ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 337 ตรวจสอบหุบเขา
บทที่ 337 ตรวจสอบหุบเขา
หลังจากได้รับรู้เรื่องพื้นฐานและรับทราบเรื่องราวต่างๆของโลกปีศาจจากหนังสือของสำนักเต๋าใต้บาดาลแล้ว เฉินเฉียงก็ได้ปิดหนังสือลง
หากจะให้พูดแล้วบนโลกปีศาจนี้มีความแตกต่างจากโลกของเขาอยู่พอสมควร
ในด้านระบบการบ่มเพาะ การบ่มเพาะของผู้คนที่นี่ไม่ได้ต้องการพลังสายเลือด พวกเขาเพียงขวนขวายพยายามก็สามารถบ่มเพาะร่างกายตัวเองได้
ในด้านการเล่นแร่แปรธาตุ นอกจากเรื่องปรุงยาละลายเลือดแล้ว ไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษ
ในตอนนี้เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับสัตว์ปีศาจในหุบเขาฟานหยิน การบ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิต และการสวมคราบร่าง
สำหรับการบ่มเพาะแบบอื่นนั้นไม่ได้มีสิ่งใดที่พิเศษที่จะคุกคามโลกของเขาได้ นี่จึงทำให้หากผู้บ่มเพาะทั่วไปพบเจอผู้บ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิต โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในสถานะสวมคราบร่าง และสัตว์ปีศาจ ย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องตกตาย
ต่อให้คนคนนั้นจะมีระดับการบ่มเพาะที่สูงเท่าไหร่ก็ตาม
เพราะไม่ว่าจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เมื่อพบเจอสามสิ่งนี้ ยังไงก็ต้องตกตายอยู่ดี
และเมื่อเข้าใจเรื่องนี้ดีแล้ว นี่จึงทำให้เฉินเฉียงรู้สึกว่าเขาไม่ควรจะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของโลกปีศาจในปัจจุบันสักเท่าไหร่
ด้วยการที่เขานั้นต่อต้านสิ่งที่เรียกว่าบอลเลือดปีศาจนี่จึงไม่ใช่ภัยคุกคามต่อเขา ส่วนการพบเจอผู้บ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิต หากดูตามบันทึก ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์และได้รับการบันทึกไว้เทียบเคียงได้เพียงระดับจอมพลวิญญาณเพียงเท่านั้น นั่นทำให้ด้วยขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้และเคลื่อนย้ายพริบตาของเขา เขาก็สามารถหลบหนีได้ทุกเมื่อ
เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงจึงได้ออกจากห้องและพบเจอหยานเสวี่ย
ด้วยการเฝ้าระวังของเมิ่งน้อยนี้ทำให้หยานเสวี่ยสามารถบ่มเพาะอยู่ในห้องได้อย่างไม่ต้องระวังอะไรมาก
“เฉินเฉียง มันอันตรายเกินไปที่เจ้าจะไปที่หุบเขาฟานหยินด้วยตัวเอง ข้าจะไปกับเจ้า”
เฉินเฉียงส่ายหัวในทันที “ข้านั้นไม่ต้องกลัวไอ้พวกนั้น แต่เจ้านั้นไม่สามารถ”
“หากเจ้าไปแตะต้องสัตว์ปีศาจพวกนั้น แม้แต่การถูกพวกมันสัมผัส เจ้าก็อาจตกตายได้ในทันที”
“ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า ผู้บ่มเพาะบนโลกนี้อ่อนด้อยนัก แม้แต่ฮูเตี๋ยนก็ยังทำอะไรข้าไม่ได้ แล้วคนที่นี่จะทำอะไรข้าได้กัน”
แม้เฉินเฉียงจะพูดออกมาเพียงไม่กี่คำ แต่นั่นก็ทำให้หยานเสวี่ยไม่อาจปฏิเสธคำพูดของเฉินเฉียงได้จึงทำได้เพียงพูดออกมาด้วยใบหน้ามู่ทู่
