ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 357 สายเลือดยกระดับ
บทที่ 357 สายเลือดยกระดับ
หยานเสวี่ยได้ก้าวเดินตรงไปเพื่อที่จะหยิบแหวนของหลี่เฟิง แต่เธอถูกหยุดเอาไว้โดยเฉินเฉียง
“ให้ข้าเป็นคนทำเอง”
ถึงแม้ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตนั้นจะไม่ได้มีร่างกายที่เมื่อสัมผัสสิ่งใดแล้วส่งบอลเลือดปีศาจเข้าร่างศัตรูเฉกเช่นเดียวกับสัตว์ปีศาจ แต่ก็คงจะมีน้อยคนนักที่จะกล้าสัมผัสร่างของคนที่อยู่บนเส้นทางบ่มเพาะนี้
เฉินเฉียงนั้นไม่ได้แยแสหากต้องสัมผัสร่างของคนเช่นนี้แต่อย่างใด อีกอย่าง เขาจะเป็นคนดูดพลังแทนเสียด้วยซ้ำ
เฉินเฉียงโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือขวาออกไปรูดแหวนจากศพของหลี่เฟิง
ติ้ง ระบบย่อยสลายนักรบขั้นกลางผู้บ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิตสำเร็จ
เจ้าของระบบ: เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดระดับราชาขุนพลขั้นต้น
การหลอมรวมทักษะ: 1
การคัดเลือกทักษะ : 12
ค่าพลังงาน: 94,816,140
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:670
ค่าความแข็งแกร่ง:628
ค่าความเร็ว:475
ค่าพลังจิต:1246
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้างระดับสูง
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: ภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทร ระดับสูง
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน ระดับสูงสุด
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุแบบดั้งเดิม ระดับต้น
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคการยิงธนูของโฮ่วอี้(ผู้ดับตะวัน) ระดับสูงสุด
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: หุ่นเชิดโลหิต ระดับต้น
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: เพลิงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณระดับสูงสุด
ทักษะ: ก้าวย่างสวรรค์ระดับสูง
ทักษะ: ภาษาสัตว์
ทักษะ: แกะรอยด้วยกลิ่น
ทักษะ: เคลื่อนย้ายพริบตาระดับสูงสุด
ทักษะ: สื่อสารไร้สาย
ทักษะ: สะกดจิต ระดับสูงสุด
ทักษะ: สะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ ระดับสูง
ทักษะ: แก่นแท้แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ ระดับต้น
ทักษะ: รอบรู้สมุนไพร
ทักษะ: เพลงดาบลมเฉือน ระดับสูง
ทักษะ: อินทรีย์สยายปีก ระดับสูง
ทักษะ: ควบคุมสายน้ำ ระดับ 8 (ทักษะที่ 1)
ทักษะ: เปลี่ยนรูปลักษณ์ (ทักษะที่ 2)
ทักษะ: ปีกสีเงิน ระดับ 9 (ทักษะที่ 3)
ทักษะ: ซ่อนตัวจากแสง ระดับ 9 (ทักษะที่ 4)
ทักษะ: เกราะเหล็กไหล (ทักษะที่ 5)
ทักษะ: คลื่นเสียงทำลายวิญญาณ (ทักษะที่ 6)
ทักษะ: ขอบเขตจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ขั้นสูง (ทักษะที่ 7)
ทักษะ: คลื่นอัดกระแทก ระดับ 8 (ทักษะที่ 8)
ทักษะ: หมอกครอบคลุม ระดับ 8 (ทักษะที่ 9)
ทักษะ: ผ่ามิติระดับ 9 (ทักษะที่ 10)
ทักษะ: ห้านิ้วพิศวง(ห้านิ้วสะเทือนสวรรค์)ระดับ 9(ทักษะที่ 11)
ทักษะ: ขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ ระดับเรียนรู้(ทักษะที่ 12)
ทักษะ: กลืนกินเลือดปีศาจ
ทักษะ: โลกใบเล็ก ระดับ 3
……
สายเลือด: โกลาหลอาชาไนย(โกลาหลขั้นสูง)
ในทันทีที่เฉินเฉียงดูดซับพลังจากซากร่างของหลี่เฟิงโดยระบบย่อยสลายของเขาแล้วนั้นทำให้อาการบาดเจ็บทั้งหลายที่เขาได้รับจากมหาราชาทั้งหกหายดีโดยสมบูรณ์
