ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 363 ประมือ
บทที่ 363 ประมือ
ถึงแม้เฉินเฉียงจะไม่ได้ใส่ใจท่าทางของเฉิงยี่ แต่หยานเสวี่ยหาใช่ไม่
“ไอ้หมาแก่ แกจะพูดอะไรกัน”
หยานเสวี่ยจ้องตอบอย่างเย็นชา ไร้ซึ่งความกลัวใดๆ
ท่าทางของเธอนั้นทำให้แม้แต่ผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนก็ยังต้องพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ พวกเขานั้นรู้สึกมีความสุขที่ได้รับศิษย์ที่ห้าวหาญเช่นนี้เข้ามาในสำนัก
อย่างไรก็ตาม หยานเสวี่ยนั้นยังเป็นเพียงศิษย์นอก เป็นธรรมดาที่ผู้อาวุโสจากสำนักแบบสำนักเต๋าดาวตกนั้นต้องแสดงออกมาอย่างไร้สกุลรุนชาติยิ่งกว่าตอนพูดกับผู้อาวุโสต่างสำนักเช่นพวกเขาเสียอีก
ด้วยการที่หลี่ฉิงนั้นคือศิษย์ภายในของสำนักเต๋าดาวตก เป็นธรรมดาที่เจิ้งฮูเชิงและเฉิงยี่ต้องเออออตามไปเพื่อให้สามารถว่ากล่าวตักเตือนเขาได้บ้าง
แต่กลับหยานเสวี่ยที่เป็นศิษย์ภายนอกของสำนักคู่แข่ง กลับกล้าแข็งข้อกับเขาในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เฉิงยี่จะพยายามฆ่าเธอในตอนนี้ ผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนย่อมไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น
ถึงแม้เฉิงยี่จะโกรธ แต่เขาก็ไม่เสียสติพอที่จะไปทำร้ายศิษย์ผู้หญิงตัวน้อยๆที่เป็นศิษย์นอกเช่นนี้
นั่นก็เพราะเฉิงยี่ยังกลัวตัวเองเสียหน้าเกินกว่าที่จะลงมือทำ แต่เขาก็ยังมีคนคนหนึ่งที่เหมาะจะสั่งสอนศิษย์นอกผู้หญิงคนหนึ่งเป็นอย่างดี
นั่นก็คือหลี่ฉิง
ในฐานะที่เป็นศิษย์รักของเฉิงยี่ เมื่ออาจารย์ของตนถูกทำให้เสียหน้าต่อหน้าผู้คนต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ ในฐานะผู้เป็นศิษย์ เขาย่อมไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยไม่ทำสิ่งใด
“นังสารเลว รนหาที่ตาย”
เมื่อพูดจบ หลี่ฉิงชักดาบออกมาจากเอวแล้วพุ่งตรงไปหาหยานเสวี่ยด้วยความเร็วราวกับประกายแสง
ต่อให้หยานเสวี่ยจะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่หลี่ฉิงที่เป็นเพียงระดับนักรบขั้นสูง ย่อมไม่อาจทำอะไรเธอได้
แต่นับแต่ที่ได้เข้าโลกปีศาจมา นิสัยของหยานเสวี่ยราวกับจะเปลี่ยนไป ราวกับว่าเธอนั้นต้องพึ่งพิงเฉินเฉียงมากขึ้นเรื่อยๆ และนี่ทำให้เธอรีบเข้าไปหลบอยู่หลังเฉินเฉียง
ในคราวนี้เขาหาได้ปฏิเสธไม่
ในฐานะผู้ติดตาม นี่เป็นเวลาอันดีที่จะได้แสดงความสามารถต่อผู้เป็นนาย
และนี่ทำให้เมื่อเห็นหลี่ฉิงพุ่งตรงเข้ามา แหวนของเฉินเฉียงก็แวววาวไปเล็กน้อยพร้อมกับดาบดั้นเมฆที่ได้ปรากฏ และด้วยการฟันเพียงครั้งเดียวของเขาได้ตัดกระบี่ของหลี่ฉิงจนหักสะบั้น พร้อมร่างที่รอยละลิ่วไปพร้อมลูกเตะของเขา
แม้จะเกิดขึ้นตรงหน้าของผู้บริหารทั้งสองสำนัก แต่มันก็รวดเร็วจนไม่มีใครตามทัน