“ข้ารู้สึกว่าเจ้าได้เตรียมพร้อมจนน่าหมั่นไส้จริงๆ ยังไงก็ตาม เจ้าต้องติดต่อข้าทันทีหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเจ้า”
“อื้ม อ้อ แล้วก็ตอนที่เจ้าอยู่ที่นี่เจ้าพยายามหลบเรื่องการพบปะกับศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตล่ะ หากเจ้าว่างๆก็ลองดูข้อมูลที่ข้านำมาดูแล้วกัน”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้ดำดินออกจากสำนักเต๋าใต้บาดาลไป
หลังจากออกจากเมืองเฉินหลิวแล้ว เฉินเฉียงก็เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นหลิวฉางเชิง ก่อนที่จะใช้ผ่ามิติทำให้เขาพุ่งตรงไปยังหุบเขาฟานหยินได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยการที่เขานั้นใส่ตำแหน่งแผนที่ของโลกปีศาจไว้ในกำไลสื่อสารเรียบร้อยแล้ว ทำให้เขาสามารถไปทั่วทั้งโลกปีศาจได้อย่างง่ายดายตามใจปรารถนา
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ด้วยทักษะผ่ามิติของเขา เขาสามารถเคลื่อนไหว้ได้นับร้อยไมล์ในชั่วพริบตา เรียกได้ว่ามันเร็วกว่าตอนที่เขาใช้ทักษะอินทรีย์สยายปีกซะอีก
หุบเขาฟานหยินนั้นตั้งอยู่ทางตะวันตกของภูมิภาคภาคกลางของโลกปีศาจ เมื่อออกจากเมืองเฉินหลิวแล้ว เขาจะใช้เวลาเพียงหนึ่งวันผ่านเมืองมากมายจนในตอนนี้เขามาถึงจุดที่เรียกว่าแม่น้ำตงเตียน
แม่น้ำตงเตียนนี้มีความกว้างนับพันเมตร แบ่งภูมิภาคภาคกลางออกเป็นสองส่วน
เฉินเฉียงสามารถผ่านแม่น้ำตงเตียนมาได้อย่างง่ายดาย และหลังจากใช้ผ่ามิติอีกสองสามครั้ง เขาก็มาถึงจุดที่เรียกว่าหุบเขาฟานหยิน
“ฮื้ม น่าสนใจดีแฮะ”
ที่ตรงหน้าหุบเขาฟานหยิน เฉินเฉียงยกมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย
ด้วยพลังจิตที่เหนือล้ำของเขานั้นทำให้ทักษะผ่ามิติของเขามีประสิทธิภาพที่สูงล้ำ
แต่หุบเขาฟานหยินตรงหน้าเขานั้นกลับต่อต้านพลังจิตของเขาได้อย่างสมบูรณ์
และด้วยสถานการณ์นี้นั้น เขาก็ได้นึกตอนที่เขาเข้าเขตแดนลับในเขตแดนจักรพรรดิ
อย่างไรก็ตาม เขตแดนลับนั่นบังเกิดจากพลังแห่งการควบคุมที่เกิดขึ้นจากราชาจักรพรรดิทั้งสาม
แต่หุบเขาฟานหยินตรงหน้าเขานั้นมันเป็นเพียงพื้นที่ที่มีภูมิประเทศที่พิเศษเพียงเท่านั้น เขาไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดควบคุมอยู่
และนี่ทำให้เฉินเฉียงพึ่งพาได้เพียงเท้าของตนในระยะห้าร้อยกิโลเมตรข้างหน้าของเขา เฉินเฉียงรู้สึกราวกับได้อยู่ตรงหน้าหลุมดำที่ไม่รู้ว่าภายในนั้นมีสิ่งใดรออยู่
ในเมื่อพลังจิตไม่อาจใช้การได้ เขาก็คงทำได้เพียงเข้าไปเห็นด้วยตา
เขาได้ใช้ทักษะนัยน์ตาพันลี้ และนี่ทำให้เขาเห็นทุกสิ่งรอบตัวในระยะพันเมตรได้อย่างชัดเจน
หุบเขานี้กว้างใหญ่มาก หากมองจากภายนอก ภายในนี้จะเต็มไปด้วยหมอกไอดำ
และนี่ทำให้ใครก็ตามที่มีทักษะที่หลากหลายได้เปรียบ
เฉินเฉียงได้ยืนนิ่งสักพักก่อนที่จะเดินเข้าไปพลางเอามือไพล่หลัง
เมื่อเขาเดินผ่านหมอกไอดำที่อยู่ในหุบเขาฟานหยิน วิสัยทัศน์ของเขาจากเดิมหนึ่งพันเมตรก็หดเล็กเหลือเพียงหนึ่งร้อยเมตร
แต่ด้วยระยะเท่านี้ไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเขาแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้น เขากลับรู้สึกว่าพลังจิตของเขานั้นราวกับถูกสะกดข่มอย่างบอกไม่ถูก และนี่ทำให้ขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขานั้นไม่อาจแสดงผลออกมาได้เลยแม้แต่น้อย
ในตอนที่เขาเข้ามาในหุบเขา เขาเองก็ไม่อาจมองเห็นภายนอกได้
และในตอนนี้ เขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมาราวกับมีเสียงคนกรนอยู่ข้างหูอยู่ตลอดเวลา
มันราวกับมีแมลงที่มากระพือปีกรัวๆอยู่ในหูจนทำให้กับหูอื้อไปหมด
อย่าบอกนะว่านี่เป็นที่มาของชื่อหุบเขาฟานหยิน(ซ้ำไปซ้ำมา)
ถึงแม้มันจะเป็นชื่อที่ฟังดูแปลกๆ แต่หุบเขานี้กลับมีกลิ่นอายสังหารที่พร้อมจะกลืนกินเป้าหมายได้ทุกเมื่อ
หากจะให้พูดกันตรงๆแล้วนั้น เขาคิดว่ามันเป็นกระบวนการสะกดจิตอย่างหนึ่ง
ด้วยเสียงที่มีคลื่นความถี่ต่ำจนยากจะได้ยินนี้ แต่มันก็เพียงพอจะทำให้สิ่งมีชีวิตทั่วไปนั้นไม่อยากจะเข้ามา นั่นก็เพราะเมื่อเข้ามาแล้วทำให้หูของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอื้ออึงไปหมด
แต่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการสะกดจิตนี้เกิดจากธรรมชาติของหุบเขาฟานหยินนี่รึเปล่า
หรือว่ามันเกิดจากการกระทำของสัตว์ปีศาจก็อาจจะเป็นไปได้เหมือนกัน
ถึงแม้เฉินเฉียงจะไม่ได้กลัวการโจมตีจากฝูงสัตว์ปีศาจ แต่เขาก็ยังพยายามรักษาระดับขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาให้อยู่ในระดับสามเมตรเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่จะเดินเข้าไปอย่างช้าๆ
หากมองจากสภาพแวดล้อมแล้ว เฉินเฉียงนั้นราวกับกำลังเดินอยู่ในอ่างน้ำ และในอ่างน้ำนี้ก็มีหมอกไอดำพวยพุ่งออกมาจากพื้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมันครอบคลุมไปทั่วหุบเขา แถมยังไม่กระจายออกไปจากหุบเขาแต่อย่างใด
จะบอกว่ามันเป็นทะเลสาบที่มีความกว้างกว่าพันเมตรนับจากทางเข้าหุบเขาเลยก็ว่าได้
และด้วยหมอกไอดำนี้ทำให้ทะเลสาบน้ำกลายเป็นสีดำทมิฬจนดูพิศวง
ส่วนดอกไม้ร้อยสีสันนั้น เฉินเฉียงยังไม่พบเจอแต่อย่างใด แม้แต่พืชพันธุ์อย่างอื่นก็ไม่พบเห็น
ให้พูดกันตรงๆแล้ว เขาเองก็เดินมานับร้อยเมตรแล้ว แต่เขายังไม่พบเจอพืชพันธุ์ใดๆเลยแม้แต่น้อย
“ช่างน่าสนใจนัก”
เฉินเฉียงมองดูโดยรอบในระหว่างที่กำลังเดินเข้าไป ก่อนที่จะก้มลงมองไปยังพื้นที่เขาเหยียบ
“ฮื้ม”
ในที่สุด เฉินเฉียงก็ได้รับรู้แหล่งที่มาของหมอกไอดำเหล่านี้
ถึงแม้จะไม่แน่ใจ แต่เขาก็บอกได้ว่าหมอกไอดำเหล่านี้ไม่ได้พุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน
นี่จะเป็นดินชนิดพิเศษที่ปรากฏอยู่เพียงโลกปีศาจนี่เท่านั้น
หลังจากเฉินเฉียงก้มตัวลงหมายที่จะเก็บดินมาดู และคิดที่จะดำดินลงไปเพื่อดูสัณฐานของดินนั้น เขาก็ต้องเหลียวมองไปมาอย่างตื่นตัว
มีบางสิ่งกำลังพุ่งตนมาหาเขาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด