ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 355 หลี่เฟิง
บทที่ 355 หลี่เฟิง
ถึงแม้ว่าเมิ่งน้อยจะตัวไม่ได้ใหญ่โต แต่สติปัญญาของมันนั้นกลับเหนือกว่าทั่วไปนัก
ต่อให้เต่าคอยาวสามขาตัวนี้แม้จะไม่ได้แสดงความทรงพลังของมันออกมา แต่เมิ่งน้อยก็ไม่ได้ประมาท มันวิ่งวนเต่าสามขาไปสองสามรอบ ก่อนที่จะหาจังหวะโจมตี
วิธีการโจมตีของเมิ่งน้อยนั้นแม้จะเรียบง่ายแต่ก็ดุดัน มันเรียกได้ว่าเป็นการโจมตีที่ได้ผลดีที่สุดก็ว่าได้เหมือนกัน
ดั่งคำที่ว่า แม้จะเป็นการโจมตีที่ดูเรียบง่ายแต่กลับทรงพลังได้อย่างเลิศล้ำ
แม้เต่าคอยาวสามขานี้จะไม่ได้อ่อนด้อยในเรื่องการโจมตี แต่ด้วยกันที่มันไม่อาจเข้าใกล้เมิ่งน้อยได้ และทำได้เพียงทนรับการโจมตีจากลูกไฟที่พุ่งตรงมาที่กระดองหนาๆของมัน แม้มันดูเหมือนจะไร้ผล แต่ก็ทำให้เต่าคอยาวต้องหดคอที่ยาวยืดของมันเพื่อหลบเปลวไฟที่สาดกระเซ็นออกมา
ไม่นาน เต่าคอยาวสามขาก็ได้ตกตายอยู่ในสภาพที่หดคอและขา มีกระดองของตนนั้นเป็นเตาอบสุกอยู่ข้างในส่งกลิ่นลอยหอมฉุยไปทั่ว
“เมิ่งน้อยนี่ช่างเก่งกาจนัก มามา มาหาแม่เร็วเข้า” หยานเสวี่ยพูดเยินยอพลางส่งแก่นคริสตัลในมือให้เมิ่งน้อย
เฉินเฉียงพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่เลว คราวหน้าถ้าอยากจะกินเนื้อย่าง ข้าจะให้เมิ่งน้อยจัดการให้แล้วกัน ฮ่าฮ่าฮ่า”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงได้เดินไปที่เต่าคอยาวสามขาที่สุกกำลังดีอยู่ในตอนนี้
แต่เพียงเดินไปได้สองก้าว เขาก็ต้องหยุดเท้าลง
เป็นตอนนี้ที่หยานเสวี่ยเองก็มองไปยังป่ารกทึบที่อยู่ตรงหน้า
“ฮี่ฮี่ฮี่ ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะโชคดีอยู่บ้างแฮะ ได้พบเจอผู้คนท่ามกลางป่าแห่งนี้”
หยานเสวี่ยเองได้จ้องมองไปตามทิศทางที่เฉินเฉียงจ้องมองก็ได้พบเจอชายร่างสูงและผอมแห้ง พร้อมใบหน้าที่ซูบตอบที่กำลังเดินเข้ามา
“ฮื้ม”
เมื่อเห็นชายที่ปรากฏตัวขึ้นมา เฉินเฉียงขมวดคิ้วก่อนจะลอบส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณไปหาหยานเสวี่ย “หยานเสวี่ย คนผู้นี้มันมีอะไรแปลกๆ เจ้ากางขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ไว้ซะ”
หยานเสวี่ยพยักหน้ารับพลางกอดเมิ่งน้อยเอาไว้แล้วกางขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ออกไป ถึงแม้ว่ามันจะมีอาณาเขตเพียงครึ่งเมตรก็ตาม
นับจากเฉินเฉียงเผยความลับของขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะของเฉินเทียนเว่ย นี่ทำให้หยานเสวี่ยคอยฝีกฝนอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากผ่านไปได้สักพัก ในที่สุดเธอก็สามารถเรียนรู้ทักษะขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ได้ ถึงแม้ว่าจะมีอาณาเขตเพียงครึ่งเมตรก็ตาม
ถึงแม้มันจะเทียบไม่ได้กับขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเฉินเฉียง แต่มันก็เพียงพอให้เธอสามารถรับมือกับสัตว์ปีศาจยามที่ต้องเผชิญหน้า
เพียงแต่ว่าเธอนั้นไม่อาจจะคงสภาพนี้ไว้ได้นานนักเพราะว่าขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเธอใช้พลังฟ้าดินเป็นพื้นฐาน
นี่จึงทำให้เธอนั้นจะตั้งใจใช้มันเฉพาะเวลาพบเจอภยันตรายเพียงเท่านั้น และหลังจากผ่านพ้นอันตรายไปได้ เธอก็สามารถดูดซับแก่นวิญญาณในการฟื้นฟูได้
เมื่อชายผอมสูงคนนี้เดินมาถึง เฉินเฉียงก็แสดงท่าทางออกมาอย่างประหลาด หนึ่งนั้นเป็นเพราะอีกฝ่ายนั้นใส่ชุดของสำนักเต๋าดาวตก และนี่ทำให้เขารู้ได้แทบจะในทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต
นั้นก็เพราะมีเพียงสำนักเต๋าดาวตกเท่านั้นที่ยินยอมให้ศิษย์นอกของตนเข้าสู่กระบวนการบ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิต และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้น้อยคนนักที่อยากจะเข้าร่วมกับพวกเขา
จะบอกว่าผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตเป็นผู้อยู่บนเส้นทางของหมาป่าเดียวดายก็ว่าได้
ไม่เพียงชายคนนี้จะดูผอมสูงเฉกเช่นเดียวกับหลี่ฉิง แม้แต่คลื่นพลังที่รั่วไหลออกมาจากร่างของเขา เฉินเฉียงก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี
มันเป็นคลื่นพลังของสัตว์ปีศาจ
เฉินเฉียงนั้นได้ข้องแวะกับสัตว์ปีศาจมาอย่างหลายครั้งหลายหนจึงได้คุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี และนี่จึงทำให้เขาต้องเตือนหยานเสวี่ยเอาไว้
หลังจากชายคนนี้เดินตรงมา เขาได้เดินไปยังร่างของเต่าคอยาวสามขา หลังจากมองแล้วว่าโดยรอบไม่มีใคร เขาก็ได้เก็บร่างของมันไว้ในแหวน
เฉินเฉียงกอดอกมองฉากนี้ด้วยสายตาที่เย็นชา แต่เขาก็ไม่ได้หยุดการกระทำของอีกฝ่ายแต่อย่างใด
ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเขานั้นไม่ต้องการดูดซับพลังของเต่าคอยาวสามขา เพียงแค่เขาดูดซับพลังจากซากร่างของมัน เขาก็จะฟื้นฟูสภาพร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
แต่เมื่อชายผู้นี้ได้ปรากฏ เฉินเฉียงก็บังเกิดความคิดอะไรบางอย่าง
แม้ว่าโลกใบนี้จะมีทั้งสิ่งมีชีวิตธรรมดาและสัตว์ปีศาจ แต่ในมุมมองของเขาแล้ว ทั้งสัตว์ปีศาจและผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตต่างก็เป็นสิ่งชั่วร้ายไม่ต่างกัน
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมเขาไม่ลองฆ่าแล้วดูดซับทักษะดูล่ะ
เมื่อชายคนนี้ได้เห็นชุดที่หยานเสวี่ยและเฉินเฉียงสวมใส่ เขาก็ไม่ได้แยแส ราวกับว่าเป็นเพราะชุดที่พวกเขาใส่อยู่นี้ทำให้เขานั้นตัดสินใจปรากฏตัว
หลังจากเก็บร่างของเต่าคอยาวสามขาไปแล้ว เขายังไม่ได้เดินจากไปไหน แต่กลับเดินไปหาหยานเสวี่ย
ถึงแม้หยานเสวี่ยจะกางขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้เอาไว้ และเธอนั้นแข็งแกร่งเพราะเป็นผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับเทียบเท่าราชาขุนพลก็ตาม
แต่ด้วยความโหดร้ายของผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตทำให้เธอเองไม่อยากจะพบเจอคนเหล่านี้เหมือนกัน
นี่จึงทำให้ยามเมื่อเห็นชายผอมกะหร่องคนนี้เดินมาหา เธอได้ก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปหาเฉินเฉียง
และนี่ทำให้ชายผอมกะหร่องคนนี้เผยใบหน้าที่ราวจะถากถาง
“ศิษย์สำนักเต๋าใต้บาดาลงั้นรึ”
ชายผอมกะหร่องได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าราวกับคนที่สูบบุหรี่จัดมานานหลายสิบปี
