ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 402 พิษ
บทที่ 402 พิษ
ใครที่ไหนจะไปคิดว่ามีคนที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ต่อหน้าต่อตาแบบนี้ได้กัน
คนที่มีเวทมนตร์ยังไม่อาจทำได้เทียบเท่าเฉินเฉียงเลยด้วยซ้ำ
“แปะ แปะแปะ แปะ แปะ”
เมื่อเห็นฉากนี้ กล่องหยกทั้งห้าแทบจะหลุดร่วงจากมือของราชาทั้งห้าคนพร้อมๆกัน
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงเองก็แทบจะโจนทะยานเข้าไปหยิบฉวยกล่องหยกทั้งห้าในทันทีที่มันหล่นลงพื้นด้วยเหมือนกัน
แต่จิตใต้สำนึกของเขานั้นกลับบอกว่าอย่าได้หาทำเรื่องแบบนั้นไม่
นั่นก็เพราะดีไม่ดีหากเขาพุ่งเข้าไปหมายหยิบฉวย ราชาทั้งห้าอาจจะรีบเร่งหยิบกล่องหยกและรีบกินสมุนไพรหมุนเวียนเลือดไปก่อนที่เขาจะเข้าไปถึงตัว
และเพื่อให้บรรยากาศในการพบเจอผ่อนคลายลง เฉินเฉียงจึงได้นั่งลงเสียตรงนั้น
แม้ราชาทั้งห้าจะยังไม่ลดการป้องกันลง แต่อย่างน้อยๆพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเมื่อรู้ว่าเฉินเฉียงไม่ใช่ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต
หลังจากหยิบกล่องหยกของแต่ละคนที่ร่วงหล่นไปก่อนหน้า หัวหน้ากลุ่มก็ได้พูดออกมา “เจ้าเป็นใครกันแน่”
หลังจากเฉินเฉียงมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครอื่นอีก เขาก็ได้เผยรอยยิ้มละไมขึ้นมาบนใบหน้า “ไม่ต้องรีบร้อนไป เรามาคุยกันช้าๆดีกว่า”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงได้นำไวน์นารีแดงออกมาสองไหจากแหวนของตน ก่อนที่จะโยนไหหนึ่งไปให้คนทั้งห้าแล้วเปิดอีกไหหนึ่งยกดื่ม
ราชาทั้งห้าในตอนนี้จะมีอารมณ์ดื่มอยู่อีกได้ยังไงกัน ทั้งห้ายังคงจ้องมองเฉินเฉียงประดุจดั่งตัวประหลาด
แต่ตราบใดที่ทั้งห้ายังไม่คิดกินสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตไป สำหรับเขาแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
การแสดงออกของทั้งห้าในตอนนี้จากตอนแรกที่ลนลาน แต่ในตอนนี้กลับดูสงบกว่ามากนัก
หากจะมีเหลือความตกใจไว้ก็คงจะเป็นไอ้การเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่เหนือมนุษย์มนาของเขานั่นแล
เพราะราชาทั้งห้านั้นได้เห็นเฉินเฉียงเปลี่ยนรูปลักษณ์จากร่างที่ผอมกะหร่องเป็นคนอ้วนตุ๊ต๊ะต่อหน้าต่อตา
อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคนิคการเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่ดูราวกับสูงล้ำนี้ แต่นั่นก็ยังไม่ได้บ่งบอกว่าคนตรงหน้าของพวกเขานั้น แข็งแกร่งตามไปด้วย
แถมที่นี่คือกำแพงแสงที่มีเพียงคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่กล้าจะย่างกราย
เมื่อคิดได้แบบนี้ ราชาทั้งห้าก็เริ่มขยับเข้าไปรุมล้อมเฉินเฉียงไว้
“ไอ้หนู เจ้าเป็นใครกัน ทำไมเจ้าถึงได้มาที่นี่ บอกข้ามาตามตรงซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน” ผู้นำกลุ่มได้พูดออกมาด้วยอารมณ์ที่ดุดัน
เฉินเฉียงมองคนทั้งห้าที่กำลังยืนรายล้อมตนอยู่พลางยกไวน์นารีแดงไปอีกอึกหนึ่งก็ได้เผยรอยยิ้มออกมา
ยังดีที่ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับเทียบเท่าคนทั้งห้าที่อยู่ในระดับราชา ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ปรากฏกายออกมาแล้วนำพาคนทั้งห้าเข้าไปในโลกใบเล็กของเขาไปแล้ว
ในตอนนี้ จากการดูท่าทีของเฉินเฉียงแล้ว หากเขาต้องการจะฆ่าราชาทั้งห้าโดยไม่ให้หนีรอดออกไปได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการล่อลวงให้คนทั้งห้าไว้วางใจแล้วลงมือในครั้งเดียว
“ไม่ต้องรีบร้อนน่า ท่านไม่เห็นไวน์ที่ข้ามอบให้ท่านไปรึไง”
“ข้าขอบอกตรงๆเลยนะว่าทั่วทั้งโลกปีศาจนี้ห้าไวน์ดีๆเช่นนั้นไม่ได้อีกแล้วนา”
“พวกท่านเองก็ทำงานมาอย่างหนักเพื่อโลกใบนี้ไม่ใช่รึไง”
“ตัวข้าเป็นคนจากอีกฟากฝั่งหนึ่ง….”
