ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 352 จิตใจที่เปลี่ยนผัน
บทที่ 352 จิตใจที่เปลี่ยนผัน
“เมิ่งน้อย ขอไฟ”
เฉินเฉียงนำเอาเศษแก่นวิญญาณออกมาพลางชี้ไปที่เนื้อของไข่ปฐพีที่เสียบด้วยไม้วางเรียงรายกองฟืนอยู่ด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นแก่นวิญญาณ ดวงตาของเมิ่งน้อยได้ลุกวาว มันได้ทำการพ่นไฟลงไปบนกองไม้ พลางกระโจนไปฉกแก่นวิญญาณในมือของเฉินเฉียงและวิ่งไปมาโดยรอบ
สัตว์วิญญาณบนโลกปีศาจนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากสัตว์ประหลาดบนโลกแม้แต่น้อย ทั้งเรื่องของทักษะความสามารถและคุณภาพของเนื้อที่อร่อยล้ำว่าเนื้อของสัตว์ทั่วไป
ถึงแม้เฉินเฉียงจะไม่ได้อะไรมากมายจากการกินเนื้อของสัตว์วิญญาณ แต่เขาก็ยังชื่นชอบที่จะได้กินมันอยู่ดี
และหลังจากดูดซับพลังงานจากร่างของสัตว์วิญญาณไปสามตัว อาการของเฉินเฉียงดีขึ้นอย่างมาก เท่าที่ดูแล้วเขาคิดว่าหากได้ดูดซับพลังงานจากสัตว์วิญญาณอีกสองสามตัวเขาก็น่าจะฟื้นคืนเต็มที่
แน่นอนว่าวิธีการฟื้นคืนของเขาดีกว่ายาวิเศษบนโลกมากมายนัก
ด้วยการคงอยู่ของระบบที่ไม่เหมือนใครของเขา ย่อมเป็นธรรมดาที่ใครๆต่างก็ต้องมึนงงกับความรวดเร็วในการฟื้นฟูร่างกายของเฉินเฉียง
ไม่นาน กลิ่นอันแสนยั่วยวนของไข่ปฐพีที่หอมหวนก็ได้ฟุ้งกระจายไปทั่วเขาม่อกั๋น
นี่ทำให้ทั้งเฉินเฉียงและหยานเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะหยิบเนื้อของไข่ปฐพีที่เสียบไม้อยู่มากินแก้มเหล้า
ส่วนเมิ่งน้อยนั้นหาได้สนใจไม่
ในขณะที่กำลังลิ้มรสเนื้อของไข่ปฐพีอยู่นี้เอง เฉินเฉียงก็ได้พร่ำบ่นออกมา “ข้าล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าตอนนี้จางหยวนและคนอื่นๆเป็นยังไงกันบ้าง”
หยานเสวี่ยได้จิบเหล้าไปอึกหนึ่งก่อนจะพูดออกมา “เราพึ่งจะแยกย้ายกันมาไม่นานเองนา คงไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากจะเดินทางร่วมกับข้าหรอกนะ”
หยางเสวี่ยพูดออกมาพลางเลิกคิ้วมองไปที่เฉินเฉียง
เฉินเฉียงที่เห็นก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน
ด้วยการที่พวกเขาจับคู่กันแบ่งออกเป็นกลุ่ม นี่ทำให้เฉินเฉียงสัมผัสตัวตนที่แตกต่างของหยานเสวี่ยยามที่อยู่ต่อหน้าทุกคน
และนับวันเขาก็ยิ่งได้เห็นเธอในมุมมองที่แตกต่างมากขึ้น
แน่นอนว่าเฉินเฉียงไม่ได้มีปัญหากับการเปลี่ยนแปลงของหยานเสวี่ยนี้
บางครั้ง เขายังรู้สึกดีกับการเปลี่ยนแปลงของเธอนี่เสียด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะกับตอนที่เขาได้เห็นเธอมาออดอ้อนตนเอง บางที่เขาก็ถึงกับต้องมึนงงไปเหมือนกัน
แต่ในทุกๆครั้งที่เขาเห็นเธอออดอ้อน อีกภาพหนึ่งก็มันจะปรากฏในใจเขาอยู่ร่ำไป
เฮ้ออออ
ในโลกใบนั้น สิ่งที่ร่วงเลยผ่านไปคงไม่อาจหวนคืนได้แล้วกระมัง
เว่ยฉิงเชิน หญิงสาวคนแรกที่ทำให้เขาตกหลุมรักได้นับแต่เข้ามาอยู่ในโลกใบนั้น แถมยังเป็นคนแรกที่เขาได้หมายปองจนเกือบจะได้ครองคู่กัน
นึกไม่ถึงว่าความแค้นของคนรุ่นก่อนจะเป็นเส้นกีดขวางความรักของพวกเขา และดูท่าว่าจะไม่ได้มีวันลงเอยกันอีก
แต่เฉินเฉียงไม่เสียใจในสิ่งที่กระทำไป
ยังไงซะในยุคสมัยแบบนี้ เขาก็ยังคงมีสาวงามในระดับเทียบเท่ากับเว่ยฉิงเชินร่วมทางอยู่
เมื่อหยานเสวี่ยได้เห็นการจับจ้องของเฉินเฉียงนี้ เธอก็ได้ก้มหน้าก้มตาและกัดกินเนื้อไข่ปฐพีโดยไม่พูดไม่จา
ถึงแม้หยานเสวี่ยจะดูผ่อนคลายและเป็นกันเอง แต่ในใจของเธอนั้นกลับยังยึดมั่นในคำสั่งเสียของเฉินเทียนเว่ยที่ตกตาย
แต่กระนั้น เธอเองก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง และเธอเองก็รู้ดีถึงสายสัมพันธ์และหว่างเฉินเฉียงและเว่ยฉิงเชิน ในตอนนี้เมื่อเธอกับเฉินเฉียงอยู่ด้วยกันสองคนตามลำพัง ยามที่เธอเห็นท่าทางของเฉินเฉียงเมื่อครู่เธอก็รับรู้ได้ว่าเฉินเฉียงกำลังนึกถึงสาวงามผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องอีกคนหนึ่ง
มันเป็นความรู้สึกที่อยากจะบรรยาย
มันทั้งสุข เศร้า เห็นใจ และโดดเดี่ยวปนๆกันไป
เธอนั้นยังอดไม่ได้ที่จะคิดว่ายามใดที่เฉินเฉียงหลงลืมเว่ยฉิงเชินไปได้ เธอก็อาจจะอดไม่ได้โศกเศร้าแทนคนทั้งคู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ
และนี่ทำให้ในยามนี้ บรรยากาศโดยรอบของคนทั้งสองตกอยู่ในความเงียบงัน
เมื่อเฉินเฉียงมองไปบนใบหน้าที่นิ่งเรียบของหยานเสวี่ย เฉินเฉียงก็กระแอมออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา แต่ก็ราวกับพูดออกมาคนเดียว “ไม่ใช่ว่าจางหยวนและคนอื่นๆเองก็เข้าไปในสำนักเต๋าของเมืองอื่นเหมือนกันหรอกรึ”
“นั่นเป็นข่าวดีจริงๆ”
“มันจะทำให้พวกเรานั้นหาข้อมูลของราชาจักรพรรดิทั้งสามได้ง่ายขึ้น”
“ตราบใดที่มันทำให้พวกเขาใส่ใจในการพบเจอผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตก็พอ”
หยานเสวี่ยชูมือขึ้นจนเหนือหัวก่อนจะถามออกมาอย่างจริงจัง “ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”
เฉินเฉียงพยักหน้ารับ “หากผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตปรากฏตัวบนโลก ข้าบอกได้เลยว่าแม้แต่ฮูเตี๋ยนก็ยังไม่อาจรับมือได้”
“เจ้าเองก็น่าจะได้เห็นตอนที่สำนักเต๋าดาวตกรับศิษย์เข้าแล้วนี่นา”
“หลี่ฉิงผู้นั้นเพียงแค่ใช้เลือดปีศาจของตนก็สามารถล้มหมูเขี้ยวดาบตนนั้นได้ ถึงแม้ว่าหมูเขี้ยวดาบตัวนั้นจะแข็งแกร่งกว่าอย่างมากก็ตาม”
“แถมนั่นยังทำให้ระดับการบ่มเพาะของตนเองเพิ่มสูงขึ้นในทันที”
“ยังไม่รวมถึงการที่เมื่อได้ฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งได้แล้วยังใช้ซากร่างนั้นสวมคราบร่าง นี่จะทำให้พวกมันน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น”
“ยกตัวอย่างนะ หากว่าหลี่ฉิงพบเจอผู้อาวุโสสูงสุดฮูเตี๋ยนไป เขาจะทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดฮูเตี๋ยนกลายเป็นซากร่างได้ในทันทีที่พบเจอ แถมยังสามารถทำให้เขากลายเป็นซากศพหุ่นเชิดจากการสวมคราบร่างนั้น”
“ถึงแม้จะเป็นซากศพหุ่นเชิดแต่ระดับการบ่มเพาะก็ยังเทียบเท่ากับตอนมีชีวิตอยู่ นี่ยังน่ากลัวไม่พอหรอกเหรอ”
เมื่อหยานเสวี่ยได้ยินแบบนี้ก็เลิกที่จะตะขิดตะขวงใจในความคิดของเฉินเฉียงในทันที
ก่อนหน้านี้แม้ว่าเธอและเฉินเฉียงก็ได้เห็นตอนที่หลี่ฉิงใช้เลือดปีศาจจัดการคู่ต่อสู้มาแล้วกับตา แต่นั่นยังไม่ได้ทำให้เธอขนลุกขนชันเท่ากับตอนที่ได้ยินการยกตัวอย่างของเฉินเฉียงแม้แต่น้อย
เมื่อต้องพบเจอสิ่งมีชีวิตพรรค์นั้น ต่อให้เป็นผู้มีระดับการบ่มเพาะที่สูงล้ำขนาดไหนก็ไร้ประโยชน์
“ดังนั้น หยานเสวี่ย ยิ่งพวกเราข้าใจสถานการณ์ในโลกปีศาจใบนี้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เรารับมือได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น”
“ไม่อย่างนั้น ราชาจักรพรรดิก็คงไม่ตกตายในสถานที่แห่งนี้โดยยังไม่ได้ทำสิ่งใด แม้แต่ซากร่างก็ยังไม่ได้ถูกกลบฝังแบบนี้”
เมื่อเฉินเฉียงพูดออกมา อยู่ๆเขาก็มองไปยังด้านหลังของหยานเสวี่ยพลางแสยะยิ้มละไมออกมา
หลิวเซียงแล้วก็ใครอีกสักคนพบเจอพวกเขาแล้ว
ดูเหมือนว่าสองคนนี้น่าจะเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆเสียกระมัง
หากเป็นเช่นนั้น เขาก็ยินดีที่จะน้อมส่งให้
ไม่นาน หยานเสวี่ยเองก็รับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวจากด้านหลังของตนห่างไปสามลี้ และนี่ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
“สงสัยวันนี้จะเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ” เฉินเฉียงพูดพลางกระดกเหล้าในไหไปอีกอึกใหญ่
สายตาของหยานเสวี่ยเปลี่ยนเป็นเย็นชาก่อนจะพูดออกมา “เจ้าบาดเจ็บอยู่ เดี๋ยวข้าเป็นคนจัดการไอ้สองตัวนี่เอง”
ด้วยการที่ทั้งสองนั้นเป็นเพียงผู้อยู่ในระดับการบ่มเพาะนายพลธรรมดาสามัญ ต่อให้เป็นเฉินเฉียงในตอนนี้ก็ยังจัดการได้ง่ายๆราวกับพลิกฝ่ามือ
แต่กระนั้นเฉินเฉียงก็ส่ายหัวไปมาในทันที “ไม่ต้องหรอก กับคนเฉกเช่นนี้ให้เมิ่งน้อยจัดการไปก็แล้วกัน”
“พวกเราเองแค่อยู่ดูเฉยๆก็พอแล้ว”
หยานเสวี่ยพยักหน้ารับ
เธอเองก็เห็นความสามารถของเมิ่งน้อยมากับตา กับหลิวเซียงนั้นย่อมไม่ใช่ปัญหา
ไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ได้ใกล้เข้ามา
หลิวเซียงและอีกคนหนึ่งได้พุ่งเข้ามาจนสามารถรับรู้ได้ถึงจุดที่อยู่ของเฉินเฉียงและหยานเสวี่ย
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองไม่คิดว่าเมื่อมาถึงก็พบว่าเฉินเฉียงและหยานเสวี่ยกำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนานโดยไม่ใส่ใจต่อสภาพรอบข้าง
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเนื้อของไข่ปฐพีและไวน์ที่หอมหวนนี้จะรสชาติดีเพียงใด แต่เพียงได้กลิ่นเขาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายไปหลากอึกเมื่อได้ดอมดม
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ศิษย์น้องหยานเสวี่ย เจ้าช่างแกร่งกล้านัก”
“แม้แต่ไข่ปฐพีระดับสองที่หาได้อย่างยากยิ่งเจ้าก็ยังได้พบเจอ เจ้านี่ช่างมีโชคมากนัก”
“ว้าว ไวน์อะไรกัน ทำไมมันถึงได้หอมหวนขนาดนี้ ดูๆไปแล้วน่าจะไม่ได้มาจากร้านที่ดีที่สุดของเมืองเฉินหลิวนะนั่น”