“เหอเหอเหอ สำนักเต่าใต้บาดาลไม่ได้เก่งกล้าแต่อย่างใดแต่กลับมีสาวงามประดุจเทพธิดาเช่นนี้ได้เสียอย่างนั้น”
“สาวน้อย มากับข้า อย่าให้ข้าต้องลงมือ ไม่งั้นเจ้าจะต้องเสียใจในการกระทำอย่างแน่นอน”
หยานเสวี่ยไม่แยแส พลางหลบซ่อนอยู่หลังของเฉินเฉียงราวกับกำลังหวาดกลัวอยู่จริงๆ
เฉินเฉียงที่เห็นก็จนปัญญา ทำได้เพียงเดินออกไปเผชิญหน้า แล้วพูดออกมาด้วยท่าทางที่ถากถาง
“ไอ้หนู เจ้ามาจากสำนักเต๋าดาวตกงั้นรึ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ชายผอมกะหร่องเลิกคิ้วพลางมองไปยังเฉินเฉียงแล้วตอบออกมาอย่างภูมิใจ “แกรู้แล้วก็ยังคิดจะถามอีกรึ ข้า หลี่เฟิงแห่งสำนักเต๋าดาวตก”
“ในเมื่อแกเองก็น่าจะรู้ว่าข้าเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีสิ่งใดที่ข้าต้องพูดอีกต่อไป”
“หากแกคิดจะขัดขืน แกก็น่าจะรู้ว่าเรื่องจะจบลงยังไง”
“ไอ้หนู หญิงของแกนั้นต้องเป็นของข้า ขยะเช่นแกรีบไสหัวไปให้ไกล”
เมื่อเฉินเฉียงได้ยินคำพูดนี้ เขากลับเลิกคิ้วแล้วหัวเราะออกมา
“หลี่เฟิง ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเป็นอะไรกับหลี่ฉิงกัน”
“ฮื้ม เจ้ารู้จักพี่ชายข้าด้วยรึ” หลี่เฟิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ดูเหมือนว่าพี่ชายของข้าจะมีชื่อเสียงในหมู่คนโง่เขลาสินะ”
“ไม่ต้องตื่นตูมไป ยังไงซะ อีกเพียงไม่กี่เดือนข้างหน้ายามที่สำนักทั้งสองต้องประลองความเป็นใหญ่กัน พี่ชายของข้าจะเปลี่ยนศิษย์มากฝีมือของพวกเจ้าให้กลายเป็นหุ่นเชิดซากศพอยู่ดี”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ต่อให้เจ้าเปลี่ยนคนทั้งสำนักเต๋าใต้บาดาลไปเป็นหุ่นเชิดของเจ้าทั้งหมดมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า”
“แต่ในตอนนี้ สิ่งที่ข้าสนใจก็คือเต่าคอยาวสามขาที่เจ้าด้านหน้าเอาไปเพียงเท่านั้น”
“หลี่เฟิงสินะ”
“ส่งเต่าสามขามาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
เมื่อสิ้นเสียงเฉินเฉียง หลี่เฟิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้วพูดตอบ
“ไอ้เวรนี่ แกนี่ไม่รู้ที่ตายซะแล้ว เป็นเพียงแค่ศิษย์นอกสำนักเต๋าใต้บาดาลแต่ยังมีหน้ามาขัดขืนตัวข้าที่เป็นผู้บ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิตอีกเนี่ยนะ ก็ดี ข้าเริ่มชอบแกแล้ว”
“แต่ผู้ใดที่กล้าขัดขืนข้า มันผู้นั้นต้องตาย”
“จดจำไว้ดีๆว่าในชีวิตนี้ของแก ข้าเป็นผู้พลากมันไปจากเจ้า”
“ไอ้ฉิบหาย ข้าขี้เกียจต่อความยาวกับไอ้ตัวไร้สมองแบบเจ้าแล้วเว้ย”
“ท่านหลี่ที่น่านับถือ ไม่ใช่ว่าเจ้ามันเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตไม่ใช่รึไง”
“ผู้อาวุโสผู้นี้อยากจะเห็นจริงๆว่าไอ้เส้นทางการบ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิตที่เจ้าภูมิใจนักหนานั่นมันจะดีเด่ขนาดไหน”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ยืนกอดอกจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้ามด้วยรอยยิ้มที่ดูแคลน
เมื่อหลี่เฟิงได้เห็นว่าสถานะผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตที่ตนนับถือถูกดูแคลน นี่ทำให้เขาได้ระเบิดอารมณ์ออกมาในทันที
“ไอ้เวรนี่ รน หา ที่ ตาย”