“โกหก” หนึ่งในห้าราชาตะคอกออกมา “พวกเราทั้งห้าอยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว พวกเรายังไม่เคยเห็นหัวใครออกมาจากอีกฟากฝั่งสักคนเดียว”
เฉินเฉียงขำตัวโยนไปเล็กน้อยก่อนจะยืนขึ้นแล้วชี้นิ้วไปหาราชาที่ตะคอกออกมาก่อนจะตอบกลับไป “ท่านนี่น้าช่างเด็กน้อยนัก ใครบอกท่านกันว่าประตูเชื่อมโลกอีกฟากฝั่งกับโลกปีศาจนั้นมีเพียงที่เดียว”
“ยิ่งไปกว่านั้นคือ พวกท่านเองก็ยังส่งคนมากมายโจมตีกำแพงนี่มานับร้อยปีแล้วไม่ใช่รึ หากมันจะแตกหักได้มันก็ควรจะแตกหักพังทลายไปนานแล้ว”
ตัวตนที่เฉินเฉียงแสดงออกมานี้ทำให้คนทั้งห้าทั้งประหลาดใจและตื่นตะลึง แถมมาในตอนนี้พวกเขายังได้ยินเรื่องที่ว่ายังมีทางเข้าโลกนี้ที่อื่นอยู่อีก เมื่อได้รับรู้แบบนี้จะไม่ให้พวกเขาตกตะลึงได้ยังไง
หากไม่สนว่าอีกฝ่ายหนึ่งนั้นพูดเรื่องจริงหรือไม่ เพียงแค่เรื่องก่อนหน้านี้ก็ทำให้พวกเขาฉงนสนเท่ห์มากพอแล้ว
ตราบใดที่พวกเขาจับตัวไอ้เด็กตรงหน้าและส่งให้วิหารศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้พวกเขาหาทางเชื่อมอีกแห่งไม่พบ แต่มันก็ถือได้ว่าเป็นความดีความชอบที่มากพอ ดีไม่ดี พวกเขาจะไม่ต้องคงอยู่ในสถานที่รกร้างแห่งนี้อีกต่อไปด้วยซ้ำ
เมื่อคิดได้แบบนี้ ทั้งห้าก็ลอบพูดคุยผ่านทางเสียงผ่านจิตวิญญาณแล้วทำข้อตกลงกัน
คนที่เป็นหัวหน้าได้ก้าวเดินหน้าขึ้นมาแล้วพูดมาด้วยรอยยิ้ม “ไอ้หนู เจ้าบอกว่ามาจากอีกฟากฝั่งหนึ่ง เจ้ามีหลักฐานรึเปล่า”
“หลักฐานเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า….” เฉินเฉียงหัวเราะอย่างดังลั่น ก่อนจะกระดกไวน์ไปอีกอึกหนึ่งแล้วโยนไวน์ที่เหลือเพียงครึ่งไปให้กับราชาผู้นี้ “พี่ชายท่านนี้ ท่านยังต้องการหลักฐานอีกงั้นรึ ลองดมมันดูสิว่าไวน์ดีๆเช่นนี้หาได้ที่ไหนในโลกปีศาจ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ราชาผู