ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 329 ซื้อหาสัตว์เลี้ยง
บทที่ 329 ซื้อหาสัตว์เลี้ยง
เมื่อเห็นว่าหยานเสวี่ยหลบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเฉินเฉียง ใบหน้าของหลี่กวงก็ยับย่นในทันใด
-ข้าดูดีขนาดนี้ แล้วยังมีหน้าไปซุกซ่อนอยู่หลังไอ้หน้าเฮียกนี่อีกเนี่ยนะ-
อย่าว่าแต่หลี่กวงเลย คนอื่นที่เห็นฉากนี้ต่างก็รู้สึกว่าจิตใจของตนได้ห่อเหี่ยวลงไปในทันที
แต่เดิมพวกเขานั้นต่างก็ต้องการเข้าใกล้สาวงามทั้งสองคนนี้ แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองจะมีเจ้าข้าวเจ้าของไปแล้ว
ถึงกระนั้น เมื่อได้เห็นท่าทางของหยานเสวี่ยที่ไปซ่อนอยู่หลังเฉินเฉียงในตอนนี้ ไม่ว่าใครก็อยากจะเข้าไปปกป้องเธอกันทั้งนั้น
ถึงแม้ฉากที่เห็นจะทำให้หลี่กวงรู้สึกเขม่นตายิบ แต่ว่าเขาเองก็ได้ให้สัญญากับแฟนสาวของตนไปแล้ว ยังไงซะเขาก็ต้องทำมันให้สำเร็จให้จงได้ เขาได้ยืดอก เชิดหน้า เสยผมไปปราดหนึ่งแล้วพูดออกมาอย่างวางท่าทางใหญ่โต “ไอ้หนู นายท่านผู้นี้มีความสนใจที่จะซื้อสัตว์วิญญาณของเจ้า ว่าราคามาซะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉินเฉียงได้เกาจมูกก่อนที่ที่จะล้วงไปที่ด้านหลังของตน เป็นตอนนี้ที่เมิ่งน้อยไต่มือของเขาขึ้นมาอย่างไว
เมื่อทุกคนได้เห็นเมิ่งน้อยอย่างชัดถนัดตา ทุกคนก็ได้กู่ร้องออกมา
“โว่โว่โว่ สัมผัสนี่มัน….ได้ยังไงกัน เจ้าลิงนั่น..เจ้ารู้สึกรึเปล่า นั่นมันสัตว์วิญญาณระดับสองไม่ใช่เหรอ”
“กับแค่ลิงตัวเล็กๆนี่เนี่ยนะ ไม่น่าใช่หรอกม้าง….แต่….มันก็ดูฉลาดอยู่นะนั่น”
“ไอ้ฉิบ… ข้าเข้าใจผิดไป ไม่เพียงจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับสองแล้วล่ะ ดูดวงตาเล็กๆของมันสิ มันเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ ถึงแม้ตัวมันจะเล็กก็ตาม มันยังกับเป็นพวกกลายพันธุ์ยังไงอย่างนั้นเลย…ใช่แน่ๆ เจ้านั่นต้องเป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์แหงๆ”
“ใช่ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า สัตว์วิญญาณระดับสองทั่วไปยังมีราคาอย่างน้อยๆก็ห้าสิบเหรียญคริสตัลม่วงเลยนะ แล้วใครกันจะไปกล้าซื้อลูกลิงที่มีสติปัญญาแบบนั้น”
“เจ้าพูดแบบนี้เจ้าบอกไปว่าซื้อด้วยแก่นวิญญาณจะไม่ดีกว่ารึไง ไม่ว่าเจ้าสัตว์วิญญาณนี่จะสวยงามยังไงก็ก็ตาม ใครจะอยากเสียเงินมากมายขนาดนั้นเพื่อซื้อมันกันล่ะ ช่างฟุ่มเฟือยยิ่งนัก”
เฉินเฉียงที่อุ้มเมิ่งน้อยในมือซ้ายอยู่นั้น ก็ได้ใช้มือขวาลูบขนเมิ่งน้อยไปมา ก่อนที่จะหรี่ตาลงแล้วถามออกมาด้วยรอยยิ้ม “นี่เจ้าพูดกับข้าอยู่รึ”
เมื่อเห็นเมิ่งน้อยทำตัวออเซาะอย่างน่ารักน่าเอ็นดูอยู่ในแขนของเฉินเฉียง เม่ยซินนั้นอดไม่ได้จนต้องรีบกดดันแฟนหนุ่มของตน “พี่ใหญ่หลี่กวง…”
ต่อให้เม่ยซินมากดดันเขา หลี่กวงเองก็รู้สึกกดดันมากพอจนต้องมองเมิ่งน้อยไปด้วยสายตาที่โง่งมอยู่
เขาได้หันกลับไปที่เม่ยซิน แล้วแตะมือของเธอประหนึ่งให้เธอวางใจ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเฉินเฉียงด้วยเสียงอันดังก้อง “ไอ้หนู นายท่านผู้นี้ต้องการเจ้าตัวนี้ เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าขายมันให้ข้าแปดสิบเหรียญคริสตัลม่วง เจ้าคิดว่าไง”
