านไม่เลว และหญิงสาวข้างเจ้าเองก็งดงามประดุจดั่งนางฟ้าที่หลุดออกมาจากภาพวาดหญิงงาม”
“สำนักเต๋าใต้บาดาลนั้นเหมาะสมกับพวกเจ้ามากกว่านา ส่วนสำนักเต๋าดาวตกนั่นอย่างมากก็มีดีแค่แผนกยาเองนะเออ”
“จะมีที่ดีอีกอย่างก็…..”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ ชายหนุ่มได้มองไปที่ผู้คนที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่จะกระซิบออกมาเบาๆ “ดูนั่น นั่นคือศิษย์ที่เข้าร่วมกับสำนักดาวตกที่ไม่ได้ดีเด่อะไรสักอย่าง พูดง่ายๆก็เป็นพวกขยะในหมู่ผู้ฝึกยุทธนั่นแหละ”
เฉินเฉียงเมื่อได้ยินก็มองหยานเสวี่ยที่อยู่ข้างๆด้วยรอยยิ้มและไม่ใส่ใจกับคำพูดของชายหนุ่มที่หวังดี
ความจริงแล้วนี่ก็เป็นวิธีทางการตลาดอย่างหนึ่ง มันเป็นการพูดข้อเสียของคู่แข่งเพื่อเรียกลูกค้ามาฝั่งตน หากคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็เป็นธรรมดาที่จะตกหลุมพรางโดยไม่ได้คิดอะไรมากมาย
แต่ในตอนที่เฉินเฉียงมาถึงที่นี่ แม้เขาจะไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็บอกได้ว่าชายหนุ่มคนก่อนหน้านี้พูดถูกต้องในบางเรื่อง
แม้การมองปราดแรกนั้น คนหนุ่มสาวที่อยู่ที่นี่จะมากมายกว่าสำนักเต๋าใต้บาดาลก็ตาม
แต่หากมองดูดีๆแล้ว ทุกๆคนที่อยู่ที่นี่เทียบไม่ได้กับคนที่เลือกที่จะเข้าไปคัดตัวกับสำนักเต๋าใต้บาดาลแม้แต่น้อย
“ท่านผู้นี้ต้องการจะเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์สำนักดาวตกงั้นรึ”
“หากท่านเข้าร่วมกับพวกเราล่ะก็ ข้ารับรองได้ว่าท่านนั้นจะสามารถยกระดับไปอีกสองระดับขั้นในห้าปีนี้ และจะทำให้ท่านอยู่ในระดับราชาขุนพลเป็นอย่างน้อย”
เฉินเฉียงได้เดินตรงต่อไปท่ามกลางความสนใจของชายหนุ่มอายุยี่สิบกลางๆคนหนึ่ง เขามองเฉินเฉียงราวกับว่าเขาเป็นหญิงสาวที่หลุดออกมาจากโรงเรียนหญิงล้วนก็ไม่ปาน
แน่นอนว่าหยานเสวี่ยเองก็เดินตามมาอย่างไม่ห่างก็ได้ดึงดูดสายตาของเขาไป
“หวา คุณหนู ข้ามองแล้วคุณหนูผู้นี้เหมาะสมกับแผนกหุ่นเชิดโลหิตของสำนัก…. ไม่ไม่ไม่ ท่านไม่สนใจจะเข้าร่วมกับแผนกปรุงยาของเราเหรอ”
“คุณหนู ตราบใดที่ท่านผ่านการคัดเลือกของสำนักเต๋าดาวตก ข้ารับรองได้เลยว่าเจ้านั้นจะได้รับทรัพยากรบ่มเพาะที่ดีที่สุดจากแผนกปรุงยาของเราหากเจ้าต้องการเข้าร่วมน่ะ”
ชายหนุ่มเริ่มชักชวนหยานเสวี่ยในขณะที่เธอเดินเลยไป พร้อมกับสายตากะลิ้มกะเหลี่ยที่มองเธอจากด้านหลังตั้งแต่หัวจรดท้ายก่อนที่สายตาจะตกอยู่ที่ทรวดทรงองเอวของเธอ นี่ทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงอย่างที่สุด
นี่ทำให้เธอดึงเฉินเฉียงที่อยู่ข้างกายเข้ามาพูดใกล้ๆ “เจ้าอยากจะลองดูแผนกหุ่นเชิดโลหิตของสำนักเต๋าดาวตกไม่ใช่เหรอ พวกเขาอยู่ตรงนั้นน่ะ ไปดูกันเถอะ”
เฉินเฉียงพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้านในสุด
แต่ก่อนที่เขาจะได้เดินไป เขาก็ได้ยินเสียงผู้คนโดยรอบเริ่มที่จะพูดคุย
“ไอ้ฉิบหาย น่ากลัวฉิบ ข้าไม่แปลกใจเลยจริงๆว่ามีคนบอกว่าแผนกหุ่นเชิดโลหิตมีแต่คนบ้าที่เข้าร่วมน่ะ”
“ไอ้คนพวกนั้นน่าสะพรึงยิ่งนัก แต่ระดับการบ่มเพาะของพวกนั้นก็สูงกว่าผู้ฝึกยุทธทั่วไปมากนัก”
“ผู้ฝึกยุทธบ้าบออะไรกัน นั่นมันวิธีเปลี่ยนคนให้กลายเป็นปีศาจชัดๆ”
“แล้วมันแปลกตรงไหนกัน ตราบใดที่มันทำให้ผู้คนทรงพลังได้ ใครจะไปสนกันล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว เฉินเฉียงก็เรียกที่จะส่งกระแสจิตของตนออกไปตรวจสอบแทนโดยไม่ได้เข้าไปดู
แต่เพราะไม่อยากให้หยางเสวี่ยต้องกังวล เขาก็โอบเธอให้มาอยู่ข้างๆ
เขาเห็นว่าในวงกลมที่รายรอบด้วยผู้คนขนาดประมาณยี่สิบตารางเมตรหนึ่งนั้น เขาพบคนคนหนึ่งที่อายุประมาณสิบแปดก็ไม่สิบเก้าปี เขานั้นดูผอมเพรียวและไม่ได้โดดเด่นอะไรนอกจากตาคู่นั้นของเขาที่เย็นชาและดุร้ายราวกับงูพูด
และที่ตรงข้ามชายคนนี้ก็มีหมูป่าเขี้ยวดาบถูกพันธนาการไว้กับเสาร์ และขู่คำรามไปที่ชายคนนี้อย่างเกรี้ยวกราด
“เจ้าเห็นรึเปล่า เจ้าหมูเขี้ยวดาบนั่นเป็นสัตว์วิญญาณระดับสองเลยนะ มันมีระดับเทียบเท่ากับนายพลขั้นกลางเลย”
“แต่หลี่ฉิงนั่นอยู่ในระดับทหารไม่ใช่เหรอ หากเขาเข้าไปสู้ตรงๆ ข้าว่าหลี่ฉิงต้องถูกฉีกกระชากร่างไปง่ายๆในทีเดียวแหงๆ”
“มันก็อาจจะนะ แต่หลี่ฉิงเป็นศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตที่พึ่งเข้าสำนักไปปีที่แล้วเลยนา ข้าได้ยินมาว่าหุ่นเชิดโลหิตที่อยู่ในร่างเขานั้นช่วยยกระดับให้เขาจากนักรบขั้นต่ำเป็นขั้นสูงในปีเดียวเองนะนั่น”
“ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความช่วยเหลือจากหุ่นเชิดโลหิตนั่น ต่อให้เป็นสัตว์วิญญาณระดับสองอย่างหมูเขี้ยวดาบนั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรมันให้รอดพ้นได้หรอก”
“ก็พูดยากอยู่นา ก่อนหน้านี้เขาพึ่งจะสู้กับสัตว์วิญญาณระดับหนึ่งไป จิ้งจอกวิญญาณตัวนั้นดูเหมือนจะตึงมือเขาพอสมควรจนทำให้เขาดูอ่อนแรงไปแล้ว”
“แต่ไอ้หมูเขี้ยวดาบนี่ไม่เพียงจะมีระดับขั้นที่มากกว่า มันยังดูฟิตปั๋งอยู่อีกด้วย”
“ข้าว่าถ้าเขาพลาดเพียงนิดเดียว ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ต้องตกตายกลายเป็นอาหารหมูแหงๆ”
“เลิกโวยวายได้แล้วน่า มาคอยดูกันดีกว่า หากว่าหลี่ฉิงฆ่าไอ้หมูนี่ได้ ข้าจะรีบเข้าไปลงชื่อเข้าร่วมกับสำนักเต๋าดาวตกเลย”
คนหนุ่มสาวมากมายในตอนนี้ต่างก็จับจ้องไปยังหลี่ฉิงและหมูป่าเขี้ยวดาบ
เฉินเฉียงเองก็รับรู้เรื่องนี้ได้จากกระแสจิตของตนก็รีบจูงมือหยานเสวี่ยไปให้ร่วมดูด้วยกัน ก่อนที่จะพูดออกมา “หยานเสวี่ย จงจับตาดูสิ่งที่เห็นให้ดี ข้าเชื่อว่านี่จะเป็นประโยชน์กับเราในขณะที่เดินทางในโลกปีศาจนี้ในอนาคต”
หยานเสวี่ยพยักหน้ารับในทันทีที่ได้ยิน ก่อนที่จะจับจ้องไปยังกลางวงกลมที่ผู้คนรายรอบอยู่
เมื่อเห็นว่าคนหนุ่มสาวที่เข้าร่วมกับสำนักเต๋าดาวตกได้มารายรอบมากขึ้นพอดู ศิษย์ที่ใส่ชุดของศิษย์สำนักเต๋าดาวตกที่อยู่ตรงข้ามกับหลี่ฉิงก็ได้ส่งสัญญาณทางสายตา ก่อนที่จะแก้โซ่ที่พันธนาการร่างของหมูเขี้ยวดาบเอาไว้
เมื่อสิ่งที่พันธนาการหายไป หมูป่าเขี้ยวดาบก็ได้งัดเขี้ยวของตนให้พุ่งเข้าใส่หลี่เฉิงอย่างดุดัน
ผู้คนในตอนนี้มีท่าทางตื่นเต้นจนโห่ร้องออกมา หลี่เฉินนั้นทำเพียงหลบฉากจากการโจมตีที่แหลมคมและเกรี้ยวกราดของหมูป่าเขี้ยวดาบตัวนี้อย่างพอประมาณ ก่อนที่จะใช้นิ้วมือทะลวงเข้าไปที่หน้าอกของตน
เป็นตอนนี้ที่มีสิ่งสีดำที่พุ่งออกจากอกของหลี่ฉิงพุ่งเข้าใส่หัวของหมูป่าเขี้ยวดาบ
หยานเสวี่ยที่เป็นถึงระดับราชาขุนพลนั้นก็ยังไม่อาจมองสิ่งนี้ได้อย่างกระจ่างชัด และนี่ทำให้เธอถึงกับต้องนิ่งอึ้งไป