ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 338 มั่นหน้า
บทที่ 338 มั่นหน้า
เมื่อเจ้าสิ่งสีดำนี้เข้ามาใกล้เฉินเฉียงในระยะสามเมตร เขาถึงได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าสิ่งสีดำที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตีเขา
สัตว์ปีศาจตัวนี้มีความสูงสองเมตรครึ่งพร้อมร่างกายช่วงบนที่ใหญ่โตและช่วงล่างที่เรียวเล็ก
หัวของมันใหญ่โตประดุจดั่งหมีดำ ปากของมันมีนำลายที่ไหลเยิ้ม พร้อมเขี้ยวหกเขี้ยวที่แทงออกมาจากข้างปากดูแล้วน่าสะพรึง
เฉกเช่นเดียวกับสัตว์ปีศาจที่เขาเคยได้พบเจอมาก่อนหน้า เจ้าตัวนี้เองก็ไม่มีดวงตาอยู่บนหัว
ด้วยช่วงไหล่ที่กว้างกว่า1เมตรและกล้ามแขนที่เป็นมัดๆราวกับไประเบิดกล้ามมา ทำให้มันดูราวกับลิงยักษ์
เมื่อเทียบกับสัตว์ปีศาจตรงหน้าแล้ว เฉินเฉียงดูตัวเล็กไปอย่างถนัดตา เฉินเฉียงคาดการณ์ว่าหากสัตว์ปีศาจตรงหน้ายืนตัวตรงจะมีความสูงกว่าเขาหลายเท่าชนิดที่ว่าขาเล็กๆของมันก็ไม่อาจจะต้านทานไว้ได้อย่างสมดุล
แต่ด้วยสภาพนี้มันกลับสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้า
ยิ่งไปกว่านั้นคือมันยังพุ่งตรงมาที่เขาอย่างสุดแรงเกิด
นี่ทำให้เฉินเฉียงกระเด็นถอยหลังไปหลายสิบเมตร
เมื่อเฉินเฉียงตั้งตัวได้ เขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อม แต่ต่อให้เขาเตรียมพร้อมอย่างดี แต่พลังของเจ้าสัตว์ปีศาจตัวนี้ก็ไม่อาจทำให้เขาวางใจได้
เพียงตอนที่เขาตั้งท่า สัตว์ปีศาจตัวนี้ก็ได้พุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้ง
และการโจมตีในครั้งนี้ทำให้ตัวเขาถึงกับต้องสั่นเทา
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะว่าได้ใช้ขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้อยู่ แต่การถูกผลักกระเด็นไปมาแบบนี้ ต่อให้เป็นคนโง่งมก็ยังต้องโกรธเคียง แล้วนับประสาอะไรกับเขา
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขานั้นได้เดินขึ้นบันไดสู่สรวงสวรรค์มาแล้วถึงสองครั้ง นั่นทำให้ร่างกายของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมาก
นี่จึงเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้ลองเชิงกับสัตว์ปีศาจตรงหน้า
เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงได้กักเก็บขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของตน ก่อนที่จะพุ่งตรงเข้าหาสัตว์ปีศาจตรงหน้าตรงๆแทนที่จะถอยหนี
ถึงแม้สัตว์ปีศาจตรงหน้าไม่มีตา แต่มันก็ยังรับรู้ได้ว่าเฉินเฉียงกำลังพุ่งตรงมาหามัน
นี่ทำให้มันอึ้งไปเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดปากของมันอย่างอ้ากว้าง
ด้วยขนาดของลำตัวที่แตกต่างกันอย่างมากทำให้ทั้งสองต่างก็มั่นใจในความทรงพลังของตน
ปัง
หลังจากปะทะกันแล้ว ทั้งเฉินเฉียงและสัตว์ปีศาจต่างก็กระเด็นกันไปคนละทิศละทาง