“ไอ้ฉิบหาย แปดสิบเหรียญคริสตัลม่วงเพื่อสัตว์วิญญาณระดับสองเนี่ยนะ นายน้อยหลี่ช่างมีเงินมากนัก”
“พูดกันตามตรงแล้ว ค่าธรรมเนียมการสอบเข้าที่นี่ก็ปาเข้าห้าเหรียญคริสตัลม่วงเข้าไปแล้ว หลังจากเข้าไปในสำนักได้แล้วก็ยังต้องจ่ายค่าเทอมอีกปีละห้าสิบเหรียญคริสตัลม่วงอีก ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องจะได้รางวัลจากสำนักที่แสนจะได้มาอย่างน้อยนิดนั่นเลย”
“ดูเหมือนว่านายน้อยหลี่จะมีสถานะที่ไม่ธรรมดาสินะเนี่ย”
“ข้าสามารถบอกได้เลยว่าคนเช่นนี้ไม่แปลกที่จะวางท่าทางใหญ่โต อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้ว่าตระกูลของนายน้อยหลี่นั้นเป็นเช่นไรน่ะ”
“เขามีเหมืองแก่นวิญญาณอยู่ในบ้าน”
“โฮ้แม่เจ้า มีเหมืองอยู่ในบ้าน ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะวางท่าทำตัวใหญ่โตขนาดนี้ ข้านี่ช่างไม่รู้จักวิธีแห่งคนรวยเลยจริงๆ”
เมื่อได้ยินผู้คนพูดกัน ทำให้เฉินเฉียงเข้าใจระดับของค่าเงินที่นี่มากขึ้น
เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงไม่มีท่าทีจะเอ่ยปาก หลี่กวงก็ได้ถามออกมาอีกครั้งอย่างได้ใจ “ไอ้หนู เอาเหรียญคริสตัลม่วงแปดสิบเหรียญนี่ไปซะ แล้วอย่าได้คิดที่จะโก่งราคาเป็นอันขาด ต่อให้เจ้าอยากจะโก่งราคาก็อย่าได้หวังมาทำเรื่องนี้กับคนอย่างข้า”
เฉินเฉียงไม่ได้แยแสกับท่าทางของหลี่กวง เขาเพียงแค่ถูแหวนบนมือก่อนที่จะนำเหรียญคริสตัลม่วงออกมา และนี่ทำให้เมิ่งน้อยลืมตาขึ้นกว้างและฉกเหรียญในมือของเฉินเฉียงไปเคี้ยวเล่น
“เฮ้ย…..” เมื่อหลี่กวงเห็นฉากนี้ก็ต้องนิ่งอึ้งไป
“ไอ้ฉิบหายวายวอด ไอ้เด็กนี่ต้องเป็นคนรวยแหงๆถึงได้ยอมให้เหรียญคริสตัลม่วงไอ้ลิงน้อยกินหน้าตาเฉยแบบนี้”
“โอ้นรกเถอะ ช่างเสียของยิ่งนัก ในสายตาข้าต่อให้นายน้อยหลี่ที่บ้านจะมีเหมืองก็ยังไม่กล้าจะเลี้ยงดูมันเป็นแน่”
“หึหึหึ นายน้อยหลี่อยากจะใช้เหรียญคริสตัลม่วงซื้อเจ้าลิงน้อย แต่เด็กนี่กลับให้มันเป็นอาหารกับเจ้าลิงน้อย…นี่มันตบหน้ากันชัดๆ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่กวงที่จากเดิมที่นิ่งอึ้งก็เปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวในทันที
เม่ยซินเองก็ยังคงทำท่าไม่รู้ความ พลางจับจ้องไปที่เมิ่งน้อยตาเป็นมัน และเริ่มทำท่าทางร้องขออ้อนวอนอีกครั้ง
หลี่กวงกัดฟันแน่นก่อนที่จะพูดออกมา “ไอ้หนู การที่เจ้าใช้เหรียญคริสตัลม่วงเลี้ยงดูสัตว์วิญญาณนั้น กลับคนทั่วไปนั้นยากจะยอมรับ”
“แต่เจ้าลองดูสิ สัตว์วิญญาณของเจ้าอย่างมากก็อายุสามสี่ปีแต่มันก็ยังไม่โตเลยด้วยซ้ำ”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะยอมเห็นแก่ความทุ่มเทของเจ้า ข้าจะซื้อมันด้วยแก่นวิญญาณหนึ่งก้อนเพื่อซื้อสัตว์วิญญาณตัวนี้ เจ้าคิดว่ายังไง”
ในตอนนี้ผู้คนโดยรอบต่างก็พูดไม่ออก
นั่นก็เพราะข้อเสนอของหลี่กวงนั้นมันน่าสะพรึงเกินไป
ซื้อสัตว์วิญญาณด้วยแก่นวิญญาณเนี่ยนะ
ถึงแม้เขาจะร่ำรวยแต่ก็ไม่น่าจะเสเพลได้ถึงขนาดนั้นไม่ใช่รึ
แล้วทำไมครอบครัวของเขาถึงได้กล้าเลี้ยงดูไอ้คนแบบนี้ไว้ในตระกูลอีกกัน
