ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 368 หวู่ซง
บทที่ 368 หวู่ซง
เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้หล่อลากดินนี้ เหล่าศิษย์สองคนที่อยู่ในแผนกปรุงยาเมื่อได้ยินคำถามนี้ก็ได้ชูนิ้วกลางใส่พลางสบถออกมา “ไอ้ฉิบหาย ไอ้ตาเข ทำมาเป็นปากดี”
“ในแผนกของเราก็มีเพียงผู้อาวุโสเฉินเท่านั้นล่ะเว้ยที่อยู่ในระดับม่วงน่ะ แต่หากเจ้าพูดออกมาแบบนี้ไม่ใช่ว่านางเองจะเป็นยอดคนของแผนกเราเลยรึไงกัน”
“ก็ไม่เชิงนะ” ชายใส่แว่นส่ายหน้าไปมา “ในตอนนั้นนางมีดีเพียงพลังจิตที่โดดเด่นเท่านั้นไม่ได้มีสิ่งอื่นใดอีก”
“นางไม่รู้แม้กระทั่งตัวยาง่ายๆหรือการปรุงยาแต่อย่างใด”
“อ่ะนะ ส่วนใหญ่ก็เป็นกันเช่นนั้นแล” ศิษย์ทุกคนต่างก็พยักหน้ายอมรับอย่างง่ายดาย
นั่นก็เพราะหากหยานเสวี่ยไม่เพียงจะมีพลังจิตที่สูงล้ำแล้วยังมีความรู้ในด้านตัวยาอีกล่ะก็ เธอนั้นควรจะไปสมัครเข้าสำนักเต๋าในภูมิภาคกลางที่ใหญ่กว่าสำนักเต่าบ้านนอกแบบนี้ แถมดีไม่ดีจะกลายเป็นศิษย์ภายในตรงเลยด้วยซ้ำ
พวกเขาก็ทำได้เพียงหวังว่าหยานเสวี่ยนั้นจะพอปรุงยาได้จะได้เข้ามาเป็นศิษย์น้องหญิงของพวกเขาได้เชยชมในทุกๆวัน
นั่นก็เพราะหากว่าได้ยลโฉมสาวงามแบบนี้ในทุกๆวันแล้ว ไม่มีใครที่คิดปฏิเสธอย่างแน่นอน
แต่ก็อีกนั่นแหละ หากหยานเสวี่ยกลับกลายเป็นผู้มีความสามารถในการปรุงยาที่สูงล้ำขึ้นมา นั่นย่อมเป็นการดึงดูดสายตาที่ริษยาและชิงชังอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกเขานั้นยอมรับเพียงแค่รูปโฉมของเธอเท่านั้นหาได้ยอมรับในฝีมือไม่
แต่ก็ไม่แปลกแต่อย่างใด
อย่าว่าแต่แผนกปรุงยาเลย แผนกอื่นๆอย่างแผนกวิชายุทธก็เป็นแบบนี้
ศิษย์คนใดก็ตามที่เข้ามาเป็นศิษย์ภายในนั้นยิ่งอ่อนแอยิ่งดี นั่นก็เพราะพวกเขาจะใช้โอกาสนี้ในการใกล้ชิดคนที่หมายปองเอาไว้ รวมไปถึงการยกระดับสายสัมพันธ์และให้โอกาสพวกเขาทำอะไรพิเศษด้วยกัน
แต่หากหยานเสวี่ยนั้นดีเด่นไปเสียทุกทาง ไม่เพียงพวกเขาจะหมดโอกาสแล้ว เธอจะเป็นฝ่ายกดขี่พวกเขาแทนด้วยซ้ำ
นี่จึงทำให้หลังจากที่ได้รับความกระจ่างจากชายใส่แว่นผู้นี้ เหล่าศิษย์ภายในของแผนกปรุงยาต่างก็ถอนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ก็ดี พวกเราจะคอยดูการสอบของเธอในตอนเย็น ถ้าดูจากครั้งที่ผ่านๆมาแล้ว แผนกแรกที่จะมีการสอบก็ต้องเป็นแผนกหุ่นเชิดโลหิตสินะ”
“แผนกหุ่นเชิดโลหิตมีอะไรน่าดูกัน”
“พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนา การได้รับรู้คนของแผนกนั้นเอาไว้บ้างย่อมไม่เสียหลาย มันจะดีกว่าหากพวกเราจดจำคนที่ผ่านไว้ให้ดี ยามที่ได้พบเจอเมื่อพวกเขาเข้าร่วมเป็นศิษย์ภายในไปแล้วจะได้หลีกเลี่ยงปัญหากับคนเหล่านี้ไว้ได้”
ศิษย์ในที่เข้ามาในครั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาต้องการรู้จักหน้าค่าตาของผู้ได้รับสิทธิพิเศษอย่างหยานเสวี่ยและเฉินเฉียงเอาไว้ก็เท่านั้น
แต่ด้วยการที่มันเป็นรอบการสอบ จึงทำให้มีการสอบศิษย์แผนกอื่นด้วยเช่นกัน
โดยระดับขั้นการสอบจะเป็นแผนกหุ่นเชิดโลหิต ตามด้วยแผนกปรุงยา แผนกวิชายุทธ และแผนกวัตถุวิญญาณ
และนี่จึงทำให้เฉินเฉียง หยานเสวี่ย และศิษย์คนอื่นของแผนกปรุงยาที่ต้องการลงสนามสอบทำได้เพียงรอคอยอยู่ข้างๆเพียงเท่านั้น
