ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 332 สาวน้อยผู้วางท่า
บทที่ 332 สาวน้อยผู้วางท่า
เพียงหยานเสวี่ยออกจากห้องสอบ เฉินเฉียงก็ได้สติกลับมา
-เฉินเฉียง นี่เจ้าคิดอะไรอยู่เนี่ย ข้าเกือบจะตกแล้วนะ-
เมื่อเห็นหน้ามุ่ยของหยานเสวี่ยแล้ว เฉินเฉียงก็อดที่จะหัวเราะในความน่ารักเสียไม่ได้ หลังนั้นเขาก็ได้ส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณไปหาเธอ “หยานเสวี่ย เจ้ายังจำดอกไม้ร้อยสีสันที่ข้าไปเก็บมาจากก้นสมุทรคาบสมุทรมังกรซ่อนได้หรือไม่ ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าในโลกปีศาจนี้จะมีมันอยู่”
-แล้วมันแปลกยังไงล่ะ เจ้าก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าสมุนไพรที่นี่ก็เหมือนๆกับที่โลกของเรา จะมีมันก็ไม่ได้แปลกนี่นา-
เมื่อได้ยินคำตอบของหยานเสวี่ย เฉินเฉียงก็นิ่งอึ้งไป
มันก็จริงอย่างที่เธอว่า ไม่เพียงจะมีแค่ดอกร้อยสีสันเท่านั้น แม้แต่สมุนไพรเจ้าแห่งพรงไพรก็ยังมีที่โลกเหมือนกัน
หรือว่าเขาคิดมากไปเอง
ถึงแม้สมุนไพรร้อยสีสันนี่จะหากได้ยากยิ่งในโลกของเขา แต่พวกมันกลับพบได้ง่ายเมื่ออยู่ที่นี่
การสอบเข้าแผนกยานั้นไม่ได้ใช้เวลานานแต่อย่างใด เพียงแค่ผ่านช่วงเช้าไปไม่นาน คนกว่าสี่สิบสองคนก็สอบเสร็จสิ้น
และนี่ทำให้ไม่ต้องแปลกใจว่ามีเพียงสิบสามคนที่ผ่านการทดสอบ
ดูเหมือนว่าการคัดเลือกศิษย์ของแผนกยานั้นค่อนข้างจะเข้มงวด ถึงกับเหลือคนหนึ่งในสามเลยทีเดียว
“ศิษย์พี่และศิษย์น้องทั้งหลาย หลังจากผ่านการทดสอบแรกได้ พวกเจ้าก็ถือว่าเป็นศิษย์ของแผนกปรุงยาอย่างเป็นทางการ”
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเจ้าเป็นเพียงศิษย์ภายนอกเท่านั้น พวกเจ้ายังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก และมีเพียงผู้ที่โดดเด่นเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าเป็นศิษย์ภายในได้”
“ในช่วงระหว่างนี้ พวกเจ้าจะไม่ได้มีอาจารย์ประจำตัวแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่การเรียนรู้เรื่องพื้นฐานที่สำนักของเราเตรียมไว้ให้เจ้าเพียงเท่านั้น”
“ยกตัวอย่างก็เช่น เสื้อผ้า ข้อมูล เตาปรุงยา และสมุนไพรพื้นฐาน”
“แน่นอนว่าทุกอย่างนั้นไม่ได้ให้เปล่า พวกเจ้าต้องซื้อหามันด้วยเงินหรือผ่านการทำภารกิจของสำนักสะสมแต้มคะแนนเพื่อแลกมันมา”
“ตอนนี้ อาจารย์และศิษย์หลิวเซียงจะเป็นผู้จัดแจงที่อยู่ให้เจ้าและอธิบายอะไรบางอย่างในสำนักที่เจ้าต้องคอยใส่ใจ”
“ศิษย์ภายนอกนั้นจะมีการประลองในทุกปี ศิษย์แผนกวิชายุทธประลองการบ่มเพาะ และศิษย์แผนกปรุงยาจะประลองการปรุงยา”
“เมื่อเพียงผู้ที่แสดงความสามารถอย่างโดดเด่นเท่านั้นถึงจะถูกคัดเลือกเป็นศิษย์ภายใน”
“และเมื่อพวกเจ้าได้กลายเป็นศิษย์ภายในแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าต้องการในการบ่มเพาะจะรับได้ตามที่เจ้าต้องการ”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ อาจารย์ผู้คุมสอบก็ได้มองหยานเสวี่ยและเม่ยซินก่อนเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัย
หลังจากอาจารย์ผู้คุมสอบจากไป หลิวเซียงก็ได้พูดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อห้ามก่อนที่จะเริ่มแจกแจงที่พัก
อย่างที่เขาคาดไว้ ในตอนที่หลิวเซียงแจ้งที่พักให้กับหยานเสวี่ย เขาก็ได้มอบที่อยู่ที่เพียงกันแดดกันฝนได้แก่เฉินเฉียงเท่านั้น แต่มันก็ยังอยู่ข้างบ้านพักของหยานเสวี่ย
“ศิษย์น้องหยานเสวี่ย บ้านพักของข้าอยู่ถัดจากเจ้า หากมีสิ่งใดไม่เข้าใจ เจ้ามาถามข้าได้ทุกเมื่อนะ”
หลิวเซียงยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดออกมา
หยานเสวี่ยหาได้แยแสเขาไม่ ทำเพียงเดินพาเมิ่งน้อยเข้าห้องไปเฉยๆ
ไม่นาน เฉินเฉียงก็ได้เข้าไปในบ้านของหยานเสวี่ย
“เฉินเฉียง นี่พวกเราต้องเรียนการปรุงยาที่นี่จริงๆรึ”
ให้พูดตามตรงแล้ว เธอไม่อยากจะอยู่ในสถานที่ที่มีแต่คนพันธุ์นี้เลยสักนิด
เฉินเฉียงส่ายหน้าไปมา “ไม่อย่างแน่นอน พวกเรามาที่นี่มีเพียงแค่สองสิ่ง หนึ่ง สืบหาร่องรอยร่างของสามผู้อาวุโสและหาวิธีพากลับไป”
“อีกหนึ่งคือการหาแหล่งที่มาของบอลเลือดปีศาจและกำจัดมันให้หมดสิ้น”
“ตราบใดที่สามารถกำจัดบอลเลือดปีศาจให้หมดสิ้น พวกเราก็จะจากไปในทันที”
“ตราบใดที่บอลเลือดปีศาจถูกกวาดล้างจนหมด ด้วยระดับของคนจากโลกปีศาจแห่งนี้ไม่มีทางรุกรานโลกของเราได้เลย”
“แล้วเจ้าจะเริ่มจากไหนล่ะ”
“นำป้ายศิษย์นอกมาให้ข้า”
เฉินเฉียงยื่นมือออกไปพลางพูดออกมา
หยานเสวี่ยมอบป้ายศิษย์นอกให้เฉินเฉียงก่อนจะถามต่อ “ต่อให้เจ้ามีป้ายคำสั่งก็ไม่น่าจะทำอะไรได้นะ เพราะยังไงเจ้าก็เป็นเพียงผู้ติดตาม”
แต่เพียงเธอได้กล่าวจบ หยานเสวี่ยก็ต้องนิ่งอึ้งไป ก่อนที่จะต้องรีบเอามือมาปิดปากไว้ไม่ให้หัวเราะออกมา
แม้แต่เมิ่งน้อยที่อยู่บนแขนของหยานเสวี่ยก็ต้องหงายน่าร้องลั่นไม่ขาดเมื่อได้เห็นเฉินเฉียง นี่ทำให้เฉินเฉียงนึกกระดากอายขึ้นมา
“มันน่าตลกนักรึไง”
เฉินเฉียงมองไปที่หยานเสวี่ยอย่าพูดไม่ออก ก่อนที่จะรัดเสื้อผ้าของตนให้แนบแน่นแล้วพูดออกมา “เจ้าพอจะมีชุดอยู่อีกรึเปล่า หากข้าออกไปทั้งอย่างนี้ ข้าคงถูกมองเป็นพวกแต่งชุดผู้ชายแหงๆ”
เมื่อเห็นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของเฉินเฉียงที่เปลี่ยนร่างเป็นตัวเธอแล้ว หยานเสวี่ยก็ได้แต่ยิ้มแหยๆก่อนที่จะนำชุดออกมาจากของเธอออกมาจากแหวน “อย่าทำชุดของข้าเลอะซะเล่า แล้วก็เจ้าน่ะเปลี่ยนไปแค่หน้าตาของข้า แต่ท่าร่างของเจ้ากลับน่ารังเกียจนัก เก็บท่าเก็บทางใส่เสื้อผ้ามิดชิดด้วย”
เฉินเฉียงไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เพียงมีใบหน้าที่มืดดำ หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องแล้วเข้าห้องของตัวเองไป
ทักษะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขานั้นทำให้เรื่องมันง่ายขึ้น