เฉินเฉียงนั่งลงกับพื้นหลังจากถูกดีดกระเด็นออกมาห้าเมตร แต่สัตว์ปีศาจตรงหน้าเขากลับถูกดีดกระเด็นไปเพียงสองเมตร
เฉินเฉียงปัดฝุ่นออกจากร่างกายของตนพลางมองไปที่คู่กรณีของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
ถึงแม้สัตว์ปีศาจตนนี้จะไม่มีตา แต่มันเองก็รับรู้ถึงการกระทำของเฉินเฉียงเป็นอย่างดี มันทำท่าราวกับนิ่งคิดอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะถาโถมเข้าใส่อีกครั้ง
-ไอ้ฉิบหาย เอาอีกเรอะ-
แต่เพียงเฉินเฉียงเตรียมที่จะตั้งท่า เขาก็รับรู้ได้ว่ามีหมอกไอดำหนึ่งพุ่งทะลุออกมาจากพื้นราวกับห่าฝนหอกไม้ไผ่ แม้แต่สัตว์ปีศาจตรงหน้าก็ราวกับไม่รับรู้
กลายเป็นว่ามีสัตว์ปีศาจอีกตัวหลบซ่อนอยู่ใต้ดิน
ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่เขาตรวจจับมันไม่ได้
สัตว์ปีศาจที่พึ่งจะปรากฏตัวออกมานี้เองก็ไร้ดวงตาเช่นเดียวกัน แต่มันเหมือนจะมีสัมผัสที่พิเศษและรับรู้ได้ถึงตำแหน่งของเขาและเร่งรีบพุ่งตรงเข้าใส่
“โฮววววว”
เมื่อเห็นสัตว์ปีศาจที่พุ่งปรากฏร่างจริงพุ่งตนมาที่ตัวเอง เฉินเฉียงก็ได้นำดาบดั้นเมฆออกมารับมือ แต่หลังจากที่สัตว์ปีศาจตัวก่อนหน้านี้คำรามลั่น อยู่ๆมันก็ดำดินลงไปราวกับหวาดกลัวจนตัวสั่นแล้วถอยหนี
ฮื้ม
แต่ไม่นานเฉินเฉียงก็ได้เข้าใจ
สัตว์ปีศาจตัวก่อนหน้าต้องการสู้กับเขาตัวต่อตัว
ก่อนหน้านี้เขานึกว่าสัตว์ปีศาจเหล่านี้ไร้ซึ่งสติปัญญา เป็นเพียงหลังจากที่พวกมันหลอมรวมกับมนุษย์แล้วตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้บ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิตถึงจะมีสติปัญญาได้
แต่ดูเหมือนเขานั้นจะเข้าใจผิดไป
ดังเช่นสัตว์ปีศาจตรงหน้าเขาที่มันสู้กับเขาเป็นตัวแรก มันมีสติปัญญาอย่างชัดเจน แถมดูท่าจะแกร่งกว่าไอ้ตัวที่พึ่งจะออกมาแล้วดำดินกลับลงไปนั่น
ในเมื่อไอ้ตัวนี้ต้องการจะสู้กับเขาคนเดียว มีหรือที่เขาจะไม่สนอง
อีกอย่างก็คือในระหว่างการปะทะ เขารับรู้ได้ว่าร่างกายของเขาบังเกิดความเจ็บปวดเล็กน้อย
เป็นไปได้ว่าเพียงการประลองกำลังกับสัตว์ปีศาจตรงหน้าก็อาจทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นได้
เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงก็ได้ความกล้าขึ้นมาอีกครั้ง และเตรียมที่จะพุ่งเข้าปะทะกับสัตว์ปีศาจตรงหน้า
แต่ในตอนที่เขาเตรียมที่จะรวบรวมกำลังนี้เอง เขาก็ต้องตกตะลึงเพราะรู้สึกได้ว่าเลือดในร่างของเขาไหลเวียนได้อย่างไม่เป็นปกติราวกับถูกอะไรบางอย่างปิดกั้นไว้
ไม่ดีแล้ว
การปะทะกันก่อนหน้า กลายเป็นว่าสัตว์ปีศาจตรงหน้าปล่อยบอลเลือดปีศาจเข้ามาในร่างเขา
ในเมื่อตอนนี้แก่นสายเลือดของเขาติดขัด แล้วเขาจะรวบรวมกำลังพอที่จะต่อกรกับศัตรูได้ยังไง
และในขณะที่เขากำลังนิ่งไปนี้ ศัตรูไม่ได้ปล่อยให้เขามีโอกาสรับมือ
และนี่ทำให้สัตว์ปีศาจพุ่งเข้าปะทะเขาอย่างรุนแรงด้วยความเร็วสูงในระยะร้อยเมตร
ปัง
และนี่ทำให้เฉินเฉียงที่ไม่ได้ตั้งตัวต้องดีดกระเด็นไปห้าสิบถึงหกสิบเมตร
“ย่าเอ็งเถอะ”
เฉินเฉียงที่ใช้มีดปักไว้กับพื้นดินเพื่อหยุดยั้งการถูกดันถอยก็ได้สบถออกมาอย่างสุดแรงเกิด
ในตอนนี้ร่างกายของเขาโชกเลือด ราวกับหม้อน้ำร้อนที่เดือดดาลจนดันน้ำพุ่งออกมา
และด้วยการที่เลือดของเขามีบอลเลือดปีศาจปะปนทำให้เรี่ยวแรงของเขาหายไปจนแทบหมดสิ้น แล้วต้องมาเสียเลือดแบบนี้ ยังไม่ต้องรวมกับที่บอลเลือดปีศาจที่ไปปิดกั้นเส้นเลือด นี่ทำให้เลือดของเขาทะลักออกมาอย่างน่ากลัว
เฉินเฉียงในตอนนี้มีใบหน้าแดงซ่านและกระอักเลือดออกมา
หลังจากกระอักเลือดออกมาแล้ว ร่างกายของเฉินเฉียงก็รู้สึกโล่งสบาย แต่ไม่นาน ความเหนื่อยล้าก็ได้กระจายไปทั่วร่าง
นี่คือสัญญาณของอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายใน
และหลังจากเฉินเฉียงพ่นเลือดออกมา สัตว์ปีศาจตรงหน้าก็ได้แสดงท่าทางหนึ่งออกมา มันได้เผยรอยยิ้มประดุจดั่งมนุษย์ผู้มีจิตใจชั่วร้าย ก่อนที่จะทุบอกของตนอย่างสาแก่ใจแล้วทุบหมัดของตนลงพื้นดินเป็นฐานให้ร่างกายของมันพุ่งตรงใส่เฉินเฉียงอีกครั้ง
เฉินเฉียงที่พึ่งจะลืมตาขึ้นมาก็เห็นเพียงดาวหางสีดำอันใหญ่พุ่งเข้าใส่เขา
“แม่…งเอ๊ย”
เฉินเฉียงที่ถูกส่งลอยไปบนอากาศก็ต้องกระอักเลือดอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดและสั่นระรัว
เพียงแค่โดนโจมตีไปสองครั้ง เขาก็บาดเจ็บอย่างร้ายแรง
เขาที่มาที่นี่อย่างมั่นใจนั้นเป็นเพราะว่าเขาทระนงในการบ่มเพาะที่สูงล้ำจนทำให้คิดว่าหุบเขาฟานหยินแห่งนี้เปรียบได้ดั่งสวนหลังบ้านของเขา จะไปจะมาเมื่อไหร่ก็ได้
แต่ในตอนนี้เขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่งั้นรึ
ไม่
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือก่อนฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขา
เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงที่ถูกชนกระเด็นก็รีบใช้ท่าอินทรีย์สยายปีกบินขึ้นฟ้าไป
แต่หลังจากบินขึ้นไปได้สามร้อยเมตร เขาก็รู้สึกได้ราวกับเลือดในร่างของเขานั้นแข็งค้างจนไม่อาจขยับตัวได้ และทำให้เขาร่วงหล่นไปทางสัตว์ปีศาจตัวก่อนหน้าที่เงยหน้าขึ้นมาดูผลการปะทะ
เฉินเฉียงที่กำลังร่วงลงดินนั้นได้เงยหน้าขึ้นมองและคิดได้ว่าหมอกไอดำนี้ไม่ยอมให้เขาใช้ทักษะอินทรีย์สยายปีก
ดูเหมือนว่าในครานี้ การกระทำของเขาที่ดูแคลนหุบเขาฟานหยินนี้จะพรากชีวิตของเขาไว้ในโลกปีศาจแห่งนี้เสียกระมัง
แต่เดิมเขาคิดว่าตนเองนั้นอยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารของสิ่งมีชีวิตในโลกใบนี้ เขาคิดว่าตัวเองอยู่เหนือใครในโลก แต่ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าโลกปีศาจนี้ไม่ได้อ่อนด้อยอย่างที่คิด
และหากเขาได้พลั้งเผลอไปเมื่อไหร่ สัตว์ปีศาจที่อยู่ที่นี่ก็พร้อมจะพรากชีวิตของเขาไปได้ทุกเวลา เฉกเช่นเดียวกับสามจักรพรรดิที่เหยียบย่างเข้ามายังโลกใบนี้