ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 331 ผ่านซะงั้น
บทที่ 331 ผ่านซะงั้น
ตอนเช้าวันที่สอง ภายใต้การนำของหลิวเซียง ผู้สมัครทั้งสี่สิบสองคนถูกพาเข้าไปในห้องโถงหนึ่ง ก่อนที่จะเรียกตัวเข้าไปยังห้องห้องหนึ่งทีละคนทีละคน
ถึงแม้จะบอกว่ามันเป็นเพียงห้องโถง แต่มันก็กว้างใหญ่พอที่จะทำให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนได้อย่างเป็นส่วนตัว
เหตุผลที่ต้องเป็นการสอบรายบุคคลแบบนี้นั้น หนึ่งก็เพื่อไม่ให้ถูกรบกวนจากคนอื่น อีกหนึ่งก็คือไม่ให้คนอื่นส่งคำตอบให้
ถึงแม้การสอบนี้จะดูเข้มงวด แต่กับเฉินเฉียงนั้นเขามีวิธีการนับร้อยนับพันกองเป็นภูเขาเลากา แน่นอนว่าเพียงแค่วิธีการป้องกันแบบนี้ไม่ได้มากมายสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย
ด้วยกระแสจิตของเขาที่สามารถส่งออกไปได้มากกว่าสามสิบไมล์แล้ว เขาสามารถรับรู้ได้ในทุกสิ่ง แม้แต่การส่งเสียงกระซิบในระยะสิบไมล์เขาก็ยังได้ยินได้อย่างชัดเจน
ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงจะถูกแยกออกไปอยู่อีกห้องหนึ่งที่มีไว้เฉพาะผู้ติดตาม แต่เขาก็ยังรับรู้ได้ด้วยพลังจิตที่ทรงพลังของเขาอยู่ดี
-หยานเสวี่ย ไม่ต้องกังวลนะ ข้าคิดว่าการสอบเข้านี่มันง่ายมากๆ-
-อย่างแรกเป็นการสอบพลังจิต-
-ด้วยระดับพลังจิตของเจ้าในตอนนี้ แม้แต่คนที่คุมสอบเองก็ยังสู้เจ้าไม่ได้ กับการสอบนี้เจ้านั้นผ่านได้ราวกับพลิกฝ่ามือ-
-ส่วนอีกวันเป็นวันสอบความรู้เรื่องตัวยา-
-ดูๆแล้วสมุนไพรบนโลกนี้ไม่ได้ต่างจากโลกของเราแม้แต่น้อย แต่ก็จะมีบางส่วนเท่านั้นที่แม้แต่ข้าก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน-
-แต่ตราบใดที่เจ้าทำผลงานการสอบพลังจิตได้อย่างสูงล้ำ ข้าเชื่อว่ายังไงซะ สำนักเต๋าใต้บาดาลต้องรั้งตัวเจ้าไว้แน่-
เมื่อได้ยินเสียงผ่านจิตวิญญาณของเฉินเฉียง หยางเสวี่ยก็ได้รอบพยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไปด้วยเสียงผ่านวิญญาณ –ข้าเข้าใจแล้ว-
-อย่างไรก็ตาม หากเจ้าได้พบเจอสมุนไพรที่เจ้ารู้จัก จะดีกว่าหากเจ้าบอกข้า ไม่อย่างนั้นข้าก็อาจจะไม่เข้าตาพวกเขาก็ได้-
-ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด- เฉินเฉียงได้ตอบกลับไปผ่านจิตวิญญาณ แล้วเขาก็ได้เห็นหลี่กวงที่มีเรื่องกับเขาก่อนหน้านี้กำลังรับการสอบ
“เฮ้อ ด้วยระดับพลังจิตของเจ้าเพียงเท่านี้เจ้านั้นแค่พอที่จะผ่านได้เพียงเท่านั้น” ผู้คุมสอบที่เป็นชายอายุประมาณสามสิบปีได้มองไปที่ลูกแก้วกลมใสตรงหน้าที่มีสีแดงประกายอยู่ข้างใน ก่อนที่จะกระตุกมุมปากไปสองทีแล้วลุกขึ้นยืนไปหยิบสมุนไพรบางอย่างมา
“บอกชื่อ สรรพคุณ และวิธีการใช้มา”
หลี่กวงผู้พึ่งจะผ่านการทดสอบพลังจิตแต่เมื่อได้ยินประโยคก่อนหน้านี้ทำให้เขานั้นรู้สึกราวกับตนเองไม่ได้ผ่านการสอบแต่อย่างใดก็กำลังตกอยู่ในสภาพอับอายจนลืมที่จะฟัง
แต่เมื่อได้เห็นสมุนไพรที่พึ่งจะถูกนำมาวางตรงหน้านั้น เขาก็ยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ
“ศิษย์พี่ นี่มันคือเมล็ดมัสตาร์ด มันช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้แกร่ร่างกาย เสริมสุขภาพให้กับปอดและตับ ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียน อาการคัน และห้ามเลือด และสามารถป่นเป็นผงโรยบนผ้าพันแผลเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการห้ามเลือดได้”
“ถูกต้อง” ผู้คุมสอบพยักหน้ารับ ก่อนที่จะนำตัวยาอีกชนิดออกมา ลักษณะมันคล้ายกับโสม แล้วเขาก็ได้ถามออกมา “นี่คืออะไร”
“ฮี่ฮี่ฮี่ มันถูกเรียกว่าราชันย์แห่งผืนป่า ตระกูลของข้ามีมากมายนัก มันสามารถเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ ปอด ตับ สร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย เสริมสร้างสายตา และสมอง นอกจากนี้ยังใช้ในการปรุงยาดวงตาวินาศ และรักษาโรคริดสีดวงทวาร”
เมื่อเห็นท่าทางมั่นหน้าของหลี่กวงนี้แล้ว ชายผู้คุมสอบที่ใส่แว่นก็เริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่คิดเหมือนกันว่าหลี่กวงที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยนี้จะมีความรู้ตัวยาขนาดนี้
“ถูกต้อง แต่ที่เจ้าบอกออกมาว่าตระกูลของเจ้ามีพวกมันมากมาย ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะเอาไว้ใช้ปรุงยาดวงตาวินาศหรอกนะ ไม่งั้นก็คงจะไม่เก็บไว้มากมายขนาดนี้ ข้าว่าตระกูลของเจ้าคงเอาไว้ทำยาแก้ริดสีดวงมากกว่า”
“เอ่อออออ” หลี่กวงใบหน้าแดงฉานในทันทีก่อนที่จะถามออกมาอย่างงงๆ “ศิษย์พี่ ยังมีสิ่งอื่นอีกหรือไม่”
ชายผู้คุมสอบได้โบกมือขับไล่แล้วพูดออกมา “พอแล้ว ผ่าน”
“เยี่ยมมมมม”
หลี่กวงวิ่งออกมาจากห้องอย่างรวดเร็วราวกับกำลังปวดท้อง ก่อนที่จะส่งสายตาบางอย่างกับเม่ยซิน ที่เข้าไปสอบต่อจากเขาก่อนที่จะเดินออกมา
การสอบของเม่ยซินเองก็ง่ายกว่าหลี่กวงมากนัก
ยังไงซะ สาวงามมักเป็นที่ต้องการตัวจากทุกที่อยู่แล้ว
“คุณหนูเม่ยซิน ตราบใดที่ท่านบอกได้ว่าสิ่งนี้คืออะไร ท่านก็จะผ่านในทันที” ผู้พูดก็คือชายสวมแว่นได้นำดอกไม้ที่มีหลากสีสันออกมา
เมื่อเม่ยซินเห็นก็ยิ้มหวานในทันที “ศิษย์พี่ นี่มันง่ายมากเลยค่ะ หากข้าเข้าใจไม่ผิด มันคือดอกไม้ร้อยสีสัน มันจะบานในพื้นที่ที่หนาวเย็นอย่างที่สุด และเปียกชื้นตลอดเวลา มันเป็นส่วนหนึ่งในการปรุงยาละลายเลือด”
“ถูกต้อง คุณหนูเม่ยซิน ท่านผ่าน เชิญ” ผู้คุมสอบยิ้มส่งพลางผายมือให้
“ต่อไป หยานเสวี่ย”
ชายผู้คุมสอบพูดออกมาด้วยเสียงพอประมาณ
-ตาข้าแล้ว อย่าลืมที่ข้าบอกล่ะ- หยานเสวี่ยพูดผ่านจิตวิญญาณไปยังเฉินเฉียงอีกครั้ง
แต่ในตอนนี้กลับไม่มีการตอบรับจากเฉินเฉียงแต่อย่างใด
หลังจากลองอีกสองสามครั้ง เธอก็ได้ถอดใจ
ให้พูดกันตรงๆ เฉินเฉียงไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าหยานเสวี่ยเข้าห้องไปสอบไปแล้ว
เขานั้นมัวแต่จับจ้องความคิดของตกกับดอกไม้หลากสีเมื่อครู่
ดอกไม้ร้อยสีสัน
วัตถุดิบสำคัญในการปรุงยาหวนคืนโลกา
แต่มันกลับมาอยู่ที่นี่
แถมยังมีคนบอกว่ามันเป็นวัตถุดิบสำคัญในการปรุงยาสลายโลหิตเสียอย่างนั้น