เพียงเพื่อให้หญิงดีใจถึงกับยอมซื้อสัตว์เลี้ยงด้วยแก่นวิญญาณเนี่ยนะ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันกินเหรียญคริสตัลม่วงเป็นอาหารอีก หึหึหึ หากพ่อของหมอนี่รู้เข้าคงต้องเฆี่ยนตีจนเลือดอาบเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่คิดว่าเฉินเฉียงยังคงมีท่าทีไม่แยแส แถมยังนำสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของของตนอีก
และมันก็คือแก่นวิญญาณที่เหลือเพียงครึ่งก้อนอยู่ในมือ
เมื่อเมิ่งน้อยเห็นแก่นวิญญาณ มันก็ได้บ้วนเหรียญคริสตัลม่วงในปากทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ก่อนที่จะเข้าไปฉกแก่นวิญญาณครึ่งก้อนนี้เข้าปากไปอย่างหน้าตาเฉย และกระโดดกลับไปหาหยานเสวี่ยและเริ่มเคี้ยวตุ้ยๆอย่างสบายอารมณ์
“เอื๊อก”
เสียงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากของใครบางคนได้ดังขึ้น นี่ทำให้ทุกคนตื่นจากภวังค์
“พี่ใหญ่ ที่ข้าเห็นไปเป็นความจริงหรือแค่ฝันกลางวันน่ะ”
“ไอ้ฉิบหายวายป่วง ใช้แก่นวิญญาณให้อาหารสัตว์วิญญาณเนี่ยนะ นี่ยังเป็นสิ่งที่ผู้คนยังกระทำกันอยู่อีกเหรอ”
“คนร่ำรวยทำตัวเกินกว่าที่ข้าจะเข้าถึงได้จริงๆ ขนาดแค่เหรียญคริสตัลม่วงข้ายังต้องหยิบยืมมาเพื่อทดสอบเข้าสำนักเต๋าเลย”
“นี่สิของจริง หากเขาไม่ได้นางไปครองแล้วใครจะได้ไปกัน พี่กวง ข้าว่าท่านถอยดีกว่านา น้องชายตัวน้อยผู้นี้ถึงแม้จะทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่หากเขาเอ่ยราคามาล่ะก็ ข้าว่าท่านต้องได้กลายเป็นหมาแน่ๆ”
เฉินเฉียงได้มองไปที่หลี่กวงด้วยรอยยิ้มที่แหนงหน่าย บ่งบอกถึงอะไรบางอย่างที่แม้แต่หลี่กวงก็จำเป็นต้องเข้าใจ
แต่เม่ยซินที่เฝ้าดูอยู่นั้น เมื่อเธอเห็นฉากนี้ก็รับรู้ดีว่าไม่อาจจะซื้อเมิ่งน้อยมาได้แน่ๆ
แต่เธอเองก็กลับทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
เธอเข้าไปใช้นิ้วลูบไล้ไหล่ของเฉินเฉียง ก่อนที่จะเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของเขา
“นายน้อย ข้ามีนามว่าเม่ยซิน ตัวข้าชอบสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของท่านจริงๆนะ”
“หากนายน้อยยอมรับคำขอของข้าและยกมันให้กับข้า ข้าเองก็จะยอมรับฟังคำขอของท่านและยอมทำในทุกสิ่งที่ท่านต้องการ”
นี่คือท่าไม้ตายของเธอก็ว่าได้
และนี่ก็ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างก็อยากที่จะเข้าไปแทนที่เฉินเฉียงในตอนนี้ แต่หยานเสวี่ยที่อยู่ข้างหลังเฉินเฉียงนั้น ก็อดที่จะหยิกหลังของเฉินเฉียงเสียไม่ได้เหมือนกันที่เห็นฉากนี้
แน่นอนว่าคนที่แสดงสีหน้าที่ไม่สู้ดีมากที่สุดก็ย่อมต้องเป็นหลี่กวง
ไม่เพียงเขานั้นจะถูกเฉินเฉียงตบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาเสนอราคาในการซื้อสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง
ผู้หญิงของเขายังยอมพลีกายให้กับชายอื่นด้วยเรื่องเพียงแค่นี้อีก
สิ่งนี้ย่อมต้องเป็นความอัปยศอย่างยากจะทานทน
“เฮ้ย ไอ้หนู เจ้ามาจากไหน นี่เจ้าคิดจะมีเรื่องกับข้างั้นรึ”
เฉินเฉียงที่ยิ้มอย่างแหนงหน่ายอย่างไม่เปลี่ยนแปลงนั้น เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ได้เปิดปากและพูดออกไปสองคำ
“เจ้า ว่า ยังไง นะ”
แต่เพียงเฉินเฉียงพูดไปได้สองคำ ในขณะที่เขาพูดคำที่สาม สายตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องมองตามหลี่กวงที่ร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างไม่บอกกล่าวแต่อย่างใด