ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 340 เปิดเขตแดน
บทที่ 340 เปิดเขตแดน
ด้วยการที่ ที่นี่มีดอกไม้ร้อยสีสันอย่างนับไม่ถ้วน ด้วยการที่มันใช้ปรุงยาได้ทั้งยาหวนคืนโลกาและยาสลายเลือดของโลกปีศาจ เขาจึงไม่อาจจะปล่อยสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ไว้ได้
ถึงแม้ว่าจะมีไอ้ตัวยึกยือนี่รายรอบดอกไม้ร้อยสีสันเอาไว้ แต่มันก็ยังง่ายต่อเฉินเฉียงที่จะจัดการพวกมัน
และนี่ทำให้เขานั้นไล่ฆ่าพวกมันด้วยดาบดั้นเมฆ
และด้วยการที่เขานั้นมีขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้อยู่ ไอ้ตัวยึกยือเหล่านี้จึงไม่อาจทำอะไรเขาได้แม้แต่ปลายก้อย และนี่ทำให้เขากวาดล้างพวกมันได้เป็นส่วนใหญ่
ในขณะที่เฉินเฉียงนั้นกำลังเก็บกวาดดอกไม้ร้อยสีสันอยู่นี้ก็มีบางสิ่งได้เคลื่อนไหว
ฮื้ม
ในระหว่างการเก็บกวาดดอกไม้นี้ เฉินเฉียงก็รับรู้ได้ว่าไอ้ตัวยึกยือเหล่านี้ไปรวมตัวกันและมันไม่ได้คิดจะเข้าใกล้เขาแต่อย่างใด
เขาเองก็รู้สึกว่ามันผิดปกติอยู่เหมือนกัน
ตามความเข้าใจของเขา เขาคิดว่าสัตว์ปีศาจนั้นสมควรจะไร้ซึ่งความกลัว และจะถาโถมโจมตีใส่เขาโดยไม่สนใจว่าศัตรูจะแข็งแกร่งขนาดไหน
แต่ในตอนนี้เขากลับพบสิ่งที่น่าสนใจขึ้นมา
หลังจากมองมันอยู่ไกลๆ เขาก็รู้สึกได้ว่าจำนวนของไอ้ตัวยึกยือนั้นลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีสิ่งใดดึงดูดมันไป
พวกมันต้องการสิ่งใดกัน
และเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์นี้ เฉินเฉียงที่มั่นใจในขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของตนก็ได้เดินฝ่าตัวยึกยือเหล่านี้เข้าไป
หลังจากเดินฝ่าฝูงตัวยึกยือที่ค่อยๆมารวมตัวกันนี้แล้ว เขาก็ต้องตกตะลึงในสิ่งที่เห็นจนหัวใจเหมือนจะหยุดเต้น
กลายเป็นว่าตรงนั้นคือเขตแดนที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้
แถมในนั้นยังมีไอ้ตัวยึกยือเหล่านี้อยู่อย่างนับไม่ถ้วน และยังมีพวกมันอีกจำนวนมากที่พุ่งตรงเข้ามา
ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกมันทำท่าราวกับต้องการจะเปิดเขตแดนพวกนี้อย่างสุดความสามารถซะอีก
ถึงแม้พลังจิตของเขายังถูกสะกดข่มอยู่ แต่เขาก็พบว่าประตูเขตแดนนี้มันเปิดขึ้นจริง
เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน สักสิบปี ไม่สิ สักยี่สิบปี ประตูเขตแดนนี้จะขยายตัวขึ้นไปกว่านี้
แต่เพียงเฉินเฉียงเดินเข้าไปที่ประตูเขตแดนนี้ อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่าทางเข้ามันค่อยๆหดเล็กลง
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงก็ไม่ลังเลแต่อย่างใด เขาปล่อยตัวตามตัวยึกยือเหล่านี้เข้าไปในเขตแดน
และเป็นตอนนี้ที่ทางเข้าที่เฉินเฉียงเข้ามานั้นได้ปิดตัวลง
อย่างไรก็ตาม ข้างในนี้มีตัวยึกยืออยู่สองตัวที่ยังค้างคาอยู่ที่ประตูทางเข้า และนั่นก็ทำให้มันถูกตัดขาดโดยพลังของเขตแดน
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงก็ถึงกับต้องตกตะลึง เขามองหันกลับไปก็พบว่ามันมีแต่น้ำ
ไม่สิ
นี่มันน้ำทะเล
หลังจากสงบจิตใจลง เฉินเฉียงก็ได้มองไปโดยรอบอีกครั้งจนบังเกิดความรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้
นี่มันก้นสมุทรคาบสมุทรมังกรซ่อนไม่ใช่เรอะ
ใช่ มันใช่แน่ๆ
แถมเขายังพบเจอดอกไม้ร้อยสีสันที่โบกสะบัดไปมาตามคลื่นทะเลที่อยู่ตรงมุมสุดสายตา
เมื่อเห็นแบบนี้เฉินเฉียงก็ได้เข้าใจ
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมไอ้ตัวยึกยือนี่มาอยู่ที่ก้นมหาสมุทรมังกรซ่อนได้
และหากสัตว์ปีศาจเข้ามาในโลกนี้ได้ด้วยวิธีการนี้ นี่จะเป็นหายนะของโลกของเขา
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงจึงดึงดาบดั้นเมฆออกมาและกวาดล้างไอ้ตัวยึกยือทั้งหมดที่อยู่ในก้นสมุทรมังกรซ่อน
ส่วนไอ้พวกที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งเขาก็จะไม่ปล่อยพวกมันไว้
หลังจากฆ่าไอ้ตัวยึกยือจนหมดสิ้น เฉินเฉียงก็ได้กลับเข้าไปในโลกปีศาจอีกครั้ง
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าประตูเขตแดนนี้จะเปิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เขาก็เชื่อว่ามันใช้เวลาไม่นานนัก
และหากคำนวณจากการที่มันมาปรากฏอยู่บนโลก เวลาการเปิดของประตูเขตแดนไม่ได้นานแต่อย่างใด
ไม่อย่างนั้นล่ะก็คงไม่มีไอ้ตัวยึกยือแบบนี้มาอยู่บนโลกอีก และพวกมันคงไม่ตั้งมั่นทะลวงผ่านมากันขนาดไหน
และในเมื่อเขาได้พบเจอทางเข้ามาที่โลกแบบนี้แล้ว เขาเองก็คงปล่อยไว้เฉยๆไม่ได้
นี่ทำให้เฉินเฉียงที่ตาแดงฉานถือดาบดั้นเมฆขึ้นมาหมายจะฟาดฟัน
แต่เป็นตอนนี้ที่เขาหยุดมือไป
ไม่
เขาไม่อาจจะฆ่าไอ้ตัวยึกยือเหล่านี้ไปได้
ในเมื่อที่นี่เป็นที่เดียวที่มีดอกไม้ร้อยสีสัน นั่นย่อมหมายความว่าผู้บ่มเพาะโลกปีศาจจะต้องมาที่นี่อยู่บ่อยครั้ง
หากอยู่ๆไอ้ตัวยึกยือพวกนี้หายไป มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ประตูเขตแดนจะถูกค้นพบ
และเมื่อถึงตอนนั้น ไอ้พวกโลกปีศาจคงจะรุกรานโลกอย่างสุดกำลัง
เฉินเฉียงที่สงบใจลงแล้วก็ได้ว่ายน้ำจากไป
แต่เมื่อเห็นเจ้าตัวยึกยือที่ยังคงรวมตัวอยู่ที่ดอกไม้ร้อยสีสัน นี่ทำให้เขารู้สึกไม่อยาก
หากเขาจะป้องกันการรุกรานจากสัตว์ปีศาจ ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ต่อให้เขาจัดการไอ้ตัวยึกยือพวกนี้ได้หมดสิ้น แล้วเรื่องเขตแดนจักรพรรดิล่ะ
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้มีเพียงกับการเก็บกู้ร่างของสามจักรพรรดิแล้วค่อยหาวิธีจัดการประตูเขตแดนทั้งสองที่เชื่อมมายังโลกใบนี้
ยิ่งไปกว่านี้คือใครจะรับรองได้ว่าจะไม่มีประตูเขตแดนอื่นอยู่บนโลกใบนี้อีกกัน
สี่วันผ่านไป เฉินเฉียงรู้สึกว่าเขาไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่นี่อีก
เท่าที่ดูแล้ว หุบเขาฟานหยินนั้นเป็นพื้นที่ซ่องสุมของสัตว์ปีศาจแห่งโลกปีศาจ
ยังดีที่พวกมันยังคงอยู่ได้แค่ในพื้นที่นี้ไม่ไปที่อื่นได้โดยง่าย ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่โลกเลย แม้แต่โลกปีศาจเองก็คงจะไม่พ้นความวายป่วงไปได้
ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เฉินเฉียงรีบว่ายน้ำออกจากทะเลสาบนี้ไปเพื่อที่จะกลับออกไปยังนอกเขา
หลังจากยืนยันเส้นทาง เฉินเฉียงก็เดินตรงไปยังทางเข้าหุบเขาพร้อมกับกางขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ออกไป
“โฮกกกกกก”
หลังจากเดินไปได้พักหนึ่ง สัตว์ปีศาจตัวที่สู้กับเขาก่อนหน้านี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครา
ด้วยการที่เฉินเฉียงในตอนนี้ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะต่อสู้ เมื่อเขาเห็นสัตว์ปีศาจตัวนี้เขาจึงได้สะบัดดาบดั้นเมฆในมือพุ่งตรงไปยังสัตว์ปีศาจอย่างเดือดดาล
ครั้งก่อนเป็นเพราะเขาไม่ระวังตัวจึงได้พลาดท่าไป
แต่ในตอนนี้เขาไม่ได้มีอารมณ์ที่จะเสียเวลาประลองกำลัง เป็นธรรมดาที่เขาจะจบการต่อสู้อย่างรวดเร็วจนไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายอีก
หากจะต้องฆ่ากันแล้ว เฉินเฉียงนั้นสามารถจัดการสัตว์ประหลาดตนนี้ได้ทุกเมื่อ
และด้วยการขยับเพียงครั้งเดียว เพลงดาบที่รุนแรงราวกับมังกรที่สะบัดหางก็ได้ตัดเข้าไปที่ขาอันเรียวเล็กของสัตว์ปีศาจตนนี้ขาดออกไปในทันที
และเมื่อขาของมันหายไป แทนที่มันจะแค้นเคือง มันกลับกรีดร้องออกมาและหมายจะรีบหนี
หลังจากเปลี่ยนไปถือดาบดั้นเมฆด้วยมือซ้ายแล้ว เฉินเฉียงได้ชี้มือขวาของตนชี้นิ้วชี้ข้างขวาใส่สัตว์ปีศาจตัวนี้ และนั่นทำให้บังเกิดเส้นแสงสีแดงที่พุ่งตรงไปยังอกของสัตว์ปีศาจ
ห้านิ้วพิศวง
และมันคือห้านิ้วพิศวงที่หลอมรวมเข้ากับบอลเลือดปีศาจ
ดั่งคำกล่าวที่ว่าคืนสนอง
เฉินเฉียงต้องการที่จะส่งบอลเลือดปีศาจที่เจ้าตัวนี้ส่งมายังร่างของเขาคืนกลับไป
และด้วยพลังเหนือมนุษย์ห้านิ้วพิศวงของเขานั้นมันก็ออกมาเป็นการโจมตีที่ทรงพลัง
เฉินเฉียงนั้นเผยร่องรอยความกดดันขึ้นมาเมื่อเห็นว่าแม้บอลเลือดปีศาจของเขาจะเข้าในร่างของเจ้าตัวนี้แล้ว แต่มันก็ยังคงอยู่
ไอ้ฉิบหาย
ยังไม่ตายอีกเรอะ
ในขณะที่เฉินเฉียงรอบสบถอยู่ในใจนี้ เมื่อเขาเดินเข้าไปหาสัตว์ปีศาจตัวนี้ ไม่เพียงมันจะยังไม่ตกตายหลังจากได้รับบอลเลือดปีศาจของเขาเข้าไปแล้ว มันยังทำหน้าอิ่มเอมราวกับได้กินอาหารมื้อใหญ่ไปอีก