นั่นก็เพราะหากศิษย์นอกผู้ใดต้องการจะสอบเข้าเป็นศิษย์ใน คนผู้นั้นต้องมาดำเนินการต่างๆด้วยคนเอง แต่ก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
แต่ถึงจะอย่างนั้น ผู้ที่ลงสอบก็ไม่ได้มีจำนวนมากมายนักในทุกๆปี
นั่นก็เพราะทุกคนต่างก็รู้ขีดจำกัดของตนเอง
หากไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งจริงแล้วลงสนามสอบล่ะก็ ไม่เพียงจะเสียหน้าเท่านั้น แต่คนเหล่านั้นจะถูกถากถางอยู่เป็นนิจ ยามที่อาศัยอยู่ในเขตแผนกนอก
เฉกเช่นศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตที่โดนถากถางอยู่เป็นประจำ ด้วยการที่แต่เดิมศิษย์แผนกนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับสำนักเต๋าดาวตกอยู่แล้ว คนที่ต้องการบ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตจริงๆนั้นล้วนแล้วแต่เลือกสำนักเต๋าดาวตกกันทั้งหมดทั้งสิ้น แม้จะมีคนที่เข้ามาในแผนหุ่นเชิดโลหิตของสำนักเต๋าใต้บาดาลอยู่บ้าง แต่คนเหล่านั้นคือผู้ที่ถูกปฏิเสธจากสำนักเต๋าดาวตกทั้งนั้น
และนี่จึงทำให้ในครั้งนี้มีเพียงผู้เดียวที่ต้องการสอบเข้าเป็นศิษย์ภายใน และคนผู้นี้ก็ได้เข้าร่วมกับสำนักเต๋าใต้บาดาลพร้อมๆกับเฉินเฉียงเมื่อสามเดือนก่อน
ท่ามกลางการกระซิบกระซาบของผู้คน ชายร่างผอมเพรียวแต่ดวงตาโหดร้ายได้เดินเข้ามาในสนามสอบ
“ศิษย์ภายนอก หวู่ซง ขอรับการทดสอบเข้าเป็นศิษย์ภายในแผนกหุ่นเชิดโลหิต”
เมื่อเดินมาถึงกลางสนาม หวู่ซงได้ป้องมือและลั่นความต้องการของตนออกมา
บนที่นั่งของผู้บริหาร ชายวัยกลางคนที่ดูหน้าตาธรรมดาได้ยืนขึ้นและมองไปที่หวู่ซงด้วยสายตาที่เย็นชา “ตามกฎของสำนัก ศิษย์ผู้ใดที่ต้องการสอบเข้าแผนกหุ่นเชิดโลหิตต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหนึ่งร้อยเหรียญม่วงเพื่อรับการสอบ หวู่ซง ส่งค่าธรรมเนียมมา”
หวู่ซงกัดริมฝีปากของตนก่อนจะหยิบถุงเงินในกระเป๋าออกมาแล้วเดินไปยังโต๊ะผู้บริหารแล้ววางถุงเงินลงไป
เป็นตอนนี้ที่ชายวัยกลางคนได้โยนเม็ดยาสีดำใส่มือของหวู่ซงแล้วพูดออกมา “หวู่ซง เจ้าจงคิดให้ดี ทางเลือกนี้ของเจ้าอาจต้องแลกมาด้วยชีวิต”
หากเขาสำเร็จ เส้นทางของเขาจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ
แต่หากเขาทำไม่สำเร็จ เขาจะไม่มีชีวิตไว้เลือกเส้นทางใดๆอีกต่อไป จะมีเพียงดินกลบหน้าเพียงเท่านั้น
“ไม่มีทางเลือกอื่นใดสำหรับข้าผู้นี้แล้ว”
“ข้าขอขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่กล่าวเตือน ศิษย์ผู้นี้เข้าใจความเสี่ยงนี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย หวู่ซงจะไม่นึกเสียใจในสิ่งที่เลือก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับอย่างพอใจ “ดี หวู่ซง ข้าชื่นชมในความทระนงของเจ้า”
“อย่าได้เป็นกังวลไป หากเจ้าสามารถข้ามแม่น้ำแห่งความตายไปได้ ข้าสัญญาว่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ของตนและชี้แนะเจ้าจนกว่าตัวเจ้าจะเป็นดอกบัวที่เบ่งบาน”
ถึงแม้สำนักเต๋าใต้บาดาลแห่งนี้จะไม่ได้มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับสำนักดาวตกบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต แต่ตราบใดที่เจ้าผ่านพ้นมันมาได้ ทรัพยากรที่เหลือเฟือของสำนักเราพร้อมจะให้เจ้าได้ใช้ชนิดที่แม้แต่ศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตของไอ้พวกดาวตกนั่นก็ยังต้องอิจฉา
เมื่อพูดจบ ชายวัยกลางคนได้ยกมือให้สัญญาณ และนี่ทำให้หวู่ซงถอยกลับไปยังกลางสนามสอบเช่นเดิม
ท่ามกลางศิษย์สำนักต่างๆที่รอคอยรอบการสอบของตนนี้ เม่ยซินถามออกมาอย่างประหม่า “พี่ใหญ่หลี่กวง ไหนท่านบอกว่าการสอบเข้าศิษย์ภายในไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆนี่นา”
“แล้วทำไมหวู่ซงถึงต้องจ่ายเงินตั้งหนึ่งร้อยเหรียญม่วงด้วยล่ะ”
“ราคานั่นเทียบเท่ากับเศษเสี้ยวแก่นวิญญาณเลยนะ”
“หากข้ารู้อย่างนี้ข้าคงไม่มาหรอก”
“น้องเม่ยซิน ใจเย็นๆก่อนนะ ฟังข้าพูดก่อน”
“ในสำนักเต๋าใต้บาดาลของพวกเรานั้นมีเพียงการสอบเข้าของศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตเท่านั้นที่เสียค่าธรรมเนียมนี้ในขั้นต้น”
“และนั่นก็คือราคาของยาที่ผู้อาวุโสเฉียนมอบให้หวู่ซง”
“ข้าได้ยินมาว่ายานั่นเม็ดหนึ่งก็ราคาอย่างน้อยๆก็ห้าสิบแก่นวิญญาณเข้าไปแล้ว และเหตุที่ทางสำนักต้องเก็บเงินถึงหนึ่งร้อยเหรียญม่วงนั้นเป็นเพียงเพราะการกระตุ้นเตือนความคิดให้กับศิษย์เหล่านี้”
“แต่หากหวู่ซงทำสำเร็จ หนึ่งร้อยเหรียญม่วงนั่นจะถูกส่งคืนให้ในทันที”
“ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมทางสำนักถึงต้องทำแบบนี้เป็นเพราะพวกเขาต้องการให้ศิษย์พี่ที่ต้องการเดินบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตนั้นคิดให้ดี นั่นก็เพราะไม่เพียงพวกเขาจะต้องเสี่ยงชีวิตแล้ว พวกเขายังต้องเอาหลักประกันในชีวิตมาเสี่ยงไปด้วย”
“นั่นมันเม็ดยาอะไรกัน ทำไมถึงได้มีราคาถึงห้าสิบแก่นวิญญาณกันน่ะ”
“ได้ยินว่าเป็นยาสลายเลือดที่ใช้เฉพาะในแผนกหุ่นเชิดโลหิตนะ ด้วยการที่ตัวยาของมันล้ำค่ามากทำให้ในทุกๆปี สำนักเต๋าของพวกเราได้รับมันมาเพียงห้าเม็ดเท่านั้น”
ด้วยการที่สำนักของเราไม่ได้มีชื่อเสียงในเส้นทางบ่มเพาะนี้จึงทำให้พวกเราได้ยามาในจำนวนไม่เท่ากัน และนี่จึงเป็นเหตุผลให้สำนักเต๋าดาวตกกล้าที่จะคัดเลือกศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตของตนโดยการให้หลอมรวมเข้ากับตัวอ่อนของสัตว์ปีศาจให้ได้ถึงจะเข้าเป็นศิษย์ภายนอก และพวกเขาจะได้รับเม็ดยานี้ก่อนที่จะได้เข้าเป็นศิษย์ภายในเสียอีก และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตของสำนักเต๋าดาวตกเหนือล้ำกว่าเรามากนัก
เมื่อได้ยินแบบนี้ เม่ยซินก็ได้แสดงท่าทางออกมาอย่างสลดหดหู่ “ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางนี้ช่างน่าอนาถนัก หากว่าพลาด ไม่เพียงจะตกตายเพียงคนเดียว แต่ต้องวายป่วงไปทั้งตระกูล”
“เหอเหอเหอ น้องเม่ยซิน ข้าเองได้ยินมาว่าครอบครัวของหวู่ซงนั้นมีฐานะปานกลาง และเพื่อให้ได้หนึ่งร้อยเหรียญม่วงนี้มานั้นพวกเขาจึงต้องขายทรัพย์สินที่มีแม้แต่นำน้องสาวของตนไปจำนองค้ำประกัน”
“หากว่าสำเร็จ ไม่เพียงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตจะเปลี่ยนไป แม้แต่น้องสาวของเขาก็จะอยู่รอดปลอดภัยไปตลอดชีวิต”
“นั่นก็เพราะไม่มีผู้ใดที่กล้าจะบาดหมางกับผู้ฝึกตนบ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตเลยสักคนเดียว”