ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 354 หลิวเซียงตกตาย
บทที่ 354 หลิวเซียงตกตาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงไม่มีท่าทีจะหลบหรือป้องกัน ใบหน้าของหลิวเซียงก็เปลี่ยนเป็นคลุ้มคลั่งและสาแก่ใจ
เขามั่นใจมากว่าการโจมตีของตนนั้นเพียงพอที่จะทำให้เฉินเฉียงนั้นต้องตกตาย
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเฉินเฉียงนั้นแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเหนือหยานเสวี่ยและเมิ่งน้อย
ใครจะไปคิดว่าเฉินเฉียงเพียงแค่วางท่าวางทางทำตัวโอหังเพื่อข่มขู่เขาเพียงเท่านั้นจึงโดนเขาโจมตีจนตกตายในทีเดียว
เขามั่นใจว่าด้วยระดับการบ่มเพาะระดับนายพลขั้นต้นของเขานั้น ยังไงซะก็ย่อมเหนือกว่านักรบขั้นสูงอยู่หลายขุม
ยังไม่รวมถึงความต่างชั้นของคลื่นพลังในร่างของเขาที่มีอยู่
ยกตัวอย่างเช่นหากนักรบขั้นสูงนับสิบคนออกแรงพร้อมกันจะทำให้กระสอบทรายหนึ่งตันขยับเขยื้อนไปได้หลายเมตร
แต่หากเป็นผู้บ่มเพาะระดับนายพลลงมือ เพียงแค่ดีดนิ้วก็เพียงพอต่อการให้กระสอบทรายนั้นขยับได้ในระยะทางเดียวกัน
ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากความแข็งแกร่งทางร่างกายแล้ว แม้แต่ความเร็ว สติปัญญาและพลังฟ้าดินล้วนแล้วแต่ต่างกันอย่างก้าวกระโดด
นี่จึงทำให้หลิวเซียงมั่นใจอย่างมากว่าการโจมตีของตนนั้นต้องเสียบทะลุหัวของเฉินเฉียงไปได้อย่างง่ายดายและทำให้ตกตายได้ในทันที
แต่หลิวเซียงเองก็นึกไม่ถึงว่าแม้เฉินเฉียงจะไม่มีท่าทีจะหลบเลี่ยงหรือป้องกันกระบี่ของตน กระบี่ของตนก็ไม่อาจพุ่งทะลุผ่านไปถึง ราวกับว่ากระบี่ของเขาได้ปักลงไปในก้อนทองคำจนบังเกิดเสียงกระทบดังแกร้ง
เป็นไปได้ยังไง
หลิวเซียงตกตะลึงและนิ่งอึ้งไป นั่นก็เพราะเขาได้เห็นว่าทั่วทั้งร่างของเฉินเฉียงถูกเคลือบไว้ด้วยสีเงินแวววาว
มันคือเกราะเหล็กไหล
ด้วยการที่มันคือหนึ่งในพลังเหนือมนุษย์ของมนุษย์กลายพันธุ์ทำให้เขาไม่ได้มีโอกาสที่จะได้ใช้พลังนี้สักเท่าไหร่นัก
อีกอย่างคือเขานั้นมีทักษะมากมายที่เหนือกว่าทักษะนี้อยู่มากนัก
แต่ในครั้งนี้ เขานั้นต้องการทำให้อีกฝ่ายสูญเสียความตั้งใจในการป้องกันตัวเองไป เขาจึงคิดว่าวิธีนี้จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เวลามองไปที่หยานเสวี่ยด้วยสายตาที่พร้อมจะครอบครอง มันทำให้เฉินเฉียงรู้สึกไม่ปลื้มอย่างบอกไม่ถูกแบบสุดๆ
หากฆ่าหลิวเซียงให้ตกตายไปเฉยๆแบบนี้ล่ะก็ ความเกลียดชังในใจของเขาก็คงไม่อาจลดทอนหายไป
เมื่อเห็นการกระทำของเฉินเฉียงที่ประหนึ่งต้องการหยอกหลิวเซียงเล่นก่อนฆ่าทิ้ง นี่ทำให้หยานเสวี่ยอดที่จะยิ้มออกมาราวกับรู้ความนัยเสียมิได้
หลิวเซียงที่เห็นฉากนี้ก็ได้นิ่งอึ้งไป
เขาชี้ไปที่เฉินเฉียงและกรีดร้องพูดพร่ำออกมาอย่างสุดเสียง “แก แกเป็นตัวอะไรวะ”
ถูกต้อง
หลิวเซียงได้สติแตกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ต่อให้เป็นผู้ชาย แต่ก็คงไม่อาจจะควบคุมจิตใจในสถานการณ์สุดแสนจะพิศวงตรงหน้านี้ได้
หลิวเซียงได้มองกลับไปหาหยานเสวี่ยราวกับต้องการร้องขอความช่วยเหลือ
“น้องหยานเสวี่ย ผู้…ผู้ติดตามของเจ้ามันไม่ใช่มนุ…”
ก่อนที่หลิวเซียงจะได้พูดจบประโยค เขาก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวต่อความตายอีกครั้งหนึ่ง
นั่นก็เพราะเขาเห็นหยานเสวี่ยที่นั่งมองอย่างไร้อารมณ์ก่อนหน้านั้นทั่วทั้งร่างเปลี่ยนเป็นโลหะสีเงิน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
นี่เขากำลังฝันอยู่รึไง
กระบี่ยาวในมือของเขาเริ่มจับไว้ได้ไม่ค่อยจะอยู่ เฉกเช่นเส้นผมที่ค่อยๆหลุดร่วงราวกับไม่มีแรงจะเกาะ
ไม่
มันต้องเป็นความฝัน
หลิวเซียงที่กำลังตกตะลึงและหวาดผวาได้เขวี้ยงกระบี่ลงพื้นและหันไปอีกทางและวิ่งหนี
แต่ไม่ว่าเขาจะหันไปทางไหน เขาก็เห็นเฉินเฉียงปรากฏอยู่ตรงหน้าไม่ให้หนีไปไหนในทุกทิศทุกทางที่หันไป
“อ๊ากกกกกก”
เป็นตอนนี้ที่หลิวเซียงสติแตกโดยสมบูรณ์จนหมดสติไป
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงก็ไม่ได้มีท่าทีจะทำเป็นเล่นอีกต่อไป เขาหันไปหาหยานเสวี่ยที่มองอยู่แล้วพูดออกมา “หยานเสวี่ย ดูให้ดี”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงได้ยกมือขวาก่อนที่จะชี้นิ้วชี้ของตนไปบนร่างของหลิวเซียง
ถึงแม้จะอยู่ห่างกันสามเมตร แต่เฉินเฉียงก็ได้อาศัยพลังเหนือมนุษย์ ห้านิ้วพิศวง ส่งบอลปีศาจในร่างไปสัมผัสร่างของหลิวเซียงในทันใด
และนี่ทำให้หยานเสวี่ยต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าร่างกายของหลิวเซียงนั้นแห้งเหี่ยวราวกับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมจนแฟบในทันที
เมื่อเห็นว่าหลิวเซียงตกตายไปแล้ว เฉินเฉียงได้ใช้มือขวาไปสัมผัสร่างของหลิวเซียงทำให้อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง
“นี่….”
“อื้ม นี่คือทักษะเฉพาะของสัตว์ปีศาจที่อยู่ในโลกปีศาจ กลืนกินเลือดปีศาจ”
เฉินเฉียงพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะสั่งให้เมิ่งน้อยจัดการซากศพของหลิวเซียงจนหลงเหลือเพียงขี้เถ้า
“เท่าที่ข้ารู้นั้น มีสิ่งเดียวที่พอจะต่อกรกับทักษะกลืนกินเลือดปีศาจนี้ได้ก็คงเป็นเพียงผู้มีทักษะอัคคีเท่านั้น”
“อย่างไรก็ตาม ต่อให้เมิ่งน้อยที่มีสายเลือดธาตุอัคคี แต่เมื่อสัมผัสร่างของสัตว์ปีศาจพวกนี้ หรือแม้แต่การได้พบเจอไอ้พวกบ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตก็ไม่อาจทำอะไรได้เช่นเดียวกัน”
“ดังนั้น หยานเสวี่ย เจ้าต้องจำไว้ให้ขึ้นใจ”
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับการบ่มเพาะเลือดปีศาจ ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม”
“อย่างน้อยๆก็จนกว่าพวกเราจะได้สมุนไพรหมุนเวียนโลหิตมา”
หยานเสวี่ยพยักหน้ารับอย่างแข็งขั้น
เธอนั้นรับรู้เป็นอย่างดีว่าเฉินเฉียงให้คุณค่ากับสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตมากมายขนาดไหน หลังจากได้รับฟังเรื่องราวตอนที่เขาบาดเจ็บกลับมา
และเธอยังรู้อีกว่าสมุนไพรนี้ มีเพียงโลกปีศาจเท่านั้นที่มีมันอยู่
ส่วนเหตุผลที่แท้จริงที่เฉินเฉียงยอมเจ็บหนักนั้นก็เพื่อให้ได้พวกมันมานั่นเอง
ด้วยร่างกายของเฉินเฉียงนั้น เขาไม่จำเป็นที่ต้องเสี่ยงชีวิตไปเก็บสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตเหล่านี้มาแต่อย่างใด
แต่ที่เฉินเฉียงทำแบบนี้นั้น นั่นก็เพราะเธอ ถึงแม้จะต้องบาดเจ็บก็ตาม
เมื่อหยานเสวี่ยนึกได้แบบนี้ เธอเองก็อดที่จะประทับใจไม่ได้
“ไม่ต้องกังวล นับจากนี้ข้าจะใส่ใจในเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
หยานเสวี่ยตอบกลับอย่างเป็นมั่นเหมาะ
หลังจากจัดการเรื่องราวไปได้สองเรื่องในคราวเดียว เฉินเฉียงก็นั่งลงและกลับมาลิ้มรสรสชาติอันแสนโอชะของไข่ปฐพีต่อไปด้วยกันกับหยานเสวี่ย
ท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงบ เฉินเฉียงและหยานเสวี่ยต่างคนต่างก็ตกอยู่ในห้วงความคิดของตน มีบางครั้งที่ทั้งสองหันมาสบตากันบ้างโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่นั่นก็ทำให้เกิดเพียงแค่หลบตากันพร้อมความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจของคนทั้งสอง
ส่วนเมิ่งน้อยที่ไม่ได้แยแสต่อสถานการณ์ก็กระโดดไปมาเล่นนู่นเล่นนี่ตามประสาอย่างสบายอุรา
เช้าวันถัดมา เฉินเฉียงได้ยืนขึ้นพลางบิดขี้เกียจ
เมื่อวาน หลังจากดูดซับพลังงานจากซากร่างไปสี่ครั้ง อาการบาดเจ็บของเขาก็ดีขึ้นมาก เขาคิดว่าหากได้ดูดซับพลังงานจากสัตว์วิญญาณอีกสักตัวก็น่าจะฟื้นคืนร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากเขาได้ปล่อยกระแสจิตออกไปตรวจสอบ เขาก็ไม่ได้พบสิ่งใด
“ไปกันเถอะ ดูเหมือนพวกเราต้องไปกันอีกสักหน่อย”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงทะยานขึ้นฟ้าไปโดยมีหยานเสวี่ยคอยติดตาม
ในป่าที่รกทึบ เฉินเฉียงไม่ได้แสดงท่าทียากลำบากในการตรวจสอบพื้นที่แต่อย่างใด
ด้วยพลังจิตที่แกร่งกล้าของเขา ทั้งผู้คนหรือสัตว์ต่างๆที่อยู่ในระยะร้อยไมล์จะถูกเขาพบเจอได้ในทันทีที่พวกมันคงอยู่ และนี่ทำให้เขานั้นพร้อมจะรับมือได้ทุกเมื่อ
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ต่อให้ยกคนกันมาทั้งสองสำนักเต๋า ก็หาใช่คู่มือเขาไม่
หลังจากที่ทั้งสองบินต่อไปได้อีกหกถึงเจ็ดกิโลเมตร เรียกได้ว่าค้นหาจนเกือบจะหมดเขาแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้พบเจอเป้าหมาย
มันคือสัตว์วิญญาณระดับสอง เต่าคอยาวสามขา
นอกจากคอที่ยาวและขาที่มีเพียงสามขาแล้ว รูปร่างของมันก็ดูเหมือนเต่าทั่วไป เพียงแต่ว่าในความเป็นจริงๆนั้นมันมีพลังการป้องกันที่สูงล้ำและพลังการโจมตีที่ไม่อาจจะคาดเดาได้
นั่นก็เพราะคอที่ยาวเหยียดของมันนั้นสามารถคดเคี้ยวไปมาได้ประดุจดั่งงูตัวหนึ่ง
หากว่าคู่ต่อสู้ของมันนั้นพบเจอมันอย่างกระชั้นชิดและคิดว่ามันเป็นเพียงเต่าพิการตัวเดียวเท่านั้น คู่ต่อสู้ของพวกมันคงต้องโศกเศร้าไปจนกว่าจะถูกมันฆ่าตายในเวลาอันสั้น
แต่เจ้าเต่าคอยาวสามขานี้ยังมีจุดอ่อนหนึ่งอยู่ นั่นคือมันเคลื่อนที่ได้เชื่องช้าอย่างมาก
ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการสัตว์วิญญาณตัวนี้ก็คือการหาชัยภูมิสูงและโจมตีระยะไกลเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากคอที่พริ้วไหวของมัน
แต่กับเฉินเฉียงและหยานเสวี่ยนั้น สัตว์วิญญาณตัวนี้หาใช่สิ่งใดไม่
ไม่นาน เฉินเฉียงก็พาหยานเสวี่ยเข้าไปในอาณาเขตของเต่าคอยาวสามขาแล้วเริ่มลงมือ
ในขณะที่เขาอุ้มเมิ่งน้อยมาลูบหัวเล่นอยู่นี้ เขาได้พูดออกมา “เมิ่งน้อย ตาเจ้าแล้ว”
ถึงแม้เต่าคอยาวสามขานี้จะไม่คณามือของเฉินเฉียงและหยานเสวี่ย แต่จะดีกว่าหากเขาปล่อยให้เมิ่งน้อยเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้บ้าง
หลังจากการต่อสู้เมื่อวานนี้ไปบ้างแล้ว ดูเหมือนว่าเมิ่งน้อยเองก็สามารถลงมือได้โดยไม่ต้องให้สั่งอะไรให้มากความ