ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 372 ถึงคราว
บทที่ 372 ถึงคราว
ในการสอบศิษย์ภายในแผนกหุ่นเชิดโลหิตไปแล้ว มีเพียงหวู่ซงเท่านั้นที่คิดจะลงแล้วก็ผ่านการสอบไปจนเสร็จสิ้น ถึงแม้กับเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำนักเต๋าดาวตกจะใส่ใจ แต่กลับสำนักเต๋าใต้บาดาลถือเป็นสัญญาณอันดีของสำนัก
นี่ก็เพราะส่วนหนึ่งนั้นมาจากจำนวนยาเม็ดสลายเลือดที่ได้รับมาได้อย่างยากยิ่งในแต่ละปี
ในบรรดาสำนักเต๋าต่างๆนั้น ยังมีสำนักอื่นที่ขาดแคลนตัวยานี้ยิ่งเสียยิ่งกว่าสำนักเต๋าใต้บาดาลเสียอีก บางที่ได้เพียงสามเม็ดหรือน้อยกว่านั้น แต่บางที่ก็ได้มามากกว่าสำนักเต๋าใต้บาดาลสองสามเท่า
ด้วยความล้ำค่าของยาเม็ดสลายเลือดที่มีมูลค่ามากขึ้นในทุกๆวัน และนี่ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าศิษย์บนเส้นทางสายนี้เป็นตัวตนที่เหนือล้ำเหนือผู้ใด เป็นธรรมดาที่ผู้อาวุโสทั้งหลายต้องกู่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี
หลังจากหวู่ซงถูกพยุงออกไปแล้ว การสอบของแผนกต่อไปก็ได้เริ่มขึ้น และในรอบนี้ก็ได้เป็นเป้าหมายของศิษย์ภายในมากมายที่พวกเขามารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้
การสอบศิษย์ภายในของแผนกปรุงยานั้นมีการจัดขึ้นในทุกปี ซูนเต๋า ได้เดินไปยังหน้าเวทีด้วยร่างกายที่อ้วนใหญ่ มือของเขามีรายชื่ออยู่ หากจะให้บอกคือเป็นรายชื่อผู้เข้าสอบสิบกว่าคน
ถึงแม้แผนกหุ่นเชิดโลหิตของสำนักเต๋าใต้บาดาลจะไม่ได้ดีเด่และมีชื่อเสียงเท่ากับสำนักเต๋าดาวตก แต่กับแผนกปรุงยา แผนกวิชายุทธและแผนกวัตถุวิญญาณล้วนแล้วแต่เหนือล้ำกว่าสำนักเต๋าดาวตกทั้งหมดทั้งสิ้น
และด้วยการที่ศิษย์แผนกปรุงยาที่มีความต้องการสอบภายในในครั้งนี้มีมากเป็นประวัติการณ์ จึงทำให้ผู้อาวุโสของแผนกอย่างซุนเต๋า แม้จะแลดูเหนื่อยแต่ก็ภูมิใจที่จะทำ
ซุนเต๋าที่ถือรายชื่ออยู่นั้นเขาไม่ได้เรียกชื่อตามรายชื่อแต่อย่างใด เขาเริ่มจากการพูดออกมาด้วยรอยยิ้มก่อน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในครั้งนี้มีศิษย์ที่ต้องการสอบเข้าเป็นศิษย์ภายในแผนกปรุงยามากกว่าปีก่อนถึงสามเท่า นี่เหนือกว่าที่ข้าคาดไว้จริงๆ”
“มีบางคนที่พลาดไปเมื่อปีก่อนแต่ก็ยังกลับมาลองสอบใหม่”
“นี่ทำให้ข้าปลื้มใจยิ่งนัก”
“อย่างที่เขาว่ากันว่าพลาดเพียงครั้งไม่ใช่ว่าจะต้องพลาดไปตลอดชีวิต ลองใหม่ดูก็ไม่เสียหาย”
“มันก็ยังดีกว่าศิษย์ที่ไม่แม้แต่กล้าที่จะลองดูเลยสักครั้งแล้วถอดใจ”
“ศิษย์ประเภทหลังนี้ ข้า ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของแผนกขอแนะนำให้พวกเจ้านั้นพิจารณาตัวเองให้ดี”
“หรือพวกเจ้าอยากจะหยุดอยู่แค่เป็นศิษย์นอกที่ไม่สามารถจะทำให้เจ้ากลายเป็นอะไรได้ไปตลอดชีวิตเลยรึไงกัน”
“ใครก็ตามที่ไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นศิษย์แผนกไหนก็ตามล้วนแล้วแต่ได้รับความสำเร็จได้ยากยิ่ง”
“สำหรับศิษย์ที่เข้ามาร่วมสอบเข้าศิษย์ภายในแผนกปรุงยาครั้งนี้ ไม่ว่าเจ้าจะผ่านหรือไม่แต่ก็ขอให้จำไว้ว่าพวกเจ้าคือคนที่ทำให้ข้าภูมิใจที่มีลูกศิษย์เช่นพวกเจ้า”