ยังไม่หมดแค่นั้น
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือสายเลือดโกลาหลของเขายกระดับเป็นขั้นสูงแล้ว
และหลังจากที่สายเลือดของเขายกระดับเป็นขั้นสูง เลือดปีศาจที่คงอยู่ในร่างของเขานั้นก็ได้ถูกดูซับเข้าไปโดยสายเลือดของเขาอย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้น เฉินเฉียงก็ได้เข้าใจ
หลี่เฟิงนั้นคือผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต เขาต้องได้รับยาสลายเลือดมาก่อน
และยาสลายเลือดนี้ ด้วยการที่มันปรุงมาจากสมุนไพรหมุนเวียนโลหิต นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงสามารถหลอมรวมร่างของตนเข้ากับตัวอ่อนของสัตว์ปีศาจได้ และนี่เองก็ทำให้เขานั้นสามารถหลอมรวมเลือดปีศาจที่อยู่ในร่างเข้าไปในสายเลือดและส่งผลให้เขายกระดับสายเลือดไปได้อีกขั้น
หลังจากเฉินเฉียงดูดซับตัวยาสลายเลือดผ่านซากร่างของหลี่เฟิงนี้ นี่จึงทำให้บอลเลือดปีศาจในร่างของเขานั้นหลอมรวมเข้ากับสายเลือดของเขา มันจึงได้ยกระดับขึ้นมา
เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว เป็นไปได้ว่าหากหยานเสวี่ย จางหยวนและคนอื่นๆสามารถได้รับสมุนไพรหมุนเวียนเลือด ก็เป็นไปได้ว่ายามที่ได้รับบอลเลือดปีศาจ มันจะทำให้สายเลือดของพวกเขายกระดับด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนเคล็ดวิชาหุ่นเชิดโลหิตที่ได้รับมานี้ สำหรับเขามันไร้ประโยชน์เกินไป แน่นอนว่าเฉินเฉียงย่อมไม่ใส่ใจต่อมัน
เมื่อเห็นเฉินเฉียงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน หยานเสวี่ยที่เห็นอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “มีอะไรเหรอ”
“โอ้ ไม่มีอะไร เพียงแค่หลี่เฟิงมันยากจนเกินไปน่ะ มันไม่มีแม้แต่เหรียญม่วงสักเหรียญเลยด้วยซ้ำ”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงได้ในดึงร่างของเต่าสามขาที่สุกกำลังดีจากแหวนของหลี่เฟิงใส่แหวนของตน ก่อนที่จะโยนไว้ที่ร่างของหลี่เฟิงแล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้เมิ่งน้อย
เมิ่งน้อยก็เข้าใจเฉินเฉียงได้โดยไม่ต้องพูดออกมา มันรับรู้ว่าเฉินเฉียงต้องการทำลายร่างนี้ให้สิ้นซาก และมันก็ไม่คิดคัดค้านแต่อย่างใด
“ฮี่ฮี่ฮี่ เอาล่ะ มากินอะไรกันดีกว่า”
เฉินเฉียงนั่งลงก่อนจะนำไหเหล้าออกมาสองไหและเต่าคอยาวสามขาออกมา ก่อนที่จะฉีกเนื้อที่หอมกรุ่นด้วยสองมือ
หยานเสวี่ยก็ทำตามโดยไม่กระดากอายและได้นั่งลงแล้วหยิบเหล้ามาสองไห ก่อนที่จะหันไปจ้องมองเฉินเฉียงแล้วทำให้เธอถึงกับต้องปิดปากด้วยความประหลาดใจ
“อ้ะ เฉินเฉียง เจ้าดูดีขึ้นแล้วนี่ ช่างน่าอัศจรรย์นัก”
“ดูเหมือนว่าเพียงเจ้าฆ่าสัตว์วิญญาณไปสองตัวแล้วมันช่วยให้เจ้าฟื้นคืนอาการบาดเจ็บได้จริงๆ รึเนี่ย”
“แหงแซะ” เฉินเฉียงพูดออกไปโดยไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ถึงแม้หยานเสวี่ยจะสงสัยอยู่บ้างว่าเฉินเฉียงนั้นทำได้ยังไง แต่ตราบใดที่เขาปลอดภัย เธอเองก็ไม่สนใจวิธีการที่เขาใช้แต่อย่างใด
สองมนุษย์ หนึ่งสัตว์ประหลาด ได้ใช้เวลาในเขาม่อกั๋นไปอีกหนึ่งคืน เมื่อรุ่งเช้ามาเยือน ทั้งหมดได้ออกจากเขาไป
แต่ด้วยการที่อาการบาดเจ็บของเฉินเฉียงนั้นหายดีแล้ว พวกเขาจึงไม่ต้องใช้พาหนะอื่นใดอีก
ทั้งสองเดินทางไปด้วยความเริงร่า และเพียงสองวัน ทั้งสองก็ได้กลับไปยังเขาเทียมฟ้า
ด้วยการที่การเดินทางนี้เป็นการนำภารกิจมาอ้างแต่ในความจริงนั้นเป็นการเดินทางไปเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเฉินเฉียง นี่ทำให้เมื่อทั้งสองกลับมายังสำนักเต๋าใต้บาดาล หยานเสวี่ยจึงไม่คิดจะไปยังหอภารกิจ
หลังจากเข้าห้องพักของตนไปแล้ว ทั้งสองก็เข้าสู่การเก็บตัวบ่มเพาะ
แต่เพียงหนึ่งคืน เฉินเฉียงก็ต้องวิ่งหน้าตาตื่นไปหาหยานเสวี่ยที่ห้อง
“หยานเสวี่ย ดูเหมือนว่าเจ้าต้องเรียนการปรุงยาให้ได้จริงๆแล้วล่ะ”
“ห้ะ แล้วทำไมข้าต้องทำด้วย ข้าไม่ได้มีความสามารถแบบเจ้าสักหน่อยนี่นา”
เมื่อเห็นว่าหยานเสวี่ยไม่คิดสนใจในเรื่องนี้ เฉินเฉียงจึงได้ไปนั่งตรงหน้าเธอพร้อมดวงตาที่เปล่งประกายแล้วพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“หยานเสวี่ย ข้าพึ่งค้นพบความลับมา”
“ไม่เพียงสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตที่มีเฉพาะในโลกปีศาจนี้จะสามารถป้องกันเจ้าจากการกลืนกินของเลือดจากสัตว์ปีศาจแล้ว มันยังเพิ่มระดับสายเลือดของเจ้าได้จากการดูดซับเลือดของปีศาจพวกนั้นอีก”
“เจ้ารู้ไหมว่านั่นมันสำคัญแค่ไหน”
“มันสำคัญอย่างมาก หากว่าสายเลือดของพวกเราได้รับการยกระดับ มันจะช่วยพวกเราอย่างมากที่ใช้ขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้”
เหตุผลที่ทำไมเฉินเฉียงรีบมาหาหยานเสวี่ยนั้นก็เพราะว่าเมื่อคืนยามที่เขาบ่มเพาะ เขารู้สึกได้ว่าหลังจากที่สายเลือดโกลาหลของเขาได้ยกระดับแล้วทำให้เขาสามารถเรียกใช้ขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ได้เร็วกว่าเดิมถึงสองเท่า
แถมเพียงแค่คืนเดียวเขาสามารถขยายขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาไปได้ถึงห้าเมตร
หากเป็นอย่างนี้ เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน เขาจะสามารถควบคุมโลกใบเล็กของเขาได้อย่างสมบูรณ์
และนี่จะทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลาในการบ่มเพาะมากมาย แล้วยังสามารถดูดซับแก่นวิญญาณเพื่อช่วยขยายพื้นที่โลกใบเล็กของเขาไปควบคู่กัน
แต่ต่อให้เขาไม่ได้ดูดซับแก่นวิญญาณเข้ามา แต่ตราบใดที่เขาสามารถควบคุมโลกใบเล็กที่หลอมรวมเข้ากับโลกใบเล็กของเฉินเทียนเว่ยไปแล้ว นั่นจะทำให้เขานั้นเป็นราชาขุนพลขั้นกลางได้
เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้เขาต้องพบเจอกับราชาจอมพลขั้นต้นสองคน ต่อให้ไม่ต้องใช้ทักษะต่างๆเขาก็ยังสามารถจัดการได้อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาสามารถทำได้นั้นเป็นเพราะร่างกายของเขาพิเศษกว่าใคร
ส่วนกับหยานเสวี่ย จางหยวนและคนอื่นๆนั้น เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีผลลัพธ์ดีขึ้นถึงขนาดไหน
แต่ในเมื่อมันมีความเป็นไปได้ที่ดี แล้วทำไมถึงจะไม่ลองดูกันล่ะ ต่อให้มันอาจจะเป็นเฉพาะกับเขาแต่ถ้ากับคนอื่นมันเกิดได้ขึ้นมาย่อมดีกว่าไม่ใช่รึ
ถึงแม้เฉินเฉียงจะแสดงออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี แต่หยานเสวี่ยกับมีท่าทางที่ไม่แยแสแม้แต่น้อย
“ถึงสิ่งที่เจ้าพูดมันจะดูเป็นไปได้ แต่ยังไงซะพวกเราก็ต้องหาสมุนไพรนั่นให้ได้ก่อนไม่ใช่รึไง”
“แล้วก็ ถึงแม้ข้าจะไม่ชอบไอ้การปรุงยานี่อะไรนัก แต่หากมีเวลา ข้าจะลองฝึกๆไว้ก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉินเฉียงก็รีบพูดออกมา “เพื่อการนั้น ข้าจะให้เจ้าเข้าไปบ่มเพาะฝึกฝนในโลกใบเล็กของข้า”