ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 339 กำราบ
บทที่ 339 กำราบ
ถึงแม้ว่าเจ้าสัตว์ปีศาจที่ต่อสู้กับเฉินเฉียงจะไม่มีดวงตา แต่มันก็ยังคงเงยหน้าขึ้นมาราวกับกำลังมองเห็นว่าเฉินเฉียงกำลังร่วงหล่นมาที่หัวของมัน
เมื่อเห็นแบบนี้ มันได้อ้าปากกว้างของมันโดยมีน้ำลายที่ไหลย้อยหยดลงพื้นแล้วคำรามลั่นอย่างตื่นเต้นยินดี พลางใช้มือของมันพยายามคว้าร่างของเฉินเฉียงที่กำลังร่วงไปมาราวกับจะคว้าสาวงามที่กำลังลอยเข้ามาหา
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงก็ตกตะลึง หากเจ้าสัตว์ปีศาจตัวนี้จับตัวเขาได้ มันคงจะฉีกกระชากร่างของเขาเป็นชิ้นๆอย่างแน่นอน
นี่ทำให้เฉินเฉียงทำได้เพียงปลดปล่อยขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ออกมาห่อหุ้มร่างกายไว้
และนี่ทำให้เมื่อสัตว์ปีศาจคว้าจับไปที่ร่างของเฉินเฉียง ด้วยขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่มีระยะสามเมตรของเขานั้นทำให้สามารถหลุดรอดจากมือของสัตว์ปีศาจตัวนี้ ก่อนที่จะไถลไปตามพื้น
ด้วยการที่สัตว์ปีศาจตนนี้พลาดการคว้าจับเป้าหมายของมันไปอย่างไม่น่าจะเป็น มันจึงส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่เฉินเฉียง
ในตอนนี้เฉินเฉียงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เขาได้ใช้เคลื่อนย้ายพริบตานำพาร่างของตนดำดินลงไปในทันที
อย่างไรก็ตาม เพียงตอนที่เฉินเฉียงดำดินลงไปนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่า แม้แต่ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาของเขาก็ยังถูกสะกดข่ม และนี่ทำให้ทักษะขุดรูของเขานั้นกลับไปคงอยู่ในระดับขั้นเรียนรู้
ยังไม่หมดแค่นั้น
เฉินเฉียงที่ในตอนนี้คงอยู่ใต้ดินและกำลังรู้สึกฉงนสนเท่ห์ในความพันลึกของหุบเขาฟานหยินนี้ก็พบว่าใต้ดินที่เขาดำลงมานั้นมีสัตว์ประหลาดจำนวนมากมายปรากฏ
มันเป็นไส้เดือนที่มีกระดองอ่อน
แต่เมื่อพบเห็นเจ้าตัวนี้ เฉินเฉียงกลับไม่สะดุ้งสะเทือนประดุจดั่งคุ้นชินกับมัน
ตราบใดที่เขาไม่โดนมันทำร้าย เขาก็ไม่แยแสกับมัน
อีกอย่าง นอกจากขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้แล้ว เขาก็ไม่หลงเหลือสิ่งใดอีกที่ใช้ในการต่อสู้ได้
ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือบอลเลือดปีศาจที่อยู่ในร่างของเขา เขาต้องรีบจัดการมันให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาคงยากที่จะรอดพ้นออกจากหุบเขาฟานหยินไป
และด้วยสัตว์ปีศาจที่อยู่บนพื้นดินและหมอกไอดำประหลาดที่ปิดกั้นน่านฟ้าไว้ นี่ทำให้ใต้ดินที่เขาอยู่นี้ปลอดภัยที่สุด
แต่ในตอนนี้มีสัตว์ปีศาจตัวใหม่ปรากฏมารายรอบเฉินเฉียงมากขึ้นเรื่อยๆ
ยังดีที่ขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขานั้นป้องกันไม่ให้พวกมันเข้าถึงตัวเขาได้
หลังจากนิ่งคิดอยู่นาน ในที่สุดเฉินเฉียงก็ตัดสินใจใช้ทักษะขุดรูของเขา ด้วยการที่มันถูกสะกดข่มเหลือเพียงระดับเรียนรู้ นี่จึงทำให้เฉินเฉียงขุดดินได้ไม่ราบรื่นเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้รอดชีวิต เขาทำได้เพียงฝืนทนต่ออาการบาดเจ็บและขุดดินต่อไป
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็ขุดดินลงไปได้หกร้อยถึงเจ็ดร้อยเมตร
ยิ่งเขาขุดลงไปมากเท่าไหร่ จำนวนของสัตว์ปีศาจที่รายรอบเข้าก็น้อยลงมากขึ้นเท่านั้น เป็นไปได้ว่าเขาหลุดพ้นจากเขตหุบเขาฟานหยินแล้ว
หลังจากเขาตัดสินใจขึ้นสู่ผิวดิน เขาก็พบว่ามีน้ำขนาดใหญ่รายรอบตัวเขาไว้
ด้วยพลังเหนือมนุษย์ควบคุมสายน้ำระดับแปดของเขานั้น เขาไม่ได้แยแสต่อเรื่องนี้
เพียงแค่ไม่พบเจอสัตว์ปีศาจเหล่านั้น เขาก็รู้สึกผ่อนคลายได้ในที่สุด
หลังจากสังเกตพื้นที่โดยรอบแล้วมั่นใจว่าปลอดภัย เขาจึงตัดสินใจที่ขึ้นสู่ผิวน้ำ
เฉินเฉียงที่โผล่พ้นน้ำมานั้นก็พบว่าเขายังคงอยู่ในหุบเขาฟานหยิน
แต่สัตว์ปีศาจที่ไล่ล่าเขานั้นกลับไม่เห็นเลยสักตัวเดียว
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เขายังไม่อาจผ่อนคลายได้
หากสัตว์ปีศาจปรากฏตัวในขณะเขารักษาตัว หรือมีพวกมันขึ้นมาจากพื้นดินอีก เขาเองก็คงจะบาดเจ็บหนักจนถึงขั้นล้มตาย
เมื่อคิดได้แบบนั้น เฉินเฉียงก็ได้ดำลงไปในน้ำ และเมื่อเขาลงไปใต้น้ำ เขาก็ดำดิ่งสู่ใต้ท้องน้ำ เมื่อเห็นสภาพพื้นที่ใต้ท้องน้ำนี้ ทำให้เขาไม่อาจวางใจได้ลง
ไอ้ตัวยึกยือ
สัตว์ปีศาจที่เคยปรากฏอยู่ในก้นสมุทรคาบสมุทรมังกรซ่อนนั้น ในตอนนี้พวกมันมาอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง
นอกจากนั้น ที่นี่ยังมีดอกไม้ร้อยสีสันอย่างนับไม่ถ้วน
ยังดีที่ไอ้ตัวยึกยือนี่เป็นสัตว์ปีศาจระดับต่ำ นี่ทำให้ตอนที่เขารับรู้ถึงมันแต่พวกมันกลับไม่ได้รับรู้ถึงเขา
และนี่ทำให้เฉินเฉียงถอยห่างออกมาจากไอ้ตัวยึกยือนี่ก่อนที่จะนำยาฟื้นฟูขึ้นมากิน
นับจากการศึกที่ภาคกลางแล้ว เขาไม่ได้กินยาฟื้นฟูมานับจากตอนนั้น
ที่ผ่านมา ต่อให้เขาบาดเจ็บ ตราบใดที่เขาดูดซับซากร่าง อาการบาดเจ็บของเขาจะหายดี
แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เขาไม่กล้าที่จะฆ่าสัตว์ปีศาจพวกนี้แล้วดูดซับพวกมัน
ในตอนนี้เขานั้นมีบอลเลือดปีศาจในร่างมากพอแล้ว หากเขายังดูดซับมันเข้าไปเพิ่ม เขากลัวว่าเลือดของเขาคงไม่พอที่จะเลี้ยงร่างกายอีก
หลังจากใช้ทักษะไร้ตัวตนและกางขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ออกมา นี่ทำให้เขาไม่ต้องกังวลว่าจะถูกไอ้ตัวยึกยือนี่ก่อกวนและทำให้พักรักษาตัวได้อย่างสงบสุข
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา หลังจากฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในแล้ว เขาก็ได้ฝึกเคล็ดวิชาภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทรไปด้วย เขาตั้งใจว่าจะต้องขยายขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขา
สองวันให้หลัง เมื่ออาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้น ที่นี้ก็ถึงเวลาจัดการบอลเลือดปีศาจภายในร่าง
และนี่ทำให้เฉินเฉียงยิ้มแห้งออกมาได้เพียงเท่านั้น
ในตอนนี้บอลเลือดปีศาจในร่างของเขานั้นมีอยู่แทบจะทั่วทั้งตัวอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นแก่นสายเลือดของเขานั้นยังผลิตเลือดออกมาได้เพียงเล็กน้อย นั่นก็เพราะเส้นทางของมันถูกปิดกั้น
การมาเขาฟานหยินของเขานั้นแทบจะเบิกทางให้เขาไปสู่ความตายแล้ว
นับจากที่เขาดูดซับพลังของเฉินเทียนเว่ยมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกทำให้ตกอยู่ในสภาพนี้
เขาไม่แปลกใจอีกต่อไปว่าทำไมราชาจักรพรรดิทั้งสามนั้นถึงได้เสียชีวิตหลังจากย่างก้าวเข้ามาที่โลกปีศาจได้เพียงไม่นาน แม้แต่ศพก็ยังไม่อาจกลับไปได้
อย่างไรก็ตาม ยังดีที่ราชาจักรพรรดิทั้งสามไม่ได้ตกอยู่ในสถานะสวมคราบร่างแล้วมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ต่อให้เขามีขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่ครอบคลุมโลกใบเล็กไว้ทั้งโลกก็ไม่อาจจะหลุดรอดไปได้
หลังจากปล่อยวางความคิดมากมายไปแล้ว เฉินเฉียงก็เริ่มใช้กระแสจิตของตนกระตุ้นขอบเขตจิตวิญญาณห่งการต่อสู้เพื่อเร่งแก่นสายเลือดของเขาให้ทำงาน
และนี่ทำให้บอลเลือดปีศาจในร่างของเขาดิ้นรนไปมาและเริ่มหลอมละลายไป ราวกับหิมะที่ไปตกอยู่บนภูเขาไฟ
หนึ่งวันผ่านไป บอลเลือดปีศาจที่สัตว์ปีศาจส่งเข้ามาอยู่ในร่างของเขาก็หดเล็กลงไป
ถึงแม้ว่าบอลเลือดปีศาจเหล่านี้จะไม่ทำอะไรเขาได้อีกต่อไป แต่ด้วยพลังเหนือมนุษย์ห้านิ้วพิศวงของเขานั้นเขาก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะใช้บอลเลือดปีศาจเหล่านี้เป็นไพ่ตายในการต่อกรกับศัตรู
และเขาก็ได้ทดลองมาแล้วก่อนที่จะออกมาจากโลก
หลังจากจัดการบอลเลือดปีศาจไปแล้ว เฉินเฉียงก็ได้เบาใจลง
ก่อนหน้านี้เขาเชื่อว่าสามารถรับมือกับสัตว์ปีศาจตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย
แต่เป็นเพราะเขาประมาทเพียงเพราะต้องการลองกำลังของตนไปจึงได้ตกอยู่ในสภาพนี้
หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เขามีวิธีการมากมายที่จะจัดการสัตว์ปีศาจตัวนั้นไปแล้ว