ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 374 ตกตะลึงพรึงเพริด
บทที่ 374 ตกตะลึงพรึงเพริด
ด้วยใจที่สงสัยนี้ทำให้ซุนเต๋านั้นอดไม่ได้ที่จะปล่อยกระแสจิตของตนพุ่งตรงไปยังเตาปรุงยาที่อยู่ตรงหน้าของเฉินเฉียง
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่กระแสจิตของเขาพึ่งจะพุ่งออกไปจากร่าง เขาก็เห็นเฉินเฉียงเงยหน้าขึ้นราวกับจะรับรู้อะไรบางอย่าง ก่อนจะหันมามองเขา พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่กว้างขวาง
-ไอ้ฉิบหาย-
-นี่เขาโดนจับได้ว่ากำลังใช้พลังจิตตรวจสอบรึ-
ซุนเต๋าในตอนนี้ประหลาดใจที่กระแสจิตของตนถูกตรวจจับได้ในทันที และนี่ก็ทำให้เขายิ้มตอบเฉินเฉียงไปเพียงเท่านั้น
แต่ในใจของเขากำลังลิงโลด
นั่นก็เพราะ หากเขาเข้าใจไม่ผิด พลังจิตของเฉินเฉียงเหนือล้ำกว่าหยานเสวี่ยมากนัก
และหากเป็นอย่างนั้นจริง แผนกปรุงยาของเขาจะได้รับสมบัติที่ล้ำค่าเหนือกว่าผู้ใด
เมื่อคิดได้แบบนี้ ซุนเต๋าก็เหลียวหลังหันไปมองอาจารย์หัวหน้าแผนกวิชายุทธอย่างหลิวฉิงหยุนก็ได้เห็นว่าในตอนนี้หลิวฉิงหยุนนั้นมีหูที่กระดิกพลางเกาคางและสบสายตาไปหาผอ.ฉีอย่างไม่พัก นี่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองกำลังพูดคุยกันผ่านเสียงทางจิตวิญญาณ
ก่อนหน้านี้ที่เขามีปัญหานั้นเป็นเพราะเขาไม่คิดว่าเฉินเฉียงที่เป็นที่ต้องการตัวของหลิวฉิงหยุนจะมีพลังจิตที่สูงล้ำขนาดนี้ แต่ในเมื่อเขารู้แล้ว…….
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามชิงตัวเฉินเฉียงไป แม้แต่หลิวฉิงหยุนที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดและอาจารย์ผู้คุมแผนกวิชายุทธก็ตาม หลังจากตั้งมั่นเรื่องนี้ในใจแล้ว ซุนเต๋าก็ได้ใช้พลังจิตของตน ตรวจสอบการปรุงยาของศิษย์คนอื่น
เมื่อตอนที่กระแสจิตของเขาพุ่งไปหาเม่ยซิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ที่ซุนเต๋าเห็นนั้น เขาบอกได้อย่างชัดเจนว่ายาของเม่ยซินที่กำลังปรุงอยู่นั้นมีเพียงสิบกว่าเม็ดหรือน้อยกว่านั้น
แต่เธอไม่ได้ปรุงยาฟื้นฟูเฉกเช่นเดียวกับเฉินเฉียงและคนอื่นๆ เธอเลือกที่จะปรุงยาถอนพิษระดับหนึ่ง
แม้ว่าจะเป็นยาระดับหนึ่งเหมือนกัน แต่ยาถอนพิษนั้นเป็นยาที่ปรุงได้ยากที่สุดในเหล่ายาที่อยู่ในระดับหนึ่งด้วยกัน
ด้วยการที่เพื่อให้มีโอกาสเข้าเป็นศิษย์ภายในมากที่สุด ศิษย์ภายนอกทั่วไปจะเลือกเพียงยาที่ปรุงได้ง่ายที่สุดอย่างยาเม็ดฟื้นฟู
แต่เม่ยซินกลับเลือกยาที่ปรุงได้ยากที่สุดอย่างยากถอนพิษนั้น ก็เพื่อที่จะทำให้ตนเองเตะตาซุนเต๋าขึ้นมาได้
ยังไงซะ นอกจากศิษย์ห้าคนแรกที่เขาได้เอ่ยชื่อไว้นั้น ที่เหลืออีกสิบคนเป็นศิษย์ใหม่ที่พึ่งจะเข้ามาได้เมื่อสามเดือนก่อนเพียงเท่านั้น
การที่เขาได้พบเจอศิษย์ที่มีทักษะที่สูงล้ำอย่างหยานเสวี่ยและเฉินเฉียง นี่ก็ทำให้เขามีความสุขมากแล้ว
แต่นี่เขานั้นกลับไม่นึกฝันว่าจะได้พบเจอเมล็ดพันธุ์ชั้นดีที่ยังหลบซ่อนอีกหนึ่ง
นี่ก็ทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ
ในตอนนี้ แม้แต่ผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนต่างก็จับจ้องไปที่เฉินเฉียงและหยานเสวี่ยในเวลาเดียวกัน
ถึงแม้หยานเสวี่ยจะเป็นศิษย์ที่งดงามและได้ชื่อว่ามีความสามารถแผง แต่สิ่งเหล่านั้นของเธอก็ยังไม่อาจจะดึงดูดสายตาผู้อาวุโสของสำนักทั้งสองคนได้เทียบเท่ากับเฉินเฉียงเลยสักนิด
ถึงแม้ผู้อาวุโสของสำนักทั้งสองไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านการปรุงยา แต่ทั้งสองก็ยังรู้ได้ว่ายาเม็ดฟื้นฟูนั้นเป็นยาที่ปรุงได้ง่ายที่สุดในยาระดับหนึ่งด้วยกัน
แต่เมื่อทั้งสองได้เพ่งพลังจิตของตนเข้าไปตรวจสอบเตาปรุงยาของเฉินเฉียง ใบหน้าของทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
พวกเขาไม่นึกว่าเฉินเฉียงนั้น นอกจากจะมีความสามารถสูงล้ำในด้านการต่อสู้แล้ว เขายังมีอนาคตที่ไม่สิ้นสุดในเส้นทางปรุงยาอีก
เหตุผลที่พวกเขามั่นใจขนาดนั้นนั่นก็เพราะไม่เพียงเขาจะเห็นว่าเม็ดยาในเตาของเฉินเฉียงนั้นขึ้นรูปและส่องแสงวาววับแล้ว ท่าทางของเฉินเฉียงในตอนนี้ยังผ่อนคลายประหนึ่งดั่งการยืนรับลมริมทะเล พลางส่งกระแสจิตไปดูสองสาวที่อยู่ซ้ายและขวาอย่างไม่ห่างไกล
ต้องมีความแข็งแกร่งของพลังจิตมากมายขนาดไหนกันถึงจะสามารถทำแบบนี้ได้
นี่จึงทำให้ผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนแลกเปลี่ยนรอยยิ้มกันในทันที
“ผอ. ดูเหมือนว่าในปีนี้ การสอบเข้าศิษย์ภายในของสำนักเรานั้นจะมีแต่เรื่องให้ตกตะลึงซ้ำๆเลยนะเนี่ย”
“เฉินเฉียงผู้นี้มีความสามารถที่เลิศล้ำ แต่กลับเป็นเพียงผู้ติดตามของหยานเสวี่ย ข้าว่ามีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง”
“หนึ่งคือเขานั้นต้องตาต้องใจหยานเสวี่ยจะยินดีที่จะติดตามเธอ”
“อีกหนึ่งคือตระกูลของทั้งสองนั้นมีอำนาจล้นฟ้าและทรงพลังอย่างที่สุด ไม่อย่างนั้นพลังจิตของทั้งสองคงไม่เหนือล้ำกว่าคนทั่วไปแบบนี้”
“แต่ก็นะ ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นมายังไงก็ตาม แต่สำหรับสำนักเต๋าของเราแล้วมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีนัก”
ผอ.ฉีพูดพร่ำไม่หยุดราวกับหมางเมินสายตาเชือดเฉือนของผู้ที่หมายมั่นปั้นมือเฉินเฉียงเอาไว้ที่อยู่ข้างๆ
“ผอ. นี่หมายความว่ายังไงกัน”
“เรานั้นพูดคุยกันว่าเฉินเฉียงนั้นเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้แล้วให้เขาเข้าร่วมกับแผนกวิชายุทธของข้า”
“แต่ในตอนนี้…ท่านจะบอกว่าให้เขาเข้าแผนกปรุงยางั้นรึ”
ผอ.ฉีเริ่มรำคาญเสียงของหลิวฉิงหยุนจึงทำได้เพียงตอบกลับไป “ผู้อาวุโสสูงสุดหลิว มันไม่มีทางเลือกแล้วนี่นา ในฐานะผอ.สำนัก ข้าเองก็ไม่อาจจะไปบังคับขืนใจเฉินเฉียงได้ว่าเขานั้นจะต้องเข้าร่วมกับแผนกใด”
“แต่เดิม จ้าเองก็หวังให้ท่านคอยชุบเลี้ยงเขาอย่างดีเมื่อเขาเข้าไปแผนกวิชายุทธได้ แต่ดูเหมือนตอนนี้คงไม่จะเป็นแล้วล่ะนะ”
“ผอ.หลิว ไม่ว่าจะเฉินเฉียงจะเข้าร่วมกับแผนกใดก็ตาม เฉินเฉียงก็ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ของสำนักเต๋าใต้บาดาลของเราอยู่ดีนี่นา และไม่ว่าเขาจะเลือกแผนกไหน ข้าเชื่อว่าเขาจะนำเกียรติยศมาให้สำนักของเราอย่างแน่นอน”
“อีกอย่าง ข้าเองก็คิดว่าผู้อาวุโสหลิวนั้นคงไม่ได้ยึดติดกับเรื่องเกียรติยศหรือชื่อเสียงของแผนกอะไรเทือกนั้นหรอกนะ”
“ข้า….”
เมื่อหลิวฉิงหยุนได้ยินก็ถึงกับพูดไม่ออก
จะให้เขาเถียงอะไรได้กัน
ก่อนหน้านี้เขาและผอ.ได้พูดคุยกันไว้แล้วว่าจะใช้ฐานะของตนดึงเฉินเฉียงให้เข้าร่วมเป็นศิษย์ภายในของแผนกวิชายุทธ และให้เขาที่เป็นหัวหน้าแผนกดูแล้วเฉินเฉียงเป็นอย่างดี แต่ในตอนนี้ เมื่อเห็นว่าไอ้เด็กนี่มีโอกาสที่จะเป็นศิษย์ภายในแผนกปรุงยา กลับคิดจะทิ้งเขาเสียอย่างนั้น
กับเรื่องนี้ หลิวฉิงหยุนนั้นย่อมไม่อยากให้เกิดขึ้น
แต่เขาจะทำอะไรได้ล่ะ
มันก็เป็นอย่างที่ผอ.ฉีว่า เป็นแผนกปรุงยาแล้วยังไง ยังไงซะทุกแผนกล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของสำนัก แถมไอ้เด็กนี่ยังต้องการเข้าแผนกนั้นด้วยตัวเองเสียอีก
หลิวฉิงหยุนแม้จะโกรธจนเริ่มหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง เขาทำได้เพียงลอบมองไปที่หยานเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเฉินเฉียงพร้อมกับตั้งมั่นความคิดหนึ่งขึ้นมาในใจ นั่นก็คือเขาจะต้องคัดเลือกศิษย์ที่เลอโฉมเช่นนี้เข้ามาในแผนกให้จงได้
มีเพียงวิธีการนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาสามารถมีโอกาสรับศิษย์ที่ความสามารถสูงล้ำเข้ามาได้
แม้เหล่าคนใหญ่คนโตทั้งสองจะกำลังถกเถียงกันอย่างออกท่าทาง แต่เฉินเฉียงนั้นหาได้แยแสไม่
ในตอนนี้เข้าสนใจเพียงการช่วยให้การปรุงยาของหยานเสวี่ยเป็นไปด้วยความราบรื่นเท่านั้น
ไม่สิ เขานั้นยังแบ่งพลังบางส่วนไปคอยดูแลเม่ยซินที่อยู่ด้านขวามือของตน
และเป็นตอนนี้ที่เขาพึ่งจะสังเกตเห็นว่าเม่ยซินนั้นปรุงยาที่แตกต่างจากพวกเขา นั่นก็คือยาถอนพิษที่ปรุงยากที่สุดในยาระดับหนึ่ง
ให้พูดกันตรงๆเลยว่าก่อนหน้านี้เฉินเฉียงไม่เคยไยดีต่อเม่ยซินแม้แต่น้อย
ด้วยการที่เธอมาข้องแวะกับพวกเขาในยอมที่สอบเข้า นั่นจึงทำให้เขาจดจำชื่อของเธอได้
หลังจากนั้นเขาก็คิดเพียงว่าเม่ยซินเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่ทำตัวสวยงามไปวันๆ
และด้วยความสวยงามนี้จึงทำให้หลี่กวงปรากฏตัวอยู่ข้างเธออย่างไม่ขาด แถมยังคอยสร้างความน่ารำคาญให้กับเฉินเฉียงอยู่บ้าง นี่จึงทำให้เขานั้นไม่เคยคิดดีแต่เม่ยซินแม้แต่น้อย และมองว่าเม่ยซินเป็นเพียงสาวน้อยที่หวังเกาะหลี่กวงเพราะความร่ำรวยของตระกูลของเขา
เขาคิดเช่นนั้นเสมอมาจนกระทั่งมาจนถึงตอนนี้ที่พึ่งรู้ตัวว่าเข้าใจตัวตนของหญิงสาวผู้นี้ผิดไป
กับศิษย์ภายนอกผู้ซึ่งเข้ามาในสำนักได้เพียงสามเดือนนั้น ย่อมไม่มีทางจะปรุงยาได้ในเวลาอันสั้น ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามันเป็นยาที่ปรุงได้ยากที่สุดในเหล่ายาระดับหนึ่งอีก
แต่ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงจะพบว่าเม่ยซินปรุงยาแตกต่างจากพวกเขา แต่เขาก็รู้ว่าวิธีการปรุงยาของเธอนั้นเป็นไปได้ไม่ดีนัก
แต่แม้วิธีการปรุงยาจะติดขัดไปบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลให้สรรพคุณของยาเสียไป
นี่หมายความว่าหญิงสาวผู้นี้ต้องพร่ำเพียรฝึกฝนอยู่บ่อยครั้งแม้พลังจิตของเธอจะไม่ได้ดีมากก็ตาม
และด้วยยาที่ถูกปรุงออกมานี้ เธอสามารถผ่านเข้าเป็นศิษย์ภายในแผนกปรุงยาได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่หากว่าเธอนั้นจะเดินบนเส้นทางสายนี้จริง เธอจะต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของพลังจิตของเธอให้ยกระดับมากกว่านี้ในอนาคต