ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 342 ใส่ใจไม่พอ
บทที่ 342 ใส่ใจไม่พอ
ด้วยการที่เฉินเฉียงในตอนนี้อยู่ในรูปลักษณ์ของหลิวฉางเชิงทำให้ดูอายุมากและไม่น่าคบหาในสง่าราศี นี่ทำให้สาวน้อยของกลุ่มเริ่มรำคาญก่อนที่จะพยายามยื้อยุดพี่ใหญ่ของกลุ่มพร้อมปากที่บุ้ยไปมา “พี่ใหญ่ ไม่ต้องไปสนเขาหรอก”
“สมุนไพรหมุนเวียนเลือดเองมันก็มีอยู่ที่นี่ ต่อให้เขาเข้าไปหยิบมันสักต้นก็ไม่ได้ทำให้เราต้องตกตายไปด้วยสักหน่อย”
และนี่ทำให้ทั้งสามคนเดินจากไป
เฉินเฉียงยังยืนนิ่งคิดกับข้อมูลที่เขาได้รับฟังมา ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจ
ด้วยเหตุนี้ สมุนไพรที่ล้ำค่าอย่างสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตนั้นจึงไม่อาจได้รับมาได้โดยง่าย
และมันก็สามารถหาได้จากที่นี่เท่านั้น
นี่จึงไม่แปลกที่ที่ตีนเขานั้นจะมีป้ายแจ้งเตือนปักเอาไว้ มันเป็นการป้องกันผู้คนที่คิดจะขโมยผักปลาของผู้อื่น
แต่ให้พูดก็พูดเถอะนะ เขาก็ยังคิดอยู่ว่าไอ้การขึ้นเขานี่จะทำให้พบเจออันตรายขนาดไหนกัน
เฉินเฉียงได้มองไปยังหมอกที่ไหลเวียนไปมาบนยอดเขา พลางนึกถึงภาพของสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตอยู่ในใจ
ดังคำกล่าวที่ว่าผลกำไรงามมักแฝงด้วยความเสี่ยง แล้วหากเขาคิดจะลองดูล่ะ
ด้วยทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาและพลังเหนือมนุษย์ผ่ามิติ ต่อให้เขาพบเจออันตราย เขาก็ควรจะหลบหนีออกมาได้ทุกเมื่อไม่ใช่เหรอ
ในเมื่อเขามาที่นี่แล้วเขาย่อมไม่อาจกลับไปมือเปล่าได้
เฉินเฉียงได้เดินขึ้นเขาไปคนเดียวหลังจากแยกจากจากกลุ่มคนที่โวยวายไปเมื่อครู่
ด้วยพลังจิตที่ทรงพลังของเขานี้ทำให้เขารับรู้ได้ว่ายิ่งเขาเข้าใกล้ภูเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังฟ้าดินจากทุกสิ่งที่ปล่อยออกมา ยิ่งไปกว่านั้นคือสัตว์วิญญาณระดับสูงมากมายก็ได้ปรากฏ
แต่เขาไม่ได้แยแสแม้แต่น้อย
เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจ เขาจึงไม่คิดจะเสียเวลา
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขาก็มาถึงสันเขา
ที่นี่ถูกแบ่งแยกอย่างชัดเจนด้วยหมอกที่หนาแน่นจนเห็นชัดได้ด้วยตา
ต่อให้เขาเข้าใกล้หมอกขนาดที่มันแทบจะจุ่มหน้าเข้าไปอยู่แล้ว พลังจิตของเขาก็ยังไม่อาจจะแทรกซึมเข้าไปได้ ทำได้เพียงมองเข้าไปได้ด้วยตาเปล่าเท่านั้น
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดราวกับว่าเขากำลังมองดอกไม้ผ่านม่านหมอกจนแยกไม่ออกว่ามันเป็นความจริงหรือภาพลวง
หลังจากมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ภายใน เขาก็ยื่นมือของตนเข้าม่านหมอกไป
และในตอนนี้ที่เขารู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างดิ้นอยู่ในมือของเขา
เป็นตอนนี้ที่เขารับรู้ได้ว่าพื้นที่หมอกตรงน้าเขานั้นเป็นเขตแดนอีกรูปแบบหนึ่ง
แต่กับเฉินเฉียงแล้ว เพียงกำแพงเขตแดนแบบนี้มันง่ายที่จะทะลวงเข้าไป
ด้วยการที่กำแพงเขตแดนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเทียบกับกำแพงเขตแดนของเขตแดนจักรพรรดิ เพียงแค่เคลื่อนย้ายพริบตาของเขาก็เพียงพอที่จะทะลุผ่านไปได้
แต่….ข้อความที่เขียนไว้ที่ตีนเขานั้นก็ไม่ใช่เพียงแค่ป้ายเตือนที่ปักไว้อย่างไร้ความหมาย
เฉกเช่นคำกล่าวที่ว่าไม่เห็นกระต่ายก็อย่าได้ปล่อยเหยี่ยวออกไปล่า
ก่อนที่เขาจะได้พบสมุนไพรหมุนเวียนโลหิต เขาก็ไม่อยากจะทำผิดพลาดเช่นตอนหุบเขาฟานหยินอีก
เขาโรคานั้นกว้างอย่างมาก แค่พื้นที่ที่ไม่มีเมฆหมอกเหล่านี้ก็มีพื้นที่กว่าหมื่นกิโลเมตรเห็นจะได้
และหากคำกล่าวของคนทั้งสามก่อนหน้าเป็นความจริงที่ว่าสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตพบเจอได้แต่ที่นี่ เขาเชื่อว่าด้วยทักษะตาพันลี้ของเขานั้นเขาย่อมค้นหาสมุนไพรนี่เจอ
และนี่ทำให้เขาเดินไต่ไปตามขอบของเขตแดนนี้อย่างช้าๆราวกับต้องการสำรวจพื้นที่โดยรอบก่อนเข้าไป
ในระยะพันเมตรตรงหน้าเขานี้ ภายในเขตแดนหมอกนั้นเขาพบเจอสิ่งต่างๆล้ำค่ามากมาย
แต่หลังจากเดินไปหลายกิโลเมตรเขาก็ยังไม่พบสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตเลยสักต้นเดียว
และนี่ทำให้เฉินเฉียงเริ่มร้อนรน
สำหรับเขาแล้ว ต่อให้เขาต้องพบเจอราชาหุ่นเชิดโลหิต สัตว์ปีศาจ หรือแม้แต่มวลหมู่ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตและร่างของผู้ที่ถูกสวมคราบร่าง เขานั้นสามารถเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไม่หวาดหวั่น
แต่หยานเสวี่ยนั้นไม่สามารถ
หากว่าเขาเผลอไผลหล่อยให้บอลเลือดปีศาจกลืนกินหยานเสวี่ยเข้าไป เขาคงจะต้องเสียใจไปช่วยชีวิต
ไหนจะคนในกองกำลังเทียนเว่ยของเขาอีก
พวกเขาล้วนแล้วแต่ติดตามเขามายังโลกปีศาจแห่งนี้
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาก็จะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อรับรองความปลอดภัยให้กับคนของเขา
และนี่ทำให้ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องได้รับสมุนไพรหมุนเวียนเลือดมาให้ได้
ต่อให้เขาต้องเข้าไปในเขา ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายเฉกเช่นเดียวกับหุบเขาฟานหยิน
แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายระดับนั้น แต่หากพวกพ้องของเขาปลอดภัยมันย่อมคุ้มค่า
และนี่ทำให้เฉินเฉียงตัดสินใจเข้าไป
หลังจากตั้งมั่นแล้ว เฉินเฉียงก็ได้ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาพุ่งตรงไปในเขตแดนหมอก
วาบบบบบ
ฮื้ม
สัตว์วิญญาณระดับหก หนูทองคำ
มันเป็นหนูที่มีความยาวประมาณสามฟุต มีหนังและขนสีทองอร่ามเปล่งประกายเจิดจ้าประหนึ่งดังดวงอาทิตย์ และนี่ทำให้เฉินเฉียงไม่อาจจะลืมตาขึ้นมาได้
สติปัญญาของสัตว์วิญญาณระดับหกบนโลกใบนี้เทียบได้กับคนทั่วไป
และเป็นเพราะเฉินเฉียงได้ปรากฏตรงหน้ามัน พร้อมกับที่มันนั้นรับรู้ถึงความทรงพลังของเฉินเฉียงทำให้มันนั้นคิดหนีอย่างไม่ลังเล
สถานที่แห่งนี้ไม่อาจอยู่ต่อไปได้นานนัก
ด้วยการที่เฉินเฉียงไม่มีอารมณ์จะมาชื่นชมความมหัศจรรย์พันลึกของเขาโรคา เขาได้ชะงักไปเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะส่งคลื่นพลังจิตที่ทรงพลังออกไป
และนี่ทำให้เขารับรู้ถึงทุกสิ่งในระยะสองร้อยเมตร
สมุนไพรไหลเวียนโลหิต
ช่างมากมายนัก
ที่ระยะห่างออกไปสามไมล์ เฉินเฉียงได้พบสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตกอหนึ่งที่ขึ้นอย่างหนาแน่นราวกับเป็นหญ้าข้างทาง
ไม่สิ ต้องบอกว่าทุ่งหญ้าที่เขาเห็นตรงนั้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรหมุนเวียนโลหิต
ไม่ใช่ว่าพวกมันหาได้อย่างยากเย็นรึไงกัน
แต่พวกมันกลับขึ้นเป็นทุ่งอยู่ตรงหน้าเขาเนี่ยนะ
-ไอ้ฉิบหาย-
-เพียงแค่หนึ่งกำมือมันก็เพียงพอต่อหยานเสวี่ยและคนอื่นๆแล้วนะนั่น-
ด้วยความตื่นเต้นยินดี เฉินเฉียงได้ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาพุ่งตรงไปทุ่งสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตที่อยู่ห่างไปสามไมล์ราวกับประกายแสง
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่เขาอยู่ห่างกับมันอีกเพียงแค่หนึ่งช่วงเอื้อมมือ เขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกประหลาด
“ไอ้ตัวดี กล้าดีกนักที่เขามาในเขตพื้นที่ของวิหารศักดิ์สิทธิ์ แกจะได้รับการพิพากษาอาชญากรรมของเจ้าโดยการตกตายอยู่ที่นี่”
เสียงตะคอกที่โกรธเกรี้ยวดังขึ้นทำให้เฉินเฉียงตั้งกระบวนท่ารับมือในทันที เพียงแค่เขาเหลียวหน้าไปก็พบผู้ทรงพลังหกคนที่มีคลื่นพลังที่เกรี้ยวกราด
ระดับเทียบเท่าราชาจอมพลขั้นต้นหกคน
ในเสี้ยววิที่เฉินเฉียงรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของหกคนนี้
และเพียงเสี้ยววินี้ ข้อความมากมายถูกส่งออกไป
วิหารศักดิ์สิทธิ์ที่เขาต้องการหาร่องรอยมาโดยตลอดกลับมาพบเจออยู่ที่เขาโรคา
แถมความแข็งแกร่งของคนในวิหารศักดิ์สิทธิ์ค่อนข้างจะต่างจากข้อมูลที่เขาได้รับรู้มา
ไหนว่าวิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นเป็นเพียงผู้อยู่ในระดับเทียบเท่าราชาจอมพลขั้นกลางคนหนึ่ง ส่วนที่เหลือเองก็เป็นราชาจอมพลขึ้นต้นสิบกว่าคนไม่ใช่เหรอ
หากเป็นอย่างนั้นจริงแล้วทำไมผู้ที่อยู่ระดับราชาจอมพลขั้นต้นถึงได้ออกหน้ามาทำงานพื้นๆเช่นนี้กัน
แถมเขายังตรวจจับทั้งหกคนนี้ไม่ได้อีก
นี่ไม่น่าเป็นไปได้
ด้วยพลังจิตของเขานั้น เขาสามารถตรวจทุกสิ่งได้ในระยะร้อยไมล์เลยด้วยซ้ำ
จะบอกว่าพลังจิตของทั้งหกคนนี้เหนือล้ำกว่าเขางั้นรึ
ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เข้าไปใหญ่
นั่นก็เพราะเขารู้สึกได้ว่าทั้งหกที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นไม่ได้มีพลังจิตที่แข็งแกร่งแต่อย่างใดเมื่อเทียบกับเขา
ในทันทีที่ทั้งหกคนมาถึง ทั้งหกก็ได้รุมล้อมเฉินเฉียงเอาไว้ทุกทิศทุกทาง
ในขณะเดียวกัน เฉินเฉียงก็ไม่ได้เปิดขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของตนแต่อย่างใด
เป็นเพียงตอนที่เขาเตรียมที่จะเปิดใช้ขอบเขตเจตจำนงของตน เขาก็ถูกฝ่ามือของทั้งหกคนซัดมายังร่างของเขา