และเมื่อย้อนนึกหวนคืนความทรงจำไปแล้ว เขามีความรู้สึกว่าพื้นที่ที่เขาได้พบเจอไอ้ตัวหนวดที่อยู่ใต้ก้นสมุทรแห่งคาบสมุทรมังกรซ่อนนั่นมันก็เหมือนกับโลกปีศาจนี่จริงๆ
ด้วยความคิดที่ยังคงไตร่ตรองอย่างหนักอยู่นี่เองทำให้เขาละสายตาจากการสอบของหยานเสวี่ยไป
ผู้คุมสอบได้จ้องมองลูกแก้วในมือที่มีสีม่วงเข้ม ก่อนที่จะส่งสายตาหวานเยิ้มไปหาหยานเสวี่ยที่สวยประดุจดั่งนางฟ้านางสวรรค์แล้วถามออกมาอย่างมีความสุข
“ศิษย์น้องหยานเสวี่ย ข้านั้นไม่คิดว่าเจ้าจะมีพลังจิตที่สูงล้ำขนาดนี้ ข้าบอกได้เลยว่าด้วยพลังจิตนี้ เจ้าจะเป็นศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในแผนกปรุงยาของพวกเราในอนาคต”
หลังจากนั้นผู้คุมสอบก็ได้นำรากของต้นไม้หนึ่งที่ตากแห้งแล้วออกมา
สิ่งนี้คือรากของต้นหญ้าคาวัตถุดิบในการปรุงยาขั้นพื้นฐานของโลกใบนี้ เรียกได้ว่าเพียงแค่เดินไปในสวนหลังบ้านก็ยังพบเจอมันงอกเลยด้วยซ้ำ
“ศิษย์น้องหยานเสวี่ย บอกชื่อ สรรพคุณ และวิธีการใช้มัน แล้วเจ้าจะผ่านการทดสอบ”
หยานเสวี่ยจ้องมองไปที่รากไม้ตากแห้งตรงหน้า ก่อนที่จะส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณไปหาเฉินเฉียงอีกครั้ง แต่เธอนั้นไม่รู้ว่าเฉินเฉียงยังอึ้งชนิดที่ยังไม่อาจกลับมาสู่โลกความเป็นจริงได้อยู่
“ข้าขอโทษ ศิษย์พี่” หยานเสวี่ยส่ายหัวไปมาในทันที
ผู้คุมสอบขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามออกมา “ไม่เป็นไร ศิษย์น้องหยานเสวี่ย แล้วสิ่งนี้ล่ะ เจ้าน่าจะรู้จักมันนะ”
หลังจากพูดจบ ผู้คุมสอบได้นำสมุนไพรหนึ่งออกมา
มันคือเมล็ดของต้นเทียนเกล็ดหอย มันหาง่ายชนิดที่ว่าขึ้นกันโต้งๆอยู่ข้างทางเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่ามันหาง่ายกว่าต้นหญ้าคาซะอีก
อย่างไรก็ตาม ด้วยความรู้ของหยานเสวี่ยในตอนนี้หาได้รู้เรื่องนี้ไม่
นี่ทำให้ผู้คุมสอบมีใบหน้าที่อึกอักไปเล็กน้อย
และนี่ทำให้หยานเสวี่ยตัดสินใจพูดออกมา
“ศิษย์พี่ ข้าขอโทษ ดูเหมือนว่าข้าจะไม่เหมาะกับการเข้าแผนกปรุงยาจริงๆ ข้าว่าเราลืมเรื่องนี้แล้วให้ข้าไปเสี่ยงดวงกับแผนกวิชายุท….”
“ไม่ไม่ไม่”
ผู้คุมสอบรีบทำท่าให้เธอเย็นใจลงอย่างร้อนรนและรีบหยุดเธอไม่ให้ตัดสินใจแบบนั้น
กับสาวงามเช่นนี้ กับพลังจิตที่เหนือล้ำเสียยิ่งกว่าความสวยนั่น มีหรือที่เขาจะปล่อยให้สาวงามผู้นี้ตกเป็นของแผนกวิชายุทธไปได้
และนี่ทำให้ผู้คุมสอบรีบพูดออกมา
“ศิษย์น้องหยานเสวี่ย แม้เจ้าจะไม่รู้เรื่องสมุนไพรเลยก็ไม่เป็นไร”
“ด้วยความแข็งแกร่งทางพลังจิตของเจ้านี้ ขืนปล่อยไปให้แผนกวิชายุทธไปมันจะไร้ค่าเปล่าๆ”
“ถึงเจ้าจะไม่รู้ในเรื่องสมุนไพร แต่เจ้าก็สามารถเรียนรู้มันได้ แม้จะเป็นไปได้อย่างช้าๆ แต่ไม่นานเจ้าก็จะจำได้”
“ด้วยระดับพลังจิตของเจ้านั้น ข้าเชื่อว่าต่อให้เป็นตัวยาที่ยากเย็นขนาดไหนก็สามารถทำได้”
“ดังนั้น ศิษย์น้องหยาน ข้าขอรับรองว่าเจ้านั้นผ่านการสอบแล้ว”
“ห้ะ ข้าผ่านเพราะเรื่องนั้นรึ”
หยานเสวี่ยถามซ้ำออกมาด้วยปากที่อ้ากว้างอย่างหุบไม่ลงเพราะตกตะลึง