เฉิงยี่ในตอนนี้ทำได้เพียงพยุงร่างของหลี่ฉิงที่บาดเจ็บสาหัสพลางเช็กอาการของเขา ก่อนที่จะค่อยๆวางร่างลงพื้นแล้วหันไปมองที่เฉินเฉียงอย่างเดือดแค้น “ไอ้เวรตะไล แกนี่มันจะกล้าเกินไปแล้ว มีความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยแต่กล้าที่จะทำร้ายศิษย์ของข้าจนได้รับบาดเจ็บ”
เฉินเฉียงได้เก็บดาบดั้นเมฆไปก่อนจะพูดออกมาด้วยหน้าที่แสดงออกมาว่ากำลังสมเพช “ข้าก็คิดว่าลูกเตะของข้าจะทำให้กระดูกมันหักนะนั่น สงสัยข้าคงต้องใส่ใจการบ่มเพาะแล้วจริงๆ”
“ไอ้เด็กโอหัง” เฉิงยี่เมื่อได้ยินก็เดือดจัด พร้อมกับปลดปล่อยพลังฟ้าดินจากในร่างจนแผ่กลิ่นอายที่ราวกับโหดร้ายออกมา
เจิ้งฮูเชิงที่ยืนอยู่ข้างๆได้หยุดเฉิงยี่ไว้ในทันที หลังจากจ้องมองไปที่เฉินเฉียงด้วยสายตาแปลกๆ เขาก็ได้พูดออกมา “พี่ฉี ดูเหมือนว่าสำนักของท่านนั้นจะเต็มไปได้อัจฉริยะผู้ลี้ลับนัก”
“เพียงแค่ผู้ติดตามของศิษย์นอกที่มีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำต้อยกลับแสดงออกมาได้อย่างทรงพลัง นี่ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”
อย่าว่าแต่เจิ้งฮูเชิงและเฉิงยี่เลย แม้แต่ผอ.ฉีและหลิวฉิงก็ยังถือได้ว่าเปิดหูเปิดตา
นี่สำนักของพวกเขามีอัจฉริยบุคคลแบบนี้อยู่ด้วยงั้นรึ
ไอ้ฉิบหาย
ใครกันที่เป็นคนคัดเลือกศิษย์ถึงได้ปล่อยผ่านอัจฉริยะแบบนี้ไปได้ฟะ
มันทำให้เขาพวกเขาเกือบที่จะปล่อยให้ศิษย์นอกที่ล้ำค่าต้องหลุดลอยออกไปแล้ว
เท่าที่พวกเขาดู เฉินเฉียงนั้นอายุเพียงยี่สิบสองไม่ก็ยี่สิบสาม อย่าว่าจะได้เป็นศิษย์นอกเลย เขายังเป็นเพียงแค่ผู้ติดตามของหยานเสวี่ยอีก
เมื่อคิดแบบนี้ ผอ.ฉีก็ได้ออกหน้ามาพูดอย่างไม่ลังเล
กลับเด็กที่มีทักษะสูงล้ำเช่นนี้จะปล่อยให้เป็นอะไรได้ยังไงกัน
“หึหึหึ พี่เจิ้ง ข้าต้องขอโทษแทนเขาด้วยแล้วกัน”
“ข้าขอบอกตรงๆว่าพวกเราเองก็วางตัวเฉินเฉียงเป็นศิษย์ภายในอยู่น่ะ พอดีเรากำลังจัดสรรตำแหน่งภายในอยู่จึงทำให้เขาต้องรออยู่ในสถานะนี้ไปก่อน”
เมื่อหลิวฉิงหยุนได้ยินก็อดที่จะรอบยกนิ้วโป้งให้ผอ.ฉีเสียมิได้
นั่นก็เพราะการได้พบเจอศิษย์เช่นนี้จนสามารถได้รับเข้าในสำนัก พวกเขาในฐานะผู้ดูแลสำนักย่อมได้หน้าไม่มากก็น้อย
เจิ้งฮูเชิงเมื่อได้ยินก็อดที่จะมุมปากกระตุกขึ้นมาไม่ได้เช่นเดียวกัน
อย่าว่าแต่สำนักใต้บาดาลเลย แม้แต่สำนักเต๋าดาวตกเองหากได้รับศิษย์ที่เปรียบได้ดั่งเมล็ดพันธุ์ชั้นลิศแบบนี้แล้ว ตัวเขา เจิงฮูเชิงนั้นก็เปรียบคนเช่นนี้ราวกับสมบัติล้ำค่าเช่นเดียวกัน
แต่ในเมื่อผอ.ฉีนั้นลั่นปากออกมาซะขนาดนี้ ต่อให้เขานั้นร่วมมือกับเฉิงยี่เพื่อชิงตัวเฉินเฉียงมา นั่นเป็นการประกาศศึกกับสำนักเต๋าใต้บาดาลออกมาอย่างเต็มตัว
เฉิงยี่เองก็เข้าใจในเรื่องนี้ แต่ด้วยนิสัยของเขา แต่เพียงได้ยินคำพูดนี้ของผอ.ฉีก็อดจะสบถออกมาไม่ได้ ก่อนที่จะจับจ้องสายตาอยู่ที่เฉินเฉียงอย่างไม่ละสายตาราวกับพร้อมจะจับกินได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉิงที่พึ่งได้รับบาดเจ็บเพราะเฉินเฉียงนั้นก็ได้ปาดเลือดที่มุมปากพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่แสยะออกมา
“หึหึหึ เฉินเฉียงสินะ ในเมื่อแกเป็นศิษย์ทางการของสำนักแล้วล่ะก็ ในการประลองครั้งหน้า แกและข้ามาประลองกัน”
“ข้า หลี่ฉิง ขอสาบานว่าในการประลองที่จะมาถึง แกจะตายอย่างไร้ที่ฝัง ร่างของแกข้าจะเปลี่ยนมันให้เป็นหุ่นเชิดโลหิตให้หมดสิ้น ต่อให้แกตกตาย ข้าก็จะทำให้แกข้าทาสไปตลอดกาล”
ถึงแม้หลี่ฉิงจะไม่ใช่คู่มือของเฉินเฉียงในตอนนี้ แต่ก็ไม่มีใครสงสัยเลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนเกี่ยวกับคำพูดที่เขากล่าวด่าทอสาปแช่งออกมา
ยังไงซะหลี่ฉิงนั้นก็คือผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต
ตราบใดที่ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตไม่ตกตาย พวกเขาสามารถทำอะไรให้เกิดขึ้นได้อย่างไม่อาจคาดเดา
และในการต่อสู้เมื่อครู่ หลี่ฉิงยังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาในฐานะผู้บ่มเพาะบ่นเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตแต่อย่างใด
และในการต่อสู้ครั้งหน้า เฉินเฉียงยังจะมีโอกาสชนะได้เช่นนี้อีกรึ
ผอ.ฉีที่พึ่งจะประกาศรับเฉินเฉียงเข้าเป็นศิษย์ภายในนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองเฉินเฉียงด้วยความรู้สึกกังวลแทนเมื่อได้ยินคำท้าทายนี้
เฉินเฉียงนั้นแต่เดิมก็คิดจะปล่อยเรื่องคำท้านี้ของหลี่ฉิงให้เลยผ่านไป
แต่ยังไงซะเขาเป็นคนฆ่าน้องชายของหลี่ฉิง แถมหลี่ฉิงยังกล้าประกาศต่อหน้าธารกำนัลว่าจะทำเขาให้เป็นหุ่นเชิดซากศพอีก
ถึงแม้ด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นต่อให้อยู่ต่อหน้าผู้บริหารจากทั้งสองสำนักแบบนี้ เขาก็สามารถใช้พลังจิตของตนฆ่าหลี่ฉิงได้โดยไม่มีใครจับต้นชนปลายถูก
แต่เขานั้นต้องการจะเหยียบย่ำไอ้ความโอหังของหลี่ฉิงให้กลายเป็นจุณก่อนให้ตกตายไป
นี่ทำให้เขาจ้องมองไปที่หลี่ฉิงด้วยสายตาที่เย็นยะเยียบแล้วพูดออกมา “ก็ถ้าแกรอดไปถึงตอนนั้นได้ล่ะก็ ข้าจะประลองกับเจ้าด้วยก็ได้”
เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงยอมรับคำท้าดวล หลี่ฉิงก็ยืนขึ้นอย่างช้าๆก่อนที่จะกำแหวนของหลี่เฟิงไว้ในมือแน่นและตะโกนออกมา “น้องชาย ต่อให้ข้าต้องตกตาย พี่ชายคนนี้ก็จะหาตัวฆาตกรฆ่าเจ้าให้พบแล้วแก้แค้นให้เจ้า”
เมื่อเฉิงยี่ได้เห็นฉากนี้แล้ว เขาก็ได้เดินไปเรียงเคียงกับเจิ้งฮูเชิงแล้วถามออกมา “เจ้าสำนัก แล้วเรื่องหลี่เฟิงนี่เราไม่ต้องทำอะไรแล้วรึ”
“ทำอะไร…ยังไงล่ะ” เจิ้งฮูเชิงเองนั้นเข้าใจในตัวเฉิงยี่เป็นอย่างดี เขารู้ว่าที่เฉิงยี่ถามออกมานั้นไม่ใช่เป็นการเห็นแก่ศิษย์ของตน แต่เป็นหาโอกาสเอาคืนสำนักเต๋าใต้บาดาล
“ในตอนนี้คนของทั้งสองสำนักมาอยู่ที่นี่แต่พวกเราก็ไม่ได้พบร่องรอยอะไร บอกสิว่าจะให้ข้าทำยังไงต่อ”
“แต่….” เฉิงยี่เองแม้อยากจะพูดแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา เขาทำได้เพียงมองไปที่หลี่ฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยท่าทางที่อับจนหนทาง