ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 401 กำแพงที่ขวางกั้น
บทที่ 401 กำแพงที่ขวางกั้น
หลิวฉิงหยุนส่ายหน้าไปมาอีกครั้ง
“ข้าขอโทษจริงๆ ด้วยการที่ข้าเข้าไปอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสั้นๆ แถมนี่ก็ผ่านมาสามสิบปีแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทั้งสามร่างนั้นถูกสวมคราบร่างไปหรือยัง”
“แต่ตอนที่ข้าอยู่ที่นั่นนั้น ทั้งสามร่างยังคงอยู่”
“นั่นก็เพราะว่าแม้แต่ตอนนั้น ข้าได้ยินมาว่าผู้อาวุโสแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ยังพยายามที่จะเปลี่ยนทั้งสามร่างนั้นให้กลายเป็นหุ่นเชิดซากศพอยู่เลย”
“ข้าได้ยินมาว่าระดับการบ่มเพาะของทั้งสามนั้นเกือบจะอยู่ในระดับจักรพรรดิที่ร่ำลือนั่นแล้ว”
“น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ร่างของทั้งสามนั่นได้ นี่จึงทำให้การเปลี่ยนทั้งสามให้กลายเป็นหุ่นเชิดซากศพยังไม่อาจเป็นจริงได้”
“หากให้ข้าบอกตามความเห็นของข้า ข้าก็บอกได้เพียงว่าทั้งสามร่างนั้นยังคงอยู่”
“ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ทั้งสามสมควรจะเป็นหุ่นเชิดซากศพแล้วบุกไปยังโลกที่ทั้งสามจากมาไปนานแล้วน่ะนะ”
เฉินเฉียงเองก็คิดเช่นเดียวกับหลิวฉิงหยุนในเรื่องนี้
ตราบใดที่ซากร่างของราชาจักรพรรดิทั้งสามยังคงอยู่ เขาย่อมหาโอกาสฉกชิงกลับมา
หลังจากพอจะเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปได้แล้ว เฉินเฉียงก็ได้ลุกขึ้นยืนและกล่าวลา
เรื่องผลการแข่งขันระหว่างสองสำนัก สำหรับเฉินเฉียงและหลิวฉิงหยุนนั้นล้วนแล้วแต่ไร้ความหมาย นี่จึงทำให้เมื่อเขาออกมาก็กลับไปที่บ้านพักในทันที
ในบ้านพัก เมื่อเฉินเฉียงได้พบหยานเสวี่ย เขาก็รีบนำกล่องหยกออกมา
“หยานเสวี่ย นี่คือสมุนไพรหมุนเวียนโลหิต รีบกินมันเร็วเข้า” เฉินเฉียงพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
ตราบใดที่หยานเสวี่ยดูดซับสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตเข้าไปในร่างกาย เธอก็จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเลือดปีศาจกลืนกินอีก
หยานเสวี่ยพยักหน้ารับ ก่อนที่จะนำสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตเข้าปากไป
นี่คือสิ่งที่คนรักของเธอพยายามทุกวิถีทางเพื่อนำมามอบให้
หลังจากเคี้ยวสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตไปเล็กน้อย หยานเสวี่ยก็แสดงออกมาด้วยใบหน้าที่หวานชื่นพร้อมสีแดงระเรื่อที่ปรากฏขึ้นมา
ไม่นาน ตัวยาที่ไหลออกมาจากสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตก็ได้ถูกดูดซึมเข้าไปในร่างของหยานเสวี่ย เธอรู้สึกได้ว่าเส้นเลือดที่ไหลเวียนทั่วร่างราวกับโล่งขึ้น แม้แต่เส้นประสาทของเธอก็ยังรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นมา
น่าเสียดายที่ผลจากสมุนไพรตัวนี้ที่ส่งผลต่อหยานเสวี่ยไม่ได้ดีเท่ากับที่เฉินเฉียงคิดไว้ มันไม่ได้ส่งผลอันใดต่อแก่นสายเลือดของหยานเสวี่ย
จะมีเขาเพียงคนเดียวที่ยกระดับสายเลือดได้เพราะได้รับสมุนไพรนี่รึเปล่านั้น
แต่อย่างน้อยๆ หยานเสวี่ยก็ไม่ต้องกลัวที่จะพบเจอสัตว์ปีศาจอีกต่อไป
ด้วยระดับการบ่มเพาะของเธอแล้ว หากเธอไม่ได้พบเจอมหาราชา ผู้คนที่เหลือย่อมไม่อาจทำอะไรเธอได้
เมื่อเห็นว่าหยานเสวี่ยดูดซับสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตจนเสร็จสิ้น เฉินเฉียงก็ได้ยืนขึ้นในทันที
“ในเมื่อการประลองจบลงแล้ว ตอนนี้เจ้าเองก็มุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะได้แล้วล่ะ”
“แล้วเจ้าล่ะ เจ้าจะไปไหนกัน”
เฉินเฉียงได้เผยรอยยิ้มหวานออกมาแล้วพูดตอบ “นี่เป็นส่วนของเจ้าเท่านั้น แต่คนอื่นในกองกำลังของข้ายังไม่ได้รับพวกมันเลย ข้าคงต้องออกแรงหาให้พวกนั้นสักหน่อยน่ะ”
เหมือนหยานเสวี่ยได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะร้อนรน “ไม่เอา ถ้าเจ้าไปแล้วเกิดบาดเจ็บอีกล่ะ หากเจ้าไปที่เขาโรคาอีกครั้ง พวกนั้นมันไม่เล่นงานเจ้าจนตายเลยรึไง”
“ฮี่ฮี่ฮี่ ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่านอกจากเขาโรคาแล้วยังมีที่อื่นที่มีสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตอยู่อีก”
“แล้วในครั้งนี้เจ้าคลายกังวลไปได้เลย สถานที่ที่ข้าจะไปปลอดภัยอย่างที่สุด ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับข้าได้อย่างแน่นอน”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงก็ดำดินหายไปในชั่วพริบตา
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที เขาก็ไปปรากฏตัวในอีกที่ซึ่งอยู่ไปไกลจากจุดเดิมห้าสิบไมล์ มันคือกำแพงแสงที่หลิวฉิงหยุนพูดคุยกับเขาก่อนหน้านี้
ผ่านมากว่าครึ่งปีแล้วที่เฉินเฉียงได้นำพากองกำลังเทียนเว่ยข้ามผ่านกำแพงเขตแดนนี้มาจากเขตแดนลับในเขตแดนจักรพรรดิเพื่อมายังโลกแห่งนี้
จากที่หลิวฉิงหยุนพูดมานั้น ที่นี่จะมีคนจำนวนห้าคนคอยโจมตีกำแพงเขตแดนอยู่ตลอดเวลา และคนที่โจมตีทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับราชาขั้นต้น
ครึ่งปีที่ผ่านไป หลังจากเฉินเฉียงได้ใช้พลังจิตตรวจสอบแล้ว เขาพบว่าทั้งห้าคนที่เขาเคยได้พบเจอก่อนหน้ายังคงโจมตีกำแพงเขตแดน เพียงแต่ด้วยจิตใจและร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการโจมตีไปในงานที่ไม่มีจุดสิ้นสุดนี้
หลังจากตรวจสอบโดยรอบแล้ว เขาก็พบว่าไม่มีคนอื่นอีก
แต่เพื่อเป็นการไม่ประมาท เขาได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนไป
คราวนี้เขาเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นหลี่ฉิงแห่งสำนักเต๋าดาวตก
ด้วยการที่คนคนนี้เป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตที่ผู้คนไม่อยากจะข้องเกี่ยว แถมยังตกตายร่วงหล่นสู่ขุมนรกไปแล้ว ต่อให้มีเรื่องเกิดขึ้น ก็ไม่อาจให้ผู้ใดเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อีก
หลังจากเตรียมตัวจนพอใจแล้ว เฉินเฉียงก็ได้ใช้ผ่ามิติเข้าไปใกล้กำแพงแสง
ด้วยการที่คนพวกนี้อยู่ในระดับราชา ต่อให้พวกเขาไม่ได้นอนก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ทั้งห้าคนโจมตีมาอย่างไม่หยุดหย่อน ต่อให้ไม่เหนื่อย แต่พวกเขาทำท่าราวกับจะตกตายเพราะความเบื่อหน่าย
ไม่มีใครสามารถทนทำสิ่งเดิมๆซ้ำได้ราวกับเครื่องจักรถึงห้าปีเป็นแน่
ผลก็คือทั้งห้าคนนั้นผลัดเปลี่ยนกันโจมตีกำแพงเขตแดนนี้
ในขณะที่คนหนึ่งโจมตี อีกคนหนึ่งจะไปพักผ่อนตามอัธยาศัย
เมื่อเฉินเฉียงมาถึง คนที่ยังไม่ได้หยุดพักก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของเฉินเฉียงในทันที
และไม่นาน อีกสี่คนที่เหลือก็ได้หันไปมองทางที่เฉินเฉียงได้เหยียบย่างเข้ามา
ถึงแม้กำแพงแสงนั้นจะไม่ใช่สถานที่หวงห้าม แต่มันก็ไม่ใช่สถานที่ที่คนทั่วไปจะเหยียบย่างเข้ามาเช่นกัน
ด้วยการที่สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากผู้คนนับร้อยไมล์ คนธรรมดาย่อมไม่อยากจะเหยียบย่าง แล้วคนกันถึงได้มาที่นี่
หนึ่งในห้าคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มได้ก้าวเดินออกมาพลางมองไปที่เฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของหลี่ฉิง เขายกมือขึ้นห้ามปราบแล้วตะโกนออกไป “ไอ้หนุ่ม เจ้ามาจากไหนก็รีบไสหัวไปทางนั้น ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะเหยียบย่างเข้ามา”
เฉินเฉียงไม่ได้แยแส กลับเดินตรงต่อไป
เมื่อทั้งห้าคนเห็นแบบนี้แล้ว ทุกคนก็มีสีหน้าที่ตื่นตัว
“พี่ใหญ่ ไม่ดีแล้วล่ะมั้งเนี่ย” หนึ่งในกลุ่มห้าคนที่เห็นรูปลักษณ์ของเฉินเฉียงในตอนนี้รีบกระวีกระวาดพูดออกมา “ท่านเห็นผิวพรรณไอ้เด็กนี่รึเปล่า คงไม่ใช่ว่ามันคือผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตหรอกนะ”
“แถมด้วยระดับของพวกเรานั้นสามารถสัมผัสถึงคนทั่วไปได้นับห้าไมล์จากที่นี่เลยนะ”
“แต่พวกเราพึ่งจะสัมผัสถึงไอ้เด็กนี่ได้ตอนที่มันมาถึงที่นี่เท่านั้น ข้าว่ามันไม่ธรรมดาแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อีกสามคนที่เหลือก็เริ่มตื่นตระหนก
นี่มันหมายความว่าผู้บ่มเพาะที่หนุ่มแน่นคนนี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่อ่อนด้อยกว่าพวกเขา
เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว คนตรงหน้าพวกเขานั้นคือผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต
หากอีกฝ่ายคือผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตที่อยู่ในระดับราชาเป็นอย่างน้อย เพียงเท่านี้พวกเขาก็ยากที่จะหลีกหนีได้แล้ว
เมื่อคิดได้แบบนี้ ชายที่เป็นผู้นำกลุ่มได้รีบเร่งตะโกนออกไป “พี่น้อง รีบกินสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตเร็วเข้า พวกเจ้าจะได้ไม่ถูกหุ่นเชิดโลหิตของมันผู้นี้สังหาร”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ทั้งสี่รีบนำกล่องหยกออกมาจากแหวนเก็บของ
นี่ทำให้ใบหน้าของเฉินเฉียงถึงกับต้องกระตุก
นั่นก็เพราะที่เขามาที่นี่เป็นเพราะต้องการสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตที่ทั้งห้าคนนี้มีอยู่
หากทั้งห้าคนนี้ดูดซับสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตก่อนที่เขาจะได้เริ่มลงมือ นี่จะไม่เท่ากับว่าเขาเพียงแค่มาเดินเล่นรึไงกัน
“ช้าก่อน ทุกคน อย่าพึ่งเข้าใจผิดไป”
เฉินเฉียงรีบหยุดเท้าที่ระยะร้อยเมตรแล้วพูดออกมา “โปรดอย่าพึ่งเข้าใจผิดไป ข้านั้นไม่ใช่ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต จริงๆนะ”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาอีกครั้งเพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่พูด ในตอนนี้เขาอยู่ในรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับผู้จัดการหอการค้าแห่งเมืองเฉินหลิวที่เขาเคยได้ไปใช้บริการมาก่อน
ที่เฉินเฉียงทำเช่นนี้เป็นเพราะเพื่อให้ทั้งห้าคนนั้นรู้สึกผ่อนคลายในการคงอยู่ของเขา
แต่เขาก็นึกไม่ถึงว่า ไอ้การเปลี่ยนหน้าไปมาของเขานี้จะเป็นสิ่งที่แม้แต่คนบนโลกปีศาจก็ยังยากจะยอมรับได้