และด้วยวิธีการนี้ เขาจะใช้รูปลักษณ์ของหยานเสวี่ยไปสืบเรื่องราวในสำนักเต๋าใต้บาดาลได้อย่างไม่ต้องกังวล
ในตอนเข้าตรู่ เฉินเฉียงได้แนะนำหยางเสวี่ยเกี่ยวกับการบ่มเพาะและแนะแนวทางการฝึกขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ให้เธอ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปในรูปร่างของเธอ มุ่งตรงไปยังหาวิชาของสำนักเต๋าใต้บาดาลสำหรับศิษย์นอก
ถึงแม้หยานเสวี่ยคนนี้จะดูเก้ๆกังๆไปบ้าง แต่ความสวยงามของเธอนั้นได้ฝังกลบท่าทางอันน่าเกลียดของเธอไปหมดสิ้น
และเพียงหยางเสวี่ยได้ปรากฏ เธอก็เป็นที่เตะตาของศิษย์ชายอย่างนับไม่ถ้วน
“ว้าว พี่หลู แผนกเรามีสาวงามขนาดนี้ด้วยเหรอนั่น”
“แล้วไงล่ะ เธอไม่ได้อยู่แผนกวัตถุวิญญาณของเรา หรือแม้แต่แผนกหุ่นเชิดโลหิตของเจ้าด้วยซ้ำ”
“กับสาวงามแบบนี้ ความจริงน่าจะอยู่แผนกวิชายุทธของข้าน้า ทำไมถึงไปลงแผนกปรุงยาได้กัน”
“ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้ตอนทำสำนักเรารับศิษย์ใหม่ แผนกปรุงยานั่นได้รับสาวงามมาสองคนเลยนะ”
“ก็ดีนะ เอาไงดี เจ้าอยากจะลองเข้าไปคุยกับนางดูมะ”
“นี่เจ้าลืมอะไรไปรึเปล่า หรือว่าเจ้าไม่รู้ว่าแผนกปรุงยานั่นมีจอมเสเพลอย่างหลิวเซียงอยู่ กับสาวงามเด็กใหม่แบบนี้ ดีไม่ดีก็ถูกมันหมายปองไปแล้ว”
“เออแหะ ต่อให้ไม่มีหลิวเฉียงแต่ก็ยังมีศิษย์ภายในอย่างฮูเฟิงที่เป็นผู้คุมสอบเมื่อวานนี่ ข้าว่าเขานั้นต้องสนใจแน่ๆ”
“เอาแค่ดูพวกนางเฉยๆแล้วกัน อย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวเป็นพอ”
“หากพวกเราไปทำให้ไอ้สองคนนั้นขุ่นเคืองใจก็อย่าได้หวังจะจบจากที่นี่ด้วยดีเลย”
“เฮ้เฮ้เฮ้ ดูสินั่น อีกคนที่ว่ามาแล้ว”
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องราวกับหมาป่าหลายคู่ สาวงามอีกคนก็ได้ปรากฏตัวจากอีกทาง
“โว้ว วันนี้ช่างโชคดีนัก ได้เห็นสองสาวงามมาปรากฏตัวพร้อมกัน”
“เฮ้อ ไอ้พวกแผนกปรุงยาคงจะได้นอนตายตาหลับกันแล้วล่ะมั้งเนี่ย”
เม่ยซินที่พึ่งจะออกมาแล้วเห็นหยานเสวี่ยที่ท่าทางแปลกๆอยู่ไม่ไกลก็ได้มองไปปราดหนึ่งก่อนที่จะดึงหลี่กวงแล้ววิ่งเข้าใส่
เฉินเฉียงที่เห็นก็เตรียมจะเดินเลี่ยงไปแต่ก็ถูกเม่ยซินหยุดไว้ด้วยคำพูด
“พี่หยาน”
เฉินเฉียงเมื่อโดนเรียกแบบนี้ช่วยไม่ได้ที่ต้องหยุดเท้าลง ก่อนที่จะฝืนยิ้มออกมา
“น้องสาวเม่ยซิน มีสิ่งใดรึ”
เพียงพูดจบ เฉินเฉียงก็พึ่งจะนึกได้ว่าตนยังไม่ได้เลียนเสียงให้เหมือนหยานเสวี่ย
แม้หลี่กวงจะไม่ได้สังเกตเพราะกำลังงงๆ แต่กับผู้หญิงอย่างเม่ยซินย่อมไม่รอดพ้น
หลังจากนั้นเธอได้มองเฉินเฉียงในคราบหยานเสวี่ยไปรอบๆสองสามรอบ ก่อนที่จะใช้นิ้วจรดไปที่ริมฝีปากของตนก่อนจะเอียงหัวแล้วพูดออกมา “พี่หยานเสวี่ย แปลกนัก ทำไมเสียงของพี่ถึงได้ประหลาดขนาดนี้กัน”
“อะแฮ่ม งั้นรึ”
เฉินเฉียงในคราบหยานเสวี่ยกระแอมออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม