ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 38 การพบกันครั้งแรก
บทที่ 38 การพบกันครั้งแรก
ศิษย์พี่ใหญ่…
หลู่ฟางเหรอ
เฉินเฉียงนั้นแน่นอนว่าย่อมต้องการพบกับศิษย์พี่ใหญ่คนนี้อย่างแน่นอนเพราะเขาไม่เคยพบมาก่อน
ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยได้ยินกัวเหลียงและชุยหยันหลันพูดถึงพี่ใหญ่คนนี้อยู่บ้าง เขาไม่เพียงจะมีการบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง แต่เขานั้นยังเป็นคนที่เปิดกว้าง แถมยังเป็นศิษย์พี่ที่ดูแลศิษย์น้องของตนเป็นอย่างดี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าศิษย์พี่คนนี้จะดูแลศิษย์น้องแบบเขายังไงเหมือนกันแฮะ
นี่ทำให้เฉินเฉียงรีบตอบกลับข้อความในทันที
“ศิษย์พี่กัว ศิษย์พี่ใหญ่อยู่กับอาจารย์เหรอ ข้าจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้”
“โอ้ ศิษย์น้อง ศิษย์พี่พึ่งมาหาอาจารย์ก็จริงแต่ในตอนนี้เขาไปหอภารกิจแล้วน่ะ เขาต้องนำซากตัวลิ่นไปส่ง”
เฉินเฉียงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แล้วอะไรคือตัวลิ่นกัน
“ศิษย์พี่กัว แล้วศิษย์พี่ใหญ่นำซากตัวลิ่นกลับมาทำไมกัน”
“ศิษย์น้องเฉิน ที่พี่ใหญ่ลงเขาไปนั้นเป็นเพราะต้องนำศิษย์น้องในสำนักไปทำภารกิจ”
“และภารกิจที่ว่านั่นคือการฆ่าตัวลิ่นตัวหนึ่งที่ก้าวเข้าไปอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นได้ไม่นาน ลิ่นตัวนี้ไปสร้างความวุ่นวายให้เมืองที่อยู่ทางใต้ของเรามานานมากแล้ว และนี่เองก็ถือได้ว่าศิษย์พี่นั้นทำภารกิจใหญ่ได้สำเร็จลุล่วงเลยทีเดียว”
เฉินเฉียงในตอนนี้ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดอื่นของกัวเหลียง จิตสำนึกของเขานั้นนึกถึงเพียงคำว่า ระดับนายพลขั้นต้น เท่านั้น
เขาย่อมไม่ยอมพลาดโอกาสดีๆนี้ไป
สัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณน่าจะทำให้เขานั้นได้อะไรมาบ้างล่ะนะ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินเฉียงก็ได้รีบออกจากห้องบ่มเพาะและตรงไปยังหอภารกิจในทันทีอย่างสุดฝีเท้า
โชคยังดีที่ เมื่อไปถึง เฉินเฉียงก็ได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินตรงไปยังหอภารกิจอยู่แต่ไกล
ผู้นำของคนกลุ่มนี้มีความสูงเกือบสองเมตร เขาดูมีชีวิตชีวา ตลอดทางที่เขาได้พูดคุยกับศิษย์อีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ
เฉินเฉียงเมื่อเห็นแล้วจึงมั่นใจได้ในทันทีว่าชายคนนี้คือศิษย์พี่ของเขา หลู่ฟาง
นั่นก็เพราะคนที่อยู่ข้างๆเขานั้นก็คือศิษย์พี่อีกคนหนึ่งของเขา ชุยหยันหลัน
และในตอนนี้เอง ชุยหยันหรันก็ได้เห็นเฉินเฉียง
“ศิษย์น้อง”
ชุยหยันหรันได้รีบก้าวเข้ามาหาเฉินเฉียงสองก้าวและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์น้อง นี่คือศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา หลู่ฟาง”
ชุยหยันหลันได้แนะนำเฉินเฉียงให้รู้จักหลู่ฟางด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข
เฉินเฉียงได้รีบน้อมคารวะในทันที “สวัสดีครับศิษย์พี่ใหญ่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเองก็พึ่งจะได้ยินมาจากท่านอาจารย์ว่ารับศิษย์ใหม่เพิ่มขึ้นมาเป็นเจ้าเองสินะ ดีจริงๆ”
“ได้ยินมาว่าเจ้านั้นมีสายเลือดแตกต่างกันถึงหกสาย แต่ยังสามารถยกระดับการบ่มเพาะเป็นระดับทหารขั้นสูงได้ด้วยเวลาอันสั้น ดูเหมือนว่าศิษย์น้องนี่จะไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ”
หลู่ฟางพูดออกมาก่อนที่จะแตะไปยังบ่าของเฉินเฉียงด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกมาซึ่งความรู้สึกเร่าร้อนราวกับวัยรุ่น
“ศิษย์พี่ พี่อาจจะยังไม่รู้ล่ะมั้งว่า ตอนที่ศิษย์น้องเข้ามานั้นได้ทำให้ระฆังของสำนักเราสั่นเตือนได้เพราะว่าทำลายสถิติสอบเข้าติดๆกัน”
แน่นอนว่าชุยหยันหลันย่อมไม่พลาดโอกาสในการกล่าวชมศิษย์น้องของตน
“โอ้ จริงเหรอ นี่แสดงว่าศิษย์น้องเฉินมีความสามารถที่สูงล้ำน่ะสิ ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่ท่านอาจารย์ยอมแหกกฎรับเจ้าเข้ามา”
“ในเมื่อศิษย์น้องเป็นลูกศิษย์ของแผนกวิชายุทธพิเศษแล้วต้องไม่ทำให้อาจารย์ของพวกเราต้องขายหน้า รู้รึเปล่า”
“ศิษย์พี่ใหญ่อย่าเป็นกังวลไป ข้าจะจดจำไว้เป็นอย่างดี”
เฉินเฉียงรีบตอบรับคำกล่าวนี้ในทันใด
“ว่าแต่ ไม่ใช่ว่าศิษย์น้องอยู่ในระหว่างการบ่มเพาะเหรอ” “แล้วทำไมถึงออกมาเร็วนักล่ะ อย่าบอกนะว่ามาหาศิษย์พี่ใหญ่น่ะ”
ชุยหยันหลันถามออกมาด้วยความสงสัย
“ใช่แล้วครับ ข้าได้ยินมาจากศิษย์พี่กัวว่าศิษย์พี่ใหญ่พึ่งจะกลับมาจึงได้รีบมาหาในทันที”
เฉินเฉียงเกาหัวของตนในขณะตอบออกมาด้วยท่าทางอายๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียเวลาล่ะสิเนี่ย” คำพูดของเฉินเฉียงทำให้หลูฟางนั้นมีความสุขขั้นมาในทันที นี่ทำให้เขานั้นมองศิษย์น้องคนนี้ด้วยสายตาปลื้มปริ่มในทันใด
“อ้อ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าได้ยินมาจากศิษย์พี่กัวว่าท่านฆ่าตัวลิ่นมาได้ในระหว่างทำภารกิจ ข้าขอดูได้รึเปล่าครับ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องนี่น้า ศิษย์พี่เหล่านี้เองพึ่งจะกลับมาเองนา อย่าทำให้พวกเขาต้องเสียเวลาสิ”
“ต่อให้พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่ว่าเจ้าจะมาทำให้เสียเวลาแบบนี้ได้นา”
“เอาน่า ในเมื่อศิษย์น้องของพวกเราสนใจละก็ ก็ให้เขาดูหน่อยแล้วกัน”
ศิษย์พี่ในสำนักคนหนึ่งได้เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มและพูดออกมา
“ก็ได้”
หลู่ฟางได้นำสัตว์ประหลาดร่างใหญ่ยักษ์ที่มีขนาดความยาวกว่าสามเมตรออกมาจากกระเป๋าเก็บของ
ถึงแม้มันจะตายแล้ว แต่แม้เพียงซากร่าง สัตว์ประหลาดระดับนายพลตัวนี้ก็ยังคงดูทรงพลังอยู่ดี
“ว้าว สัตว์ประหลาดที่ดูทรงพลังขนาดนี้ยังถูกกำจัดลงได้ ศิษย์พี่นี่ช่างทรงพลังจริงๆ”
ติ้ง
ค่าพลังงาน:400,000
ค่าการใช้ประโยชน์:99
ค่าความอดทน:80
ค่าความแข็งแกร่ง:103
ค่าความเร็ว:140
ค่าพลังจิต:77
หลังจากดูดซับซากร่างของลิ่นเข้าไปแล้ว ค่าความอดทนของเฉินเฉียงนั้นเพิ่มขึ้นไปห้าหน่วยในทันที
สำหรับสายเลือดนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด หากจะมีเปลี่ยนแปลงที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นทักษะการขุดที่ในตอนนี้อยู่ในระดับขั้นสูงสุด
นี่ทำให้เขานั้นในที่สุดก็มีทักษะที่อยู่ในระดับสูงสุดสักที แต่เมื่อเห็นว่าเป็นทักษะการขุดแล้วทำให้เฉินเฉียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหน่ายหัวใจ
ก็ถ้าหากจะให้พูดว่ามีทักษะการขุดระดับสุดยอดแล้วมันดูน่าอายไม่ใช่รึไงกัน
เฉินเฉียงทำได้เพียงลอบถอดถอนหายใจอยู่ภายในใจเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ศิษย์พี่ของเขาคนนี้เปรียบได้ดั่งมอบของขวัญล้ำค่าให้เขาตั้งแต่แรกที่ได้พบแบบนี้ นี่ทำให้เขานั้นแสดงสีหน้ามีความสุขออกมา
ในอนาคต ยามใดที่ศิษย์พี่ใหญ่ผู้ทรงพลังผู้นี้ออกทำภารกิจ เขานั้นจะมีโอกาสดูดซับทุกอย่างที่ศิษย์พี่ของเขานำกลับมาอย่างแน่นอน
“ศิษย์น้อง น่าเสียดายนะที่เจ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เจ้าลิ่นนี่ไม่เพียงจะมีพลังป้องกันและโจมตีที่สูงล้ำเท่านั้น แม้แต่ทักษะการขุดเจาะของมันที่ทะลวงภูเขาได้อย่างง่ายดายนั้นทำให้ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าต้องเสียเวลาแบบสุดๆ”
ในขณะที่ศิษย์สำนักที่ร่วมทำภารกิจกับหลู่ฟางอยู่นั้นได้บอกเล่าเฉินเฉียงเกี่ยวกับความยากลำบากของศิษย์พี่ใหญ่อยู่ เมื่อเฉินเฉียงดูดซับพลังงานได้แล้ว ในที่สุดเขาก็ยืนขึ้น
หลู่ฟางเองได้เก็บตัวลิ่นกลับเข้าไปและพูดขึ้นมา “ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องเฉิน เจ้ากลับไปหาอาจารย์ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำเกี่ยวกับภารกิจอยู่ เดี๋ยวข้าเสร็จแล้วจะรีบกลับไปยังบ้านของอาจารย์”
เฉินเฉียงได้พยักหน้ารับ “ได้ครับศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ทุกท่าน งั้นข้าขอตัวกลับไปรอที่บ้านพักของอาจารย์ก่อนครับ”
หลังจากกล่าวลาทุกคนแล้ว เฉินเฉียงก็ได้กลับไปถึงบ้านพักของฮู่ต้าไฮ่
“อ้าว ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ ศิษย์พี่ใหญ่กับคนอื่นๆพึ่งจะออกไปเองนะ เจ้าควรจะไปพบพวกเขาก่อน”
เมื่อเข้ามาในบ้าน กัวเหลียงได้ออกมาต้อนรับเฉินเฉียงพร้อมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
“ศิษย์พี่กัว ข้าไปพบศิษย์พี่ใหญ่มาแล้วล่ะ พี่เขามีเรื่องที่ต้องทำเกี่ยวกับภารกิจก่อนจึงให้ข้ากลับมารอที่นี่”
“โอ้ เจ้าพบศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าแล้วนี่เอง ฮ่าฮ่าฮ่า ดีแล้ว วันนี้อาจารย์จะปล่อยเจ้าไว้เฉยๆสักวันก็แล้วกัน ในเมื่อศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้ากลับมาแล้ว เจ้าเองก็ควรจะหาโอกาสพูดคุยไว้บ้าง”
ฮู่ต้าไฮ่พูดออกมาด้วยอารมณ์ที่ดีสุดๆ เขาพลางโบกมือไปมาและพูดออกมาด้วยความรู้สึกยินดี
“ฮี่ฮี่ฮี่ งั้นวันนี้ข้าว่าพวกเรามาดื่มกันหน่อยก็ดีนะครับ”
“กัวเหลียง อย่าพึ่งรีบดีใจไป ไม่เห็นรึไงว่าศิษย์พี่ของเจ้าเปิดจุดชีพจรได้ 12 จุดแล้ว เขาใกล้จะทะลวงไปขั้นนายพลขั้นกลางแล้วนะ แล้วดูตัวเจ้าสิ”
“จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าจงออกไปซะ หากว่าไม่สามารถเปิดจุดชีพจรได้อีกหกจุดละก็จงอยู่ในห้องบ่มเพาะไปอย่างนั้นไม่ต้องออกมาอีก”
คำพูดของฮู่ต้าไฮ่นั้นได้ทำให้หน้าของกัวเหลียงซีดเซียวในทันใด