ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 334 บทเรียนของบรรณารักษ์
บทที่ 334 บทเรียนของบรรณารักษ์
หลิวฉางเชิงหรี่ตามองตามเฉินเฉียงที่ค่อยๆเดินขึ้นบันไดไปอย่างนวยนาด
เขาได้ยินมาว่าแผนกปรุงยาได้รับสาวที่งามงดอย่างที่สุดมาสองคน และเท่าที่เขาได้เห็นน่าจะงามกว่าที่เขาร่ำลือกันซะอีก
ในเมื่อสาวงามเช่นนี้มาอยู่ที่ปากของตนราวกับต้องการหยิบยื่นให้ เมื่อหรือที่หลิวฉางเชิงจะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ ยังไงซะ เขาก็ไม่มีทางปล่อยเธอไปง่ายๆ
รอก่อนเถอะ
ตราบใดที่ได้เข้ามาแล้วก็อย่าได้หวังออกไปอย่างสมบูรณ์เลย
นี่คืออาณาเขตของเขา หลิวฉางเชิง
เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาก็ได้ยินชายหญิงคู่หนึ่งคุยกันที่ด้านนอก
“พี่ใหญ่หลี่กวง ช่วงสองวันมานี้พี่เป็นอะไรไปน่ะ”
“ทำไมอยู่ถึงได้หลับกลางอากาศแบบนั้นได้กัน”
“ไม่ใช่ว่าร่างของพี่มีอะไรผิดปกติหรอกนะ ทำไมพี่ไม่ให้พี่หลิวเซียงจากแผนกของเราช่วยตรวจสอบร่างกายให้ล่ะ”
“ข้าไม่เป็นอะไรหรอก แล้วทำไมข้าต้องให้ไอ้คนอย่างนั้นดูด้วยกัน แล้วก็ไอ้หลิวเซียงนั่นไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน เจ้าเองก็เห็นสายตาที่มันมองพี่หยางเสวี่ยไม่ใช่รึ”
“เจ้าเองก็เหมือนกัน อยู่ให้ห่างมันเอาไว้”
“ไอ๊หยา นี่ช่างแปลกนัก ตอนแรกเรื่องเมื่อวันก่อนข้าก็คิดว่าเป็นเพราะผู้ติดตามของพี่หยานเสวี่ย แต่ดูเหมือนเป็นเพราะพักผ่อนไม่พอในช่วงสองวันมานี้จริงๆแหะ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านไม่กลับไปก่อนล่ะ เดี๋ยวข้าเข้าไปดูคนเดียวก็ได้”
“ได้ยังไงกัน ข้าบอกไปแล้วนี่ว่าข้าจะมากับเจ้าที่นี่ รีบเข้าไปกันเถอะ”
หลังจากพูดจบ หลี่กวงที่มีเม่ยซินพยุงร่างกายอยู่ก็ได้เข้ามาในหอวิชา
หลิวฉางเชิงเบิกตากว้างในทันทีเมื่อเห็นว่าเม่ยซินเดินเข้ามา
หรือว่าวันนี้เขาจะได้ฟาดสองสาวงามอย่างเรียบวุธในวันเดียวกัน
เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าสองสาวงามที่เขาเล่าลือกันจะมาอยู่ในที่ของเขาพร้อมกันในวันเดียว สวรรค์ช่างเมตตาหลิวฉางเชิงผู้นี้ยิ่งนัก
หลิวฉางเชิงนั้นหัวเราะร่าอยู่ภายใน แต่ก็เผยออกมาเพียงรอยยิ้มละไม
“เจ้าสองคนเป็นศิษย์ใหม่งั้นรึ พวกเจ้าได้อ่านกฎมาแล้วสินะ”
หลี่กวงมองจ้องไปยังหลิวฉางเชิงและรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย เขาทำเพียงเร่งลงข้อมูลที่เขาต้องการแล้วรีบเดินขึ้นบันไดไป
“น้องเม่ยซิน ระวังแต่แก่นั่นให้ดีล่ะ ข้าว่าเขาไม่ใช่คนดีนัก”
“ไม่มั้ง พี่ใหญ่หลี่กวง ทำไมข้าเห็นว่าท่านไม่ถูกกับใครเลยจริงๆนะ”
“บรรณารักษ์แบบนั้น ข้าว่าหากไม่ใช่คนดีคงไม่ยินยอมมาทำงานแบบนี้หรอก”
“ยังไงก็ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกัน สัมผัสบอกว่าไอ้คนนี้มันอันตรายแบบสุดๆเลยล่ะ”
….
เฉินเฉียงตรงไปชั้นสี่ที่อยู่สูงสุดในทันที
ข้อมูลในหอวิชาของสำนักเต๋าใต้บาดาลนี้แบ่งออกได้เป็นสี่หมวดหมู่หมวดหมู่ละชั้น
ไล่จากชั้นบนลงมาได้แก่ข้อมูลของแผนกหุ่นเชิดโลหิต แผนกปรุงยา แผนกวิชายุทธ และแผนกวัตถุวิญญาณ
เพื่อให้เข้าใจเรื่องราวของโลกปีศาจ การศึกษาข้อมูลของโลกนี้จากหอวิชาถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี
แต่ที่ชั้นสี่นี้ไม่ได้มีหนังสือเกี่ยวกับแผนกหุ่นเชิดโลหิตมากมายแต่อย่างใด พวกมันมีเพียงสิ่สิบเล่มและอยู่ในระดับเดียวกันหมด
เฉินฉียงได้หยิบพวกมันขึ้นมาดูทีละเล่ม ก่อนที่จะหยิบมาอย่างละเล่มแล้วเดินไปที่ชั้นสาม
“เอ๋ พี่สาวหยานเสวี่ย ท่านไปชั้นสี่มาหรอ” เม่ยซินที่เห็นเฉินเฉียงถือหนังสือมาในมือก็ได้ถามออกมา “พี่หยานเสวี่ย ชั้นสี่นั้นเต็มไปด้วยหนังสือของแผนกหุ่นเชิดโลหิตนี่นา พวกมันช่างน่าขยะแขยงนัก”
เฉินเฉียงก็ได้อธิบายกลับไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะเริ่มมองหาหนังสือของแผนกปรุงยาโดยไม่คิดเหลียวมองเม่ยซิน “ข้าก็แค่สนใจพวกมันและคิดหาวิธีรับมือเพียงเท่านั้น ไม่ได้คิดจะร่ำเรียนมันแต่อย่างใด”
“มีเหตุผล” เม่ยซินพยักหน้ารับแล้วพูดออกมา “พี่ใหญ่หลี่กวง พวกเราก็ไปหามาดูสักหน่อยดีกว่า”
“ข้าได้ยินมาว่าคนแผนกหุ่นเชิดโลหิตนั้นล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดา”
“จะดีกว่าหากพวกเรารู้เรื่องของพวกนั้นไว้บ้าง เพื่อพวกเราพบเจอพวกนั้นในอนาคตจะได้ใช้พลังของพวกเราป้องกันตัวจากพวกนั้นได้”
เมื่อพูดจบ เม่ยซินก็ลากหลี่กวงขึ้นไปชั้นสี่
เฉินเฉียงส่ายหน้าไปมาก่อนจะหาข้อมูลของแผนกปรุงยาต่อ
เฉินเฉียงหยิบหนังสือและข้อมูลของแผนกปรุงยามีอีกสิบกว่าเล่ม ก่อนที่จะสุ่มหยิบของแผนกวิชายุทธมาอีกเกือบสิบเล่ม ก่อนจะลงบันไดไป
สำหรับหนังสือและข้อมูลของแผนกวัตถุวิญญาณนั้น เขาหาได้สนใจไม่
นั่นก็เพราะเขารู้สึกว่าแค่ดาบของมนุษย์กลายพันธุ์ที่เขาขายไปก่อนหน้านี้ก็เหนือกว่าดาบเล่มใดในโลกปีศาจนี่ไปแล้ว
หลิวฉางเชิงนั้นเกือบจะพ่นชาออกมาจากปากในทันทีเมื่อเห็นเฉินเฉียงในร่างหยางเสวี่ยที่หอบหนังสือสามสิบกว่าเล่มลงมาด้วยสองมือที่เรียวเล็ก
“มากมายนัก”
เฉินเฉียงได้พูดออกมาอย่างไม่แยแส “บรรณารักษ์หลิว คำนวณค่าใช้จ่ายหน่อยว่าเท่าไหร่”
“ได้ ทั้งหมดสามสิบเจ็ดเล่ม และเล่มละห้าเหรียญน้ำเงินต่อวัน หากเจ้าคิดจะยืมพวกมันไปหนึ่งวันก็วางเงินมาหนึ่งร้อยเหรียญม่วงซะ”
“หนึ่งร้อยเหรียญม่วงเหรอ”
เฉินเฉียงนิ่งอึ้งไป
เขานั้นไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะชายตรงหน้าเขาคิดจะรีดเงินผู้คน
“ผู้จัดการหลิว ท่านคำนวณผิดรึเปล่า มันจะไปมากมายขนาดนั้นได้ยังไง”
“แพงไปรึ ก็นะ ทุกอย่างนั้นล้วนพูดคุยกันได้” เมื่อพูดจบ หลิวฉางเชิงได้ปิดประตูและสาวเท้าเข้าหาเฉินเฉียงอย่างช้าๆ