“เอาล่ะ ข้าไม่พูดอะไรให้มากความแล้ว ข้าจะอ่านชื่อศิษย์ที่ลงสมัครสอบ เขาที่โดนอ่านชื่อก็เดินขึ้นไปบนสนามสอบได้เลย และอยู่คอยเพื่อรอสอบพร้อมกับคนอื่น”
เมื่อพูดจบ ซุนเต๋าก็ได้เริ่มอ่านรายชื่อทีละคน
“ฮูป่า หลิวฉิง ม่อฉี …… หวังไฮ่ หึหึหึ เจ้าทั้งห้าเคยมีประสบการณ์มาแล้ว ข้าหวังว่าครั้งนี้เจ้าจะสมหวังล่ะ”
ศิษย์ทั้งห้าที่ได้รับการเอ่ยชื่อได้ทยอยขึ้นไปบนสนามสอบ พร้อมกับทำการโค้งคำนับซุนเต๋าอย่างเคารพ
“เฉิงเจี๋ย หลัวชิ จางเจิ้งตี้ เมิ่งซิ่วเหลียง หยานเสวี่ย เม่ยซิน เฉิน….เอ่อ เฉินเฉียงงั้นรึ”
ในทันทีที่เอ่ยชื่อเฉินเฉียง ซุนเต๋าเองก็รู้สึกราวกับไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองก่อนที่จะหันหน้าสลับไปมาระหว่างรายชื่อกับเฉินเฉียงเพื่อให้มั่นใจว่าใช่เขาจริงๆ
ท่ามกลางผู้คนที่ยืนรอสอบ เม่ยซินมีใบหน้าแดงฉาน ก่อนที่จะรีบหันไปพูดกับหยานเสวี่ย “พี่หญิงหยานเสวี่ย พี่ชายเฉินเฉียง…”
หยานเสวี่ยหันไปมองเม่ยซินเมื่อได้ยิน เธอจ้องไปที่เม่ยซินเล็กน้อยโดยไม่แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษ เฉินเฉียงพยักหน้าให้ไปหนึ่งทีก่อนที่จะเดินนำไปเคียงข้างหยานเสวี่ย
เป็นตอนนี้ที่ซุนเต๋าต้องหันไปจ้องเขม็งที่ผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนอย่างสับสน
ด้วยการที่ตนเองก็เป็นหนึ่งในอาจารย์อาวุโสของสำนักเต๋าใต้บาดาล ซุนเต๋าย่อมรับรู้เรื่องราวที่ผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนให้ค่าเฉินเฉียงไว้อย่างมาก
ซึ่งมันขัดกับสามัญสำนึกของศิษย์ภายในที่ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่าคนที่ผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนคาดหวังไว้ไม่ใช่หยุนเสวี่ยแต่เป็นผู้ติดตามของเธอ เฉินเฉียง
ยิ่งไปกว่านี้นคือเขายังรู้มาอีกว่าคุณค่าที่ผู้นำสำนักและผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเล็งเห็นจากตัวเฉินเฉียงนั่นก็คือความสามารถด้านวิชายุทธ ที่เขานั้นอยู่เหนือกว่าศิษย์ภายในเกินไปกว่าครึ่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
และแน่นอนว่าทั้งสองต่างก็ต้องการเห็นเฉินเฉียงเป็นศิษย์ภายในของแผนกวิชายุทธอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ชื่อของเฉินเฉียงดันมาปรากฏอยู่ในรายชื่อศิษย์ที่ต้องการสอบเข้าเป็นศิษย์ภายในแผนกปรุงยาเสียอย่างนั้น นี่จึงเป็นธรรมดาที่ซุนเต๋าไม่รู้ว่าควรจะไปต่อยังไงดี
ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงจะมีความสามารถทางวิชายุทธที่เหนือล้ำ แต่กับแผนกปรุงยาของเข้าแล้วเขาจะเอาศิษย์แบบนี้ไปทำซากอะไร
นี่จึงทำให้ผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนมองหน้ากันและกันก่อนจะผุดลุกขึ้นมาพร้อมกันและส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณไปหาซุนเต๋า “รอก่อน เรียกเฉินเฉียงให้มาหาข้าก่อน ข้ามีเรื่องจะถาม”
ซุนเต๋ารีบเร่งพยักหน้ารับก่อนจะพูดออกมา “เฉินเฉียงเอ้ย เจ้าน่ะขึ้นมาที่นี่หน่อย”
เฉินเฉียงเลิกคิ้วขึ้นก่อนที่จะเดินไปตรงที่นั่งของบรรดาผู้บริหารสำนัก ท่ามกลางสายตาของผู้คน
ด้วยการที่ในหมู่เหล่าศิษย์ภายนอกที่ต้องการสอบเข้าเป็นศิษย์ภายในของแผนกปรุงยามีเพียงเฉินเฉียงคนเดียวที่ถูกเรียก จึงเป็นธรรมดาที่ต้องเตะตาทุกคน
“ไอ้แว่น ไอ้เด็กนั่นมันอะไรกัน”
ตรงที่นั่งของศิษย์ภายในแผนกปรุงยานั้น กลุ่มคนหนึ่งได้จับกลุ่มรุมล้อมชายหล่อผู้ใส่แว่นแล้วถามออกมาอย่างไม่หยุด
ชายหล่อผู้ใส่แว่นที่ต้องตาเพียงหยานเสวี่ยเท่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ไอ้เด็กนั่นเป็นผู้ติดตามของหยานเสวี่ย มันได้เป็นศิษย์นอกเสียด้วยซ้ำ”
“ก่อนหน้านี้ เสี่ยวหลูไจ๋ที่เป็นศิษย์ผู้คุมศิษย์ภายนอกในตอนนี้ได้เคยเล่าเรื่องที่ว่าเฉินเฉียงนั้นมีความสามารถที่ไปเข้าตาผอ.และผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักจนอนุมัติให้มีศิษย์สอบเข้าเป็นศิษย์ภายในในรอบนี้”
“ในตอนนั้นข้าเองก็เพียงคิดว่ามันเป็นข่าวลือ และที่ข้าได้ยินมาคือไอ้เด็กนี่มันก็ควรจะสอบเข้าศิษย์ภายในแผนกวิชายุทธไม่ใช่ปรุงยาแบบนี้”
“ห้ะ ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องบ้าอะไรกัน”
“นี่ผอ.ของเราตาถั่วรึไงกัน มันถึงขนาดลงทะเบียนผิดแผนกเลยนะ นี่มันแสดงให้เห็นว่าไอ้เด็กนี่ไม่ได้มีมันสมองเลยสักนิด ต่อให้ผอ.เห็นความสามารถของมันและยอมให้มันสอบ แต่หากมันสอบเข้าได้ข้าว่ามันก็คงจะกลายเป็นตัวตลกของศิษย์ภายในอยู่ดี”
“แหงซิ ฮึ่ม ยังดีที่มันไปเลือกผิดสอบเข้าแผนกปรุงยา หากมันมาสอบแผนกวิชายุทธของข้าพวกข้าคงเสียหน้านัก”
“ฮี่ฮี่ฮี่ แล้วเจ้าคิดว่าไอ้เฉินเฉียงผู้นี้มันเลือกที่จะสอบเข้าแผนกปรุงยาเพราะอะไรล่ะ มันก็แค่ไม่อยากจะแยกจากนายหญิงของมันเพียงเท่านั้นไม่ใช่รึ”
“ต้องเป็นแบบนั้นแหงๆ อย่าว่าแต่ศิษย์หญิงในแผนกปรุงยาเลย แม้แต่เอาศิษย์หญิงในสำนักทั้งหมดมาเรียงแถวเทียบเคียงกันก็ยังไม่สู้ความงามของหยานเสวี่ย”
“ไอ้เด็กนี่คนหวงแหนนายหญิงของมันมากจนคิดเข้ามากีดกันพวกเรา หึ เป็นเพียงกบกลับหมายตาห่านฟ้า”
“น้องชาย คำพูดของเจ้าก็ไม่ถูกซะทีเดียวนา นอกจากหยานเสวี่ยที่งามงดแล้ว เม่ยซินที่อยู่ข้างนางก็ดูดีไม่น้อยไปกว่ากันเลยนะนั่น”
“ก็จริงแฮะ หึหึหึ ข้าเองก็ไม่ขอปิดบังพวกเจ้าเลยแล้วกัน นับแต่พวกนางเดินเข้าสนามมาข้าก็จับจ้องไปที่พวกนางอย่างไม่วางตา”
“ในมุมมองของข้าแล้ว เม่ยซินนั้นงดงามไม่ได้ด้อยไปกว่าหยานเสวี่ยแต่อย่างใด”
“โอ้ ช่างงามตานัก ไหนจะหน้าอกนั่น ช่างเตะตาต้องใจข้าซะจริง”
ถึงแม้จุดเริ่มต้นของศิษย์ภายในจะเริ่มจากเรื่องของเฉินเฉียง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นการพูดถึงสองสาวงามอย่างหยานเสวี่ยและเม่ยซินอย่างรวดเร็ว
ก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะศิษย์ภายในนั้นไม่เคยมีสาวงามเช่นนี้ปรากฏตัวมาก่อน
แต่เหล่าศิษย์นอกนั้นกลับสนใจเพียงเฉินเฉียงเท่านั้น
โดยเฉพาะหลี่กวง
เขาและเฉินเฉียงต่างก็เข้ามายังสำนักเต๋าใต้บาดาลพร้อมกัน และในระหว่างนั้นเขาไม่เคยพูดดีกับเฉินเฉียงเลยสักนิด แถมเขายังพูดสาดเสียเทเสียเพราะเห็นว่าเฉินเฉียงเป็นเพียงผู้ติดตามเพียงเท่านั้น
แต่ในตอนนี้ สถานะของเขาและเฉินเฉียงกลับพลิกกลับอย่างไม่อาจจะรับได้ราวกับไม่ใช่ความจริง
แล้วแบบนี้เขายามที่เจอหน้าเฉินเฉียงคงไม่อาจจะสู้หน้าได้อีก