ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 395 ยากจะรับ
บทที่ 395 ยากจะรับ
ด้วยพลังจิตของเฉินเฉียงในตอนนี้ เขาย่อมสามารถตรึงร่างของหลี่ฉิงเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม หากเขาทำเพียงเปลี่ยนหลี่ฉิงให้กลายเป็นคนโง่งม หลิวฉิงหยุนย่อมต้องสงสัยในตัวเขา และพร้อมที่จะสู้กับเขาจนกว่าเขาจะตกตาย
มีหรือที่คนอย่างหลิวฉิงหยุนจะเชื่อว่าหลานของตนจะโชคไม่ดีจนกลายเป็นคนโง่งมไป ต่อให้ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่อย่างน้อยๆเขาก็ย่อมรู้แน่ว่าใครเป็นผู้ลงมือ
ไม่ใช่ว่าเฉินเฉียงนั้นเกรงกลัวหลิวฉิงหยุนแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขาและหยานเสวี่ยนั้นอยากจะใช้ช่องทางที่สำนักเต๋าใต้บาดาลมอบให้ ผ่านเข้าสู่พื้นที่ภาคกลางในฐานะศิษย์ของสำนักเต๋าสรวงสวรรค์เพียงเท่านั้น นี่จึงทำให้เขาไม่อยากจะก่อปัญหาในตอนนี้
เฉินเฉียงจึงเลือกที่จะไม่ใช้การโจมตีทางจิตใจในการจัดการหลี่ฉิง
หลังจากที่ทั้งสองได้นั่งประจันหน้ากัน หลี่ฉิงในตอนนี้มีเหงื่อไหลพรากอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ดีว่าตนเองกำลังถูกสะกดข่มเอาไว้ด้วยพลังจิตที่เหนือล้ำ
แต่ด้วยการที่มีกำแพงเขตแดนล้อมสนามประลองไว้ คนภายนอกนั้นจึงเพียงเห็นแล้วคิดเป็นอย่างอื่นไป
“หลี่ฉิง เจ้ารู้อะไรรึเปล่า ในโลกนี้น่ะนะ มันยังมีสัตว์ที่อาศัยอยู่เพียงแต่ในบ่อน้ำ แล้วเห็นแต่ภาพเดิมๆรอบบ่อไปได้เพียงไม่กี่เมตร และคิดว่าท้องฟ้าที่มันเห็นนั้นคือทั้งหมดบนโลกใบนี้”
“แล้วพวกมันก็เชื่อว่าสรวงสวรรค์ของมันนั้นยังใหญ่กว่าท้องฟ้าเสียอีก”
“นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า กบในบ่อน้ำ”
“และเจ้า หลี่ฉิง เจ้าเองก็เป็นเพียงกบในบ่อน้ำเท่านั้น”
“เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าไอ้เส้นทางบ่มเพาะหุ่นเชิดโลหิตของเจ้านั้นมันทำให้เจ้าไร้เทียมทานน่ะ”
“ช่างน่าขันนัก”
“อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้แต่อาจารย์ของเจ้า เฉิงยี่ ข้าเองก็ฆ่าได้ทุกเมื่อหากข้าต้องการ”
“ไอ้พวกผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเสนียดจัญไรของโลกของข้า คนเฉกเช่นพวกเจ้าจึงไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ แม้แต่โลกปีศาจนี้ก็ตาม”
“นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้า เฉินเฉียงผู้นี้ ถึงได้มาที่โลกปีศาจ ข้ามาเพื่อกวาดล้างสัตว์ปีศาจเช่นพวกเจ้าให้หมดสิ้น”
“แต่เจ้าย่อมไม่มีโอกาสอยู่ไปจนได้เห็นวันนั้น”
“หลี่ฉิง เจ้าผู้น่าสงสาร เจ้าจะได้ไปพบเจอน้องชายของเจ้าที่นำเจ้าไปล่วงหน้านี้แล้ว”
“จงยินดีกับการพบเจอของพวกเจ้าซะ”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็สั่งให้เมิ่งน้อยพ่นไฟออกไป พร้อมกับเปลี่ยนให้หลี่ฉิงและงูพิษปีศาจที่เป็นหุ่นเชิดโลหิตให้กลายเป็นเถ้าธุลี
เมื่อเสร็จสิ้น เขาได้ยืนขึ้น ก่อนจะเดินออกจากกำแพงเขตแดนไปโดยมีเมิ่งน้อยปีนป่ายอยู่ในอ้อมแขน
ในตอนนี้ ทั่วทั้งสนามประลองก็ได้กลับมาสู่ความเงียบงัน
ผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนได้มองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้กันอย่างพึงพอใจ
เจิ้งฮูเชิงในตอนนี้มีสีหน้าท่าเรียบนิ่งและด้านชา เขานั่งนิ่งโดยไม่อาจพูดอะไรออกมาได้สักคำ
การประลองในครั้งนี้ ศิษย์ที่มีทักษะที่สูงล้ำที่สุดของสำนักได้ตกตายโดยเฉินเฉียงไปในชั่วพริบตา พร้อมกับการต่อสู้ในสองแผนกที่สำนักเต๋าดาวตกไม่อาจเทียบเคียงสำนักเต๋าใต้บาดาลได้
แต่กับเฉิงยี่นั้น ในตอนนี้เขาแสดงออกมาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวก่อนเดินกระทืบเท้าตรงไปหาเฉินเฉียง
หลี่ฉิงนั้นเป็นศิษย์ที่มีค่าที่สุดของเขา แถมในการประลองก่อนหน้านี้ งูพิษปีศาจที่เป็นหุ่นเชิดโลหิตของเขาพึ่งจะกลืนกินหมาล่าเนื้อปีศาจที่เป็นสัตว์ปีศาจระดับสองของหลูอันไป ทั้งๆที่มีอนาคตที่สดใสรออยู่อีกไม่นาน
แต่ในตอนนี้เขากลับต้องมาจบสิ้นเพราะเฉินเฉียง
ความโกรธเกรี้ยวในใจของเฉิงยี่นี้ แม้แต่ผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนก็ยังสัมผัสได้ในเรื่องนี้
และนี่ทำให้หลิวฉิงหยุนรีบเดินเข้ามากั้นกลางระหว่างเฉิงยี่และเฉินเฉียงเอาไว้
เฉินเฉียงเป็นความหวังให้กับการล้างแค้นของเขา เขาย่อมไม่ยอมให้เฉิงยี่ทำอันตรายเขาไปได้
เจิ้งฮูเชิงที่เห็นฉากนี้เองก็รับรู้ได้ว่าเฉิงยี่คิดจะทำสิ่งใดจึงรีบยืนขึ้นแล้วพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง “เฉิงยี่ กลับมานี่เดี๋ยวนี้”
ด้วยการที่เสียงที่ส่งออกไปด้วยเจิ้งฮูเชิงนี้แผงเอาไว้ด้วยพลังฟ้าดิน นี่จึงทำให้เฉิงยี่รู้สึกตัวได้ว่าตนเองกำลังจะทำในสิ่งที่สิ้นคิดไป
เฉิงยี่ได้หันไปหาเจิ้งฮูเชิงอย่างช้า พร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า “ผอ.…ข้า…”
เจิ้งฮูเชิงนั้นเข้าใจความรู้สึกของเฉิงยี่เป็นอย่างดี
แต่ในครั้งนี้ สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการประลองระหว่างสองสำนัก หากสำนักเต๋าดาวตกนั้นชนะรวดเดียวในทุกด้าน ก็ไม่ได้ต่างไปจากการที่เกียรติภูมิของเขาที่มีอยู่นั้นต้องไร้ค่าไป
“ผู้อาวุโสเฉิง กลับมานี่ การต่อสู้นี้ พวกเราแพ้แล้ว”
เจิ้งฮูเชิงใช้คำว่า การต่อสู้ ออกมา เพื่อให้เฉิงยี่นั้นตระหนักได้ว่าการต่อสู้เมื่อครู่นี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีผู้ตกตาย
เฉิงยี่ได้ก้มหัวลงอย่างช่วยไม่ได้และทำได้เพียงแค่หันหลังกลับ
“ผู้อาวุโสเฉิงยี่ โปรดรอก่อน”
ในตอนที่เฉิงยี่กำลังจะกลับไปยังที่ของตน เขาไม่คิดว่าจะถูกเฉินเฉียงเรียกตัวไว้
เฉิงยี่ได้หันไปด้วยสายตาที่ขุ่นเคืองจนราวกับจะพ่นไฟออกมาได้
“ไอ้หนู แกต้องการอะไรอีก”
“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก” เฉินเฉียงพูดพลางลูบหัวเมิ่งน้อยที่กำลังยุ่งเหยิงอยู่แล้วพูดออกมาต่อ “ข้าเพียงจำได้ว่าก่อนการประลอง ท่านนั้นบอกว่าหากข้าชนะการต่อสู้นี้ได้ ท่านจะมอบแก่นวิญญาณให้ข้าสองก่อนไม่ใช่รึ”
“ด้วยการที่ท่านน่าจะอารมณ์ไม่ดีเพราะศิษย์รักของท่านจะตกตายไป จนทำให้ท่านหลงลืมคำพูดจาอันศักดิ์สิทธิ์ของตนไปเสียกระมัง”
“…… อืมมมม……เอาเป็นว่าข้าจะทำเป็นลืมคำของท่านที่ลั่นออกมาก่อนหน้านี้ไปให้ก็แล้วกันนะ ”
“คิดซะว่าข้าพูดลอยๆไปก็พอ”
“แก…..” เฉิงยี่ในตอนนี้ราวกับจะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา
ด้วยการที่เขานั้นเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่สูงส่งของสำนักเต๋า แล้วทำไมเขาจะต้องขี้เหนียวกับอีแค่แก่นวิญญาณเพียงสองก้อน
แต่มันเป็นเพราะเขาหลงลืมมันไปเพราะเขากำลังเสียใจกับการจากไปของศิษย์รักของเขาจริงๆ
ยังไม่รวมถึงที่ว่าเขานั้นไม่คิดว่าเฉินเฉียงนั้นจะรอดออกมาได้ง่ายๆแบบนี้อีก
แต่ในเมื่อเขานั้นถูกผู้น้อยเช่นนี้ทวงถามเรื่องนี้ต่อหน้าสาธารณชน เพียงแค่นี้ก็ทำให้เขาเสียหน้ามากมายอยู่แล้ว หากเขายังไม่ยอมให้แก่นวิญญาณไปอีกล่ะก็…….นี่มันช่างไม่ยุติธรรมกับเขาเลยสักนิด
แต่หลิวฉิงหยุนนั้นกับแสดงออกมาถึงความลิงโลดอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงทักษะของเฉินเฉียงจะสูงล้ำเกินกว่าที่เขาคิดว่า เฉินเฉียงยังช่วยเขาล้างอายได้อย่างนับครั้งไม่ถ้วน ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาต้องรู้สึกดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“เฉินเฉียง หากผู้อาวุโสเฉิงนั้นไม่พร้อมที่จะมอบแก่นวิญญาณให้เจ้าล่ะก็ ไม่เป็นไรหรอก ไอ้แก่ผู้นี้จะมอบมันให้เจ้าเอง ไม่สิ เดี๋ยวข้ามอบแก่นวิญญาณให้เจ้าห้าก้อนเลยแล้วกัน”
เฉิงยี่ที่ได้ยินก็แสดงความเดือดดาลออกมาผ่านทางสีหน้าจนทุกคนเห็นกันหมดสิ้น เขามองไปที่หลิวฉิงหยุนด้วยสายตาที่เย็นชาก่อนจะพูดออกไป “พี่หลิว เรื่องนี้คงไม่ต้องรบกวนท่าน กับอีแค่แก่นวิญญาณสองก้อน ไอ้แก่คนนี้ย่อมมีปัญญาที่จะมอบให้”
เมื่อพูดจบ เฉิงยี่ได้นำแก่นวิญญาณออกมาสองก้อนจากแหวนเก็บของของตน แล้วปาไปให้เฉินเฉียง
เมื่อเห็นแก่นวิญญาณได้พุ่งมาที่ตน เฉินเฉียงคิดไปเล็กน้อยก่อนเลือกที่จะหลบแก่นวิญญาณสองก้อนที่กำลังพุ่งเข้าหามา
เหตุผลก็เพราะเฉิงยี่ได้ปาแก่นวิญญาณมาหาเขาโดยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
ตามความเป็นจริง ถึงแม้จะสุดแรงแต่มันก็เป็นเพียงแรงของราชาขั้นกลางเพียงเท่านั้น กับแรงระดับนี้ เฉินเฉียงย่อมรับมันได้ตรงๆโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
แต่นั่นจะทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาได้ในทันที
เพื่อที่เขาจะได้ดำเนินการตามแผนการของตนในโลกปีศาจนี้ได้อย่างราบรื่น เขาจึงทำได้เพียงทนไว้เท่านั้น
แน่นอนว่าการกระทำของเฉิงยี่นี้หาได้หลุดรอดสายตาของผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนไม่
หลิวฉิงหยุนที่อยู่ใกล้เฉินเฉียงมากที่สุดเพราะเอาตัวมาขวางเฉิงยี่ไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นว่าเฉิงยี่คิดเล่นตุกติก ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและพร้อมที่จะช่วยเฉินเฉียงเอาไว้
แต่ถึงแม้หลิวฉิงหยุนอยากจะช่วยเฉินเฉียงขนาดไหน แต่เขาก็ยังตามความเร็วของเฉิงยี่ไม่ทัน
หากไม่ใช่ว่าเฉินเฉียงต้องสะกดข่มตัวเองไว้ล่ะก็ ต่อให้เขายอมรับการโจมตีนี้ไปล่ะก็ อย่างน้อยเขาก็ต้องมีรอยขีดข่วน หรืออย่างมากเขาก็อาจจะเจ็บหนักปางตาย
ในขณะที่หลิวฉิงหยุนกำลังก่นด่าเฉิงยี่ที่หน้าไม่อายพร้อมกับความคิดที่ว่าเฉินเฉียงต้องเจ็บหนักปางตายเป็นแน่ ไม่มีใครคิดเลยว่าในตอนนี้ เมิ่งน้อยที่กำลังเกาะอยู่บนแขนของเฉินเฉียงนั้น เมื่อเห็นแก่นวิญญาณสองก้อนที่พุ่งตรงเข้ามา มันก็ได้เบิกตากว้างก่อนจะฉกฉวยแก่นวิญญาณทั้งสองไปราวกับสิงโตที่ฉวยหูกระต่ายขึ้นมาจากรู
ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงจะรู้ว่าเมิ่งน้อยนั้นไวต่อแก่นวิญญาณมากนัก แต่เขาก็ไม่คิดว่า เรี่ยวแรงของราชาขั้นต้น แม้จะไม่ถึงกับเต็มแรงมากมาย แต่กับการปาแก่นวิญญาณนี้มันก็น่าจะใช้แรงมากพอดูไม่ใช่รึไง
ดูเหมือนว่าแม้แต่เจ้าตัวน้อยของเขาก็จะไม่ใช่ธรรมดาเสียแล้ว