“ฮี่ฮี่ฮี่ สาวน้อย ตราบใดที่เจ้ายอมฟังคำของบรรณารักษ์ผู้นี้ ไม่ต้องพูดถึงเหรียญม่วงร้อยเหรียญเลย แม้แต่เหรียญน้ำเงินสักเหรียญเจ้าก็ไม่ต้องจ่ายแล้วเจ้าก็สามารถเอาหนังสือพวกนั้นไปอ่านนานแค่ไหนก็ได้เท่าที่เจ้าต้องการ”
“โอ้…แล้วท่านจะให้ข้าทำสิ่งใดล่ะ” เฉินเฉียงไม่ขยับเขยื้อนและจ้องมองไปที่อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มหวาน
เมื่อเห็นฉากนี้ หลิวฉางเชิงก็รู้สึกราวกับหัวใจที่ถูกแมวข่วนเล่นจนเสียงของเขาเกือบจะเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่ “สาวน้อย พื้นที่ส่วนนี้เป็นพื้นที่ที่ไม่มีผู้ใดในระดับผู้บริหารคิดจะมาข้องเกี่ยว”
“ถึงแม้หอวิชานี้จะไม่ได้มีข้อมูลทั้งหมด แต่หากเจ้าทำตามคำของข้า หากเจ้าต้องการเห็นข้อมูลของศิษย์ภายในข้าก็หามาให้เจ้าได้”
“ฮี่ฮี่ฮี่ เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก หากข้าต้องการจะดูพวกมัน ข้าจะเข้าไปเมื่อไหร่ก็ได้”
เมื่อได้ยินคำนี้ หลิวฉางเชิงที่เอื้อมมือเกือบจะถึงมือของเฉินเฉียงในร่างของหยานเสวี่ยก็ถึงกับรู้สึกเย็นยะเยียบจนหัวตั้งชันขึ้นมา
“สะสะสะเสียง เสียงเจ้า…”
นั่นก็เพราะเสียงเมื่อครู่เป็นเสียงแมนๆของเฉินเฉียงนั่นเอง จึงไม่แปลกที่หลิวฉางเชิงจะหวาดกลัว
ยังไม่หมดแค่นั้น
ต่อหน้าหลิวฉางเชิงในตอนนี้ เฉินเฉียงได้กลับมายังรูปลักษณ์เดิมแล้ว
หรือก็คือใบหน้าแมนทั้งแท่งของเขา
และนี่ทำให้หลิวฉางเชิงถึงกับต้องฉี่ราดกางเกง
นั่นก็เพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องน่ากลัวแบบนี้เกิดขึ้นในโลกปีศาจมาก่อน
คนหนึ่งนั้นจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน
“แกเป็นตัวห่านรกอะไรกัน แก แก แกมาสำนักของเราทำไม”
หลิวฉางเชิงพยายามขยับตัวไปที่ประตูพลางกรีดร้อง
แต่ด้วยการที่หลิวฉางเชิงนั้นเป็นเพียงผู้อยู่ในระดับเทียบเคียงนายพลวิญญาณ แต่คลื่นพลังของเฉินเฉียงที่ปล่อยออกมานั้นกลับสูงล้ำเสียยิ่งกว่าผอ.สำนักซะอีก
คนเช่นนี้ไม่ใช่คนที่เขาจะทำอะไรได้
และเมื่อนึกถึงว่าเขาได้พยายามหลอกลวงคนผู้นี้ เขาก็ต้องนึกกลัวขึ้นมาอย่างจับใจเป็นธรรมดา
เฉินเฉียงยิ้มละไมก่อนจะพุ่งเข้าหาหลิวฉางเชิง
“บรรณารักษ์หลิว เจ้าไม่ได้อยากเข้าใกล้ข้าแล้วรึ”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการให้ข้าทำตามที่บอกไม่ใช่รึไง”
“แล้วทำไมเจ้าต้องหลีกหนีจากข้าไปล่ะ”
“ผู้อาวุโส ข้ามิกล้า ข้ามิกล้าแล้ว โปรดปล่อยข้าไปเถอะ”
“ข้าเป็นเพียงขยะของสำนักเพียงเท่านั้น”
“หากท่านต้องการจะทำอะไรสำนักเต๋าใต้บาดาลล่ะก็ ผู้อาวุโสสามารถเข้าไปเล่นงานผอ.สำนักได้เลย เขาอยู่ในพื้นที่ของศิษย์ภายใน”
เพื่อให้อยู่รอดชีวิตไปได้ หลิวฉางเชิงขายได้แม้กระทั่งผอ.สำนักของตน