ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 336 ระบบการบ่มเพาะของโลกปีศาจ
บทที่ 336 ระบบการบ่มเพาะของโลกปีศาจ
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฝั่งศิษย์นอกของสำนักเต๋าใต้บาดาลนี้ทุกคนต่างก็รับรู้กันดี
แต่หยานเสวี่ยที่อยู่แต่ในห้องนั้นกับไม่รับรู้และไม่สนใจที่จะรู้แต่อย่างใด
ส่วนเฉินเฉียงเองนั้นก็ทำตัวตัดขาดจากโลกภายนอก เวียนว่ายอยู่ในธาราที่เรียกว่ากองหนังสือ
ในตอนนั้น เขาใช้การสะกดจิตและคลื่นอัดกระแทกไปเพื่อแก้ไขปัญหาอันใหญ่หลวงของศิษย์ภายนอกนี้
ดังนั้นต่อให้ผอ.ฉีจะหายาที่ใช้ฟื้นคืนจิตวิญญาณมาได้ก็ไร้ประโยชน์
ด้วยความแข็งแกร่งของพลังจิตของเขานั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในระดับเทียบเท่านายพลวิญญาณ ล้วนแล้วแต่ไม่มีทางหลุดรอดไปได้
และนี่ทำให้เฉินเฉียงสามารถอ่านหนังสือทั้งสามสิบเจ็ดเล่มของทั้งสามแผนกได้อย่างสบายใจ
อย่างแรกที่เขาสนใจคือข้อมูลเกี่ยวกับวิชายุทธ
ด้วยการที่โลกนี้มีระบบวิชายุทธที่แตกต่างจากโลก แม้แต่ระบมการบ่มเพาะเองก็ยังดูแตกต่าง นี่ทำให้เขาต้องการทำความเข้าใจเรื่องราวของพวกมัน
และหลังจากเสียเวลาไปครึ่งวัน เฉินเฉียงก็เข้าใจระบบการบ่มเพาะพื้นฐานของโลกปีศาจ
ถึงแม้ที่นี่จะถูกเรียกว่าโลกปีศาจ แต่ผู้ที่บ่มเพาะในเส้นทางการต่อสู้นั้นกลับไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายเลือดแต่อย่างใด ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือขึ้นอยู่กับความหมั่นเพียรฝึกฝนของตน
จากระดับล่างขึ้นไปบนนั้น ระดับการบ่มเพาะจะแบ่งออกเป็นนักรบ นายพล ราชา มหาราชา(ราชาที่โดดเด่น) และจักรพรรดิ(ราชาผู้อยู่เหนือราชาทั้งปวง)
แต่ละระดับก็ยังแบ่งออกเป็นขั้นสูงกลางต่ำ
เมื่อเทียบกันแล้ว ระดับนักรบของโลกปีศาจก็เทียบเท่าได้กับนักรบสายเลือดบนโลก
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสัตว์วิญญาณที่มีการแบ่งระดับขั้นความแข็งแกร่ง เฉกเช่นเดียวกับที่โลกด้วยเหมือนกันเพียงแต่ชื่อเรียกต่างกันเท่านั้น
ไม่อย่างนั้น หลี่กวงและเม่ยซินคงไม่คิดว่าเมิ่งน้อยเป็นสัตว์วิญญาณในตอนที่แรกเห็น
มีอีกสิ่งที่แตกต่างกันอยู่บ้างก็คือที่โลกปีศาจแห่งนี้ค่อนข้างจะยอมรับนับถือสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่ง จนถึงขั้นที่ว่ามีการฝึกสัตว์วิญญาณและชุบเลี้ยงพวกมันอย่างจริงจัง
นั่นก็เพราะหากใครก็ตามที่สามารถทำให้สัตว์วิญญาณเชื่องได้ ยามใดที่เกิดการต่อสู้ สัตว์วิญญาณตนนั้นจะกลายเป็นคู่หูในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งและช่วยเหลือในการต่อสู้ได้อย่างดีเยี่ยม
สัตว์วิญญาณในโลกปีศาจนี้แบ่งออกเป็นหกระดับขั้น ระดับที่สูงสุดจะถูกเรียกว่าราชันย์สัตว์วิญญาณ และเมื่อถึงขั้นนี้ มันจะไม่แยแสต่อเจ้านายของมันอีกต่อไป นี่ทำให้ยามที่มนุษย์ได้พบเจอมัน ทั้งสองฝ่ายจะถือว่าเป็นศัตรูทางธรรมชาติ
ในห้าภูมิภาคของโลกปีศาจนี้มีสำนักเต๋าอยู่เกือบร้อยสำนัก แต่ผู้ที่อยู่ในสำนักเต๋าเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ฝึกฝนตนเพื่อที่ต้องการจะถูกเรียกตัวโดยองค์กรหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดองค์กรของโลกใบนี้ มันมีชื่อว่าวิหารศักดิ์สิทธิ์
กล่าวกันว่าผู้ที่อยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับมหาราชา ซึ่งนั่นเป็นระดับที่เหล่าผู้ฝึกยุทธของโลกนี้ไขว่คว้าไปให้ถึง
หลังจากจดจำข้อมูลนี้ได้เป็นอย่างดีแล้ว เฉินเฉียงก็เริ่มดูข้อมูลเกี่ยวกับแผนกหุ่นเชิดวิญญาณ
นี่คือเรื่องที่เฉินเฉียงต้องการจะรู้ให้ได้มากที่สุด
นั่นก็เพราะในความคิดของเฉินเฉียงแล้ว ในโลกปีศาจแห่งนี้ สิ่งที่เขาคิดว่าน่าสนใจที่สุดนั้นก็คือสิ่งที่เรียกว่าหุ่นเชิดโลหิต
แผนกหุ่นเชิดโลหิตนั้นว่าถึงการควบคุมโลหิตของตนเอง
ผู้ฝึกวิชาหุ่นเชิดโลหิตใช้การควบคุมเลือดของตนเป็นพื้นฐาน นอกจากใช้ในการเพิ่มพลังการบ่มเพาะของตนได้แล้ว แม้แต่ในการต่อสู้ก็ยังสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และเขาได้เห็นมากับตาแล้วเมื่อตอนได้เห็นหลี่ฉิงแห่งสำนักเต๋าดาวตกแสดงวิชาให้ดู
การบ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิตนั้นเป็นวิธีการบ่มเพาะที่ผิดแผกของโลกใบนี้ ในตอนเริ่มต้น หลี่ฉิงที่เขาได้พบเจอนั้นอยู่ในระดับที่เรียกว่าทหารหุ่นเชิดโลหิต และเหนือไปกว่านั้นจะเรียกไปว่านายพลหุ่นเชิดโลหิตและราชาหุ่นเชิดโลหิต
ถึงแม้ว่าผู้ที่บ่มเพาะอยู่ในเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตนี้จะน้อยนิด และผู้ที่ฝึกฝนเองก็แทบจะไม่มีความสามารถในการบ่มเพาะเลยก็ตาม แต่ไม่ว่าใครที่สามารถฝึกฝนได้แล้วล้วนแล้วแต่ทรงพลังทุกคน
มีเพียงคนที่รอดจากกระบวนการแรกที่เรียกว่า นายแห่งหุ่นเชิดโลหิตนี้เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าสู่เส้นทางนี้ได้ โดยการฝังชิ้นส่วนของสัตว์ปีศาจเข้าไปในร่าง
หรือจะให้พูดอย่างก็คือมันเป็นการบ่มเพาะที่ยอมให้สัตว์ปีศาจเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย และต่างคนต่างก็ใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ผู้บ่มเพาะเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตนี้จะต้องยอมให้สัตว์ปีศาจในร่างกลืนกินเลือดของตน แลกกับการที่จะให้สัตว์ปีศาจยอมให้ใช้เลือดปีศาจของพวกมันเป็นการตอบแทน
และสัตว์ปีศาจที่ว่า แม้นายของมันจะตกตายไป พวกมันก็ยังอยู่รอดปลอดภัย แถมแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
และด้วยการคงอยู่ของเส้นทางการบ่มเพาะที่ผิดแผกแห่งโลกปีศาจแห่งนี้ มันก็มีสถานะหนึ่งที่ผิดแผกติดตัวไปด้วย นั่นก็คือการ สวมคราบศพ
เฉกเช่นเดียวกับหลี่ฉิงแห่งสำนักเต๋าดาวตกที่สามารถบังคับบอลเลือดปีศาจในการโจมตีหมูเขี้ยวดาบระดับสองก่อนหน้านี้
ตราบใดที่เขาต้องการ หมูป่าเขี้ยวดาบระดับสองตัวนั้นจะตกตายไปเมื่อไหร่ก็ได้
แต่เหตุผลที่หลี่ฉิงไม่ฆ่ามันนั้นเป็นเพราะระดับของมันอ่อนแอเกินไป
ด้วยการที่มันเป็นเพียงสัตว์วิญญาณระดับสอง ต่อให้เขาสูบพลังของมันไปจนหมด แต่นั่นก็ทำให้เขาอยู่ในระดับนักรบขั้นกลางเพียงเท่านั้น แน่นอนว่าหลี่ฉิงย่อมไม่อยาก
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เข้าสู่สถานะสวมคราบศพไปแล้ว ระดับการบ่มเพาะของผู้สวมคราบศพนี้จะไม่อาจเพิ่มเติมไปได้อีกตลอดชีวิต
และหลังจากที่เฉินเฉียงได้อ่านข้อมูลส่วนนี้ของแผนกหุ่นเชิดปีศาจไปแล้ว เฉินเฉียงมั่นใจว่า สัตว์ปีศาจที่อยู่ในร่างของผู้บ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิตกับที่มาของบอลเลือดปีศาจในร่างของเขานี้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน
แต่ด้วยข้อมูลเหล่านี้นั้น เฉินเฉียงยังไม่แน่ใจว่าบอลเลือดปีศาจที่โจมตีสามจักรพรรดิในครานั้นจนตกตายมีผู้เป็นนายอยู่หรือไม่
หากไม่มีผู้เป็นเจ้านาย การนำร่างของทั้งสามกลับคืนมาแล้วพากลับไปยังโลกย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับเขา
แต่หากบอลเลือดปีศาจพวกนั้นมีผู้เป็นนาย นั่นหมายความว่าเขาต้องพบเจอราชาหุ่นเชิดโลหิต และนั่นจะทำให้เขาพบเจอปัญหาที่ร้ายแรงอย่างที่สุด
ถึงแม้ราชาจักรพรรดิทั้งสามนั้น ถึงแม้ความจริงแล้วจะอยู่ในระดับกึ่งราชาจักรพรรดิก็ตาม แต่ยังไงซะ ทั้งสามก็คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
และด้วยความแข็งแกร่งของโลกในตอนนี้ ไม่มีทางเลยที่โลกจะรับมือราชาหุ่นเชิดโลหิตถึงสามคนไปได้ และนี่จะทำให้โลกต้องพบเจอมหันตภัยอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าหลังจากช่วงเวลานั้นมากว่าหลายร้อยปีจะยังไม่ปรากฏผู้ฝึกหุ่นเชิดโลหิตที่สวมคราบร่างจนอยู่ในระดับกึ่งจักรพรรดิขึ้นมาก็ตาม
แต่ในช่วงระหว่างนี้เอง ผู้คนแห่งโลกปีศาจนี้ก็เริ่มทำการศึกษาร่างของจักรพรรดิทั้งสามเพื่อใช้ในการสวมคราบร่างของผู้บ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิต
และนี่ทำให้เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน ผู้ฝึกวิชาหุ่นเชิดโลหิตที่อยู่ในระดับกึ่งจักรพรรดิ อีกไม่นานจะปรากฏออกมา
แม้จะคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงก็เลือกที่จะปล่อยวางความกดดันนี้ไป ก่อนที่จะหยิบข้อมูลเกี่ยวกับการปรุงยาออกมาดู
ไม่ว่าจะเป็นที่โลกหรือว่าโลกปีศาจใบนี้ มีเพียงเรื่องยานี้เท่านั้นที่ดูมีความเกี่ยวข้องกันอย่างที่สุด
สิ่งที่ต่างออกไปคงจะมีเพียงที่นี่มีตัวยาบางอย่างที่บนโลกนู้นไม่มีหรือหาได้ยากยิ่ง
เฉกเช่นดอกไม้ร้อยสีสันที่เขาเคยต้องดั้นด้นขวนขวายหามาก่อนหน้านี้ แม้มันจะหายากในโลกของเขา แต่มันค่อนข้างจะหาได้ง่ายกับที่นี่
ถึงจะบอกว่ามันหาง่าย แต่ในความจริงนั้นดอกไม้ร้อยสีสันสามารถพบเจอได้อย่างมากมายในสถานที่หนึ่งที่เรีกว่าหุบเขาฟานหยิน
และมีคนประเภทเดียวที่สามารถเข้าไปหาดอกไม้ร้อยสีสันที่มาจากหุบเขาฟานหยิน นั่นก็คือผู้ฝึกวิชาหุ่นเชิดโลหิต
นั่นก็เพราะภายในหุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจอยู่มากมาย แน่นอนว่าตัวอ่อนสัตว์ปีศาจที่ใช้ในการฝังร่างไว้ในผู้ฝึกวิชาหุ่นเชิด ล้วนแล้วแต่มาจากที่นี่ทั้งนั้น
ในโลกปีศาจแห่งนี้ มีสถานที่ที่อันตรายที่สุดอยู่ทั้งหมดสองแห่ง หนึ่งคือจุดดรอยต่อระหว่างพื้นที่สามภูมิภาค อีกหนึ่งคือหุบเขาฟานหยินแห่งภาคกลาง และเรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันไปทั่ว
และจากข้อมูลของแผนกปรุงยานี้ได้บอกไว้ว่า นอกจากดอกไม้ร้อยสีสันนี้จะใช้เป็นตัวยาสำคัญในการปรุงยาสลายเลือดแล้ว ยังมีสมุนไพรที่ต้องใช้ในการปรุงยาที่ล้ำค่าไม่แพ้กันอยู่ในภูเขาที่มีชื่อว่าโรกะ
และสำหรับเหล่าผู้บ่มเพาะในเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตนั้น ผู้ที่จะทำให้ตนเองเป็นผู้เชิดหุ่นโลหิตที่แท้จริงได้จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนเลือดของตนเอง
ก่อนที่สัตว์ปีศาจจะจดจำนายของตนได้ ผู้บ่มเพาะจะต้องกินยาสลายเลือดเพื่อให้ร่างของผู้บ่มเพาะถูกสัตว์ปีศาจที่ต้องการนำมาฝังร่างดูดเลือดของตนออกจนหมดสิ้น
และนี่เป็นเหตุผลแรกๆที่ทำให้ผู้ที่ต้องการจะบ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้ต้องตกตายกันเป็นทิวแถว