ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 341 เขาโรคา
บทที่ 341 เขาโรคา
“โอ่ววววว”
สัตว์ปีศาจคำรามลั่นอย่างตื่นเต้นยินดี แม้จะเหลืออยู่เพียงขาเดียวแต่มันก็มองเฉินเฉียงประดุจดั่งญาติมิตรเลยทีเดียว
เรื่องบ้าอะไรกัน
เฉินเฉียงอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น ก่อนเดินเข้าไปอย่างมึนงงเมื่อเห็นท่าทางซึมกะทือของสัตว์ปีศาจตรงหน้าที่ราวกับจะกระโดดมาหาเขาประดุจดั่งหมาน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ห้านิ้วพิศวงกับศัตรูแล้วไม่ตกตาย แถมยังราวกับกำลังติดยาอยู่ก็ไม่ปาน
และในตอนที่เขากำลังก้มมองนิ้วชี้ขวาของตนอย่างไม่เชื่อสายตานั้น เจ้าสัตว์ปีศาจตัวนี้ได้พุ่งตรงมาที่เขาอีกครั้ง
เขารู้สึกได้ว่าสัตว์ปีศาจตัวนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมเกือบเท่าหนึ่ง
การที่เขายิงบอลเลือดปีศาจของเขาใส่มันไปกลายเป็นส่งเสริมร่างกายของมันให้แข็งแกร่งขึ้นงั้นรึ
เฉินเฉียงที่ยืนอยู่อย่างอึ้งๆนั้น ถึงแม้เขาจะอึ้งแต่ก็ยังตอบสนองต่อสัตว์ปีศาจตัวนี้โดยการฟาดฟันดาบดั้นเมฆของตนออกไป
และนี่ทำให้ขาอีกข้างของมันขาด
ถึงแม้ว่าสัตว์ปีศาจตัวนี้จะยังไม่หมดสติมันยังคงแยกเขี้ยวยิงฟันของมันไปมาอย่างไม่หยุด แต่ด้วยการที่มันเสียขาไปสองข้างทำให้มันไม่อาจเคลื่อนไหวได้สะดวกนัก
“เอาไง ยังจะคิดโจมตีฉันอีกรึเปล่า”
เฉินเฉียงพูดอีกเล็กน้อยก่อนจะฟาดฟันใส่สัตว์ปีศาจตนนี้ไปอีกหลายครั้ง
ไม่นาน สัตว์ปีศาจตนนี้ก็ได้ตกตาย หมอกไอดำได้พวยพุ่งออกจากร่างของมันอย่างช้าๆ และในที่สุดมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
สถานที่แห่งนี้ช่างชั่วร้ายนัก
เฉินเฉียงรีบเดินต่อไปยังทางออกของหุบเขา และด้วยการที่ในระหว่างนี้ไม่มีสัตว์ปีศาจปรากฏอีก ทำให้เขาออกจากหุบเขาได้ด้วยเวลาไม่นาน
หลังจากเหลียวหลังกลับไปมองทางเข้าหุบเขาฟางหยินอีกครั้ง เฉินเฉียงได้สาบานออกมาว่าในอนาคตเขาต้องกลับมาอีก และเป็นตอนนี้ที่เสียงกระซิบได้หายไป
หลังจากออกมาแล้ว เฉินเฉียงได้ใช้กำไลสื่อสารติดต่อหาหยานเสวี่ยว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ เมื่อทราบว่าไม่มีสิ่งใดเขาจึงดำดินและสำรวจพื้นที่อื่นต่อ
ภาคกลางของโลกปีศาจนั้นเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่ แถมยังเป็นสถานที่ที่น่าจะเป็นที่ต้องขององค์กรที่แข็งแกร่งอย่างวิหารศักดิ์สิทธิ์อีก
หลังจากเข้าไปในหุบเขาฟานหยินแล้ว เฉินเฉียงไม่กล้าคิดจะประมาทโลกปีศาจอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าเขาจะพึ่งอยู่ในสถานะปลอดภัย แต่เขาก็ไม่คิดจะอยู่ที่ภาคกลางเฉยๆแต่พุ่งตรงไปยังเขาโรคา (โรกะ)
จากข้อมูลที่เขาได้รับมาจากแผนกปรุงยานั้น สมุนไพรหมุนเวียนโลหิตที่เป็นตัวยาสำคัญอีกตัวหนึ่งในการปรุงยาละลายเลือดหาได้เพียงที่ภูเขาโรคา
ยาละลายเลือดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต แน่นอนว่าเฉินเฉียงย่อมไม่คิดจะปล่อยให้มันกับผู้บ่มเพาะในเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตแต่อย่างใด
และนี่ทำให้เขาเองก็มีความสนใจในสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตนี้อยู่ไม่น้อย
ด้วยการที่เขาจะต้องป้องกันไม่ให้ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตอยู่อีก และมันจะสำเร็จลงได้หากสมุนไพรโลหิตหมุนเวียนสูญพันธุ์
นี่จึงจะทำให้โลกของเขาพบเจอสันติ
มันเปรียบได้ดั่งการที่เขาสามารถสร้างพิษร้ายออกมาได้ แต่ก็ยังมีวิถีที่สามารถถอนพิษที่เกิดขึ้นจากตัวเขาได้เช่นกัน
มันคือสิ่งที่เรียกว่าการแพ้ทาง
ยกตัวอย่างเช่นสัตว์ปีศาจที่อยู่ในหุบเขาฟานหยิน เขาเชื่อว่าหากไม่มีสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตนี้ เขาเชื่อว่าทั่วทั้งโลกนี้จะตกเป็นของสัตว์ปีศาจเหล่านั้น
แต่เป็นเพราะมีผู้ค้นพบว่าสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตนี้ใช้แก้ทางสัตว์ปีศาจในหุบเขาฟานหยินได้
แม้พื้นที่ภาคกลางจะกว้างใหญ่ แต่ด้วยการที่เฉินเฉียงสามารถใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาได้ นี่ทำให้เพียงเวลาครึ่งวัน เขาก็มาอยู่ที่เขตพื้นที่เขาโรคาแล้ว
ในเมื่อทั้งหุบเขาฟานหยินและภูเขาโรคาต่างก็เป็นสถานที่ที่น่าพิศวงของโลกปีศาจ ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาต้องระวังตัวเมื่อย่างเข้าไปในหุบเขาโรคา
ในครั้งนี้เฉินเฉียงไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อยเมื่อพบว่าด้วยชั้นหมอกของหุบเขาโรคานี้ทำให้เขาไม่อาจตรวจสอบมันได้โดยกระแสจิตของเขา
และด้วยการที่สมุนไพรหมุนเวียนโลหิตนี้เป็นสมุนไพรล้ำค่า จึงไม่ได้น่าแปลกที่มันจะได้มาอย่างยากยิ่ง
แถมพื้นที่ตรงหน้าเขานั้นกว้างใหญ่กว่าหุบเขาฟานหยินหลายเท่านัก
เพียงเฉินเฉียงย่างเข้าหุบเขา กระแสจิตของเขาก็หดเล็กลงเหลือเพียงครอบคลุมส่วนหนึ่งของหุบเขาเพียงเท่านั้น
ข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตนั้นเขาจำมันได้อย่างขึ้นใจ
และเป้าหมายของเขาในการมาที่นี่นั้นชัดเจน เขาต้องการเพียงสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตทั้งหมดเพียงเท่านั้น และหลบเลี่ยงปัญหาทั้งหมดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในขณะที่เขาเดินเข้าไปในตีนเขานี้ ดวงตาของเขาก็ได้พบกับป้ายหนึ่งที่ปักไว้อยู่สูงเหนือพื้นดิน
มันเขียนไว้สำหรับใครก็ตามที่ต้องการเข้าไปในหุบเขาโรคา
“ใครก็ตามที่ต้องการเข้าไปในหุบเขาโรคาสามารถเดินไปได้แค่บนเส้นทางสันเขาเพียงเท่านั้น”
“ใครก็ตามที่ขึ้นเขาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจะไม่ได้มีโอกาสรอดออกมา”
ดูเหมือนว่าภูเขาโรคานั้นจะเป็นพื้นที่มีเจ้าของแฮะ….ว่าแต่ใครเป็นเจ้าของกันล่ะหว่า
และเพียงเฉินเฉียงเดินไปต่อได้เพียงสิบนาที เฉินเฉียงก็พบคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังโหวกเหวกโวยวายอยู่
“พี่ใหญ่ ไอ้จิ้งจอกเพลิงนั่นไปไหนแล้ว”
“ข้าว่ามันวิ่งขึ้นยอดเขาไปแล้วแหงๆ เป็นเจ้าสามแหละที่ดักมันไว้ไม่ดี น่าเสียดายนัก….น้องเล็ก ข้าว่าเราหาสัตว์วิญญาณตัวอื่นจะดีกว่า”
“ไม่เอาอ่ะ พี่ใหญ่ นั่นมันจิ้งจอกเพลิงระดับสี่เลยนะ พี่ก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าขนมันสวยขนาดไหน”
“น้องเล็ก เจ้าหยุดเอาแต่ใจได้แล้ว จิ้งจอกเพลิงตัวนั้นวิ่งขึ้นเขาไปแล้วนา สถานที่แห่งนี้ใช่ว่าไร้เจ้าของ หากเจ้าของที่มาพบเจอเข้าพวกเราได้วายป่วงกันหมดแน่”
“นั่นสิ น้องเล็ก เจ้าจิ้งจอกนั่นเพียงแค่ขึ้นเขาไปก็ให้ถือว่ามันได้ตายไปแล้วเสียดีกว่า เมื่อกี้ตอนไล่มันมาข้าเห็นแบดเจอร์น้ำผึ้งตัวน้อยอยู่กลุ่มหนึ่ง แถมมันยังอยู่ระดับสามอีกด้วย ข้าว่าเราไปจับพวกมันจะดีกว่านะ”
“แบดเจอร์น้ำผึ้งอ่ะนะ ไม่เอาอ่ะมันน่าเกลียดจะตายไป พี่สาม เป็นความผิดของท่านที่ท่านดักมันไม่ดีนั่นแหละ”
เมื่อได้ยินเสียงคำสนทนาของคนทั้งสาม เฉินเฉียงก็ไม่คิดจะวุ่นวายเลยเดินเลี่ยงไปอีกทาง
ภูเขาโรคาแห่งนี้เต็มไปด้วยวัตถุดิบล้ำค่า และเพียงไม่นาน เฉินเฉียงก็ได้พบสมุนไพรมีค่ามากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น จากคำพูดของคนกลุ่มเมื่อครู่ทำให้เขานั้นรับรู้ได้ว่าที่นี่มีสัตว์วิญญาณอยู่อีกจำนวนหนึ่ง
แต่น่าเสียดายที่เขานั้นไม่คิดจะวุ่นวายกับเรื่องนี้ในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะหามันมาเลี้ยงสักตัวสองตัว
“เฮ้ ลุง ท่านเห็นจิ้งจอกเพลิงบ้างรึเปล่า”
หญิงสาวตัวน้อยที่สุดที่เห็นเฉินเฉียงมาเพียงลำพังก็ได้ถามออกมาในทันที
เฉินเฉียงตอบโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมอง
เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงมีท่าทีไม่สนใจ พี่ใหญ่ของกลุ่มก็ขมวดคิ้วและถามออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “เฮ้ลุง เจ้ามาจากสำนักเต๋าไหนกัน ทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้า”
เฉินเฉียงที่ได้ยินก็ช่วยไม่ได้เพื่อเลี่ยงปัญหาทำให้เขาทำได้เพียงก้มหัวและหันหน้าไปหาก่อนจะตอบออกไป “ข้าต้องขอโทษด้วย ตัวข้านั้นมาจากเมืองเฉินหลิวจากเขตเป่ยหมิง”
“เป่ยหมิง…..สำนักเต๋าใต้บาดาลน่ะรึ มันไกลพอดูไม่ใช่หรือนั่น”
หญิงสาวน้องเล็กของกลุ่มได้ทำท่าราวกับจะพ่นอะไรออกมาก่อนจะพูดต่อ “เป่ยหมิงอยู่ห่างจากที่นี่นับหมื่นไมล์เลยนะ ท่านมาทำอะไรที่นี่กัน”
เฉินเฉียงเมื่อได้ยินก็รีบตอบกลับไป “เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ศิษย์น้องของข้าในสำนักเต๋านั้นต้องการสมุนไพรเพื่อปรุงยาละลายเลือด แต่ตอนนี้สมุนไพรหมุนเวียนโลหิตที่ใช้ปรุงยานั้นไม่เพียงพอ ข้าจึงคิดที่จะมาที่นี่เพื่อเสี่ยงโชคน่ะ”
“สมุนไพรหมุนเวียนโลหิตงั้นรึ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ทั้งสามก็ได้หัวเราะอย่างดังลั่นพร้อมท่าทางประหลาดใจ
“นี่เขตของเจ้าโง่งมกันขนาดนี้เลยรึ เจ้าถ่อมาที่นี่เพื่อหาสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตเนี่ยนะ”
เฉินเฉียงเงยหน้าขึ้นมาในทันทีก่อนจะถามออกมาอย่างสงสัย “ท่านทั้งสาม พวกท่านจะบอกว่าภูเขาโรคาไม่ได้เป็นแหล่งของสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตงั้นรึ”
พี่ใหญ่ของกลุ่มได้กลั้นอาการหัวเราะของตน และในที่สุดก็ตอบออกมา “ที่นี่น่ะถูกแล้ว และสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตนั้นมีเฉพาะที่นี่ก็จริง แต่ไม่มีใครที่คิดจะมาหามันแบบนี้”
“นั่นก็เพราะสมุนไพรเหล่านี้ถูกควบคุมโดยวิหารศักดิ์สิทธิ์ และพวกเขาเป็นผู้แจกจ่ายให้กับสำนักต่างๆ แล้วใครกันที่มันจะมาเก็บสมุนไพรแบบนี้คนเดียว”
“ลุง ข้าว่าการมาของท่านนี้คงต้องกลับไปมือเปล่าแล้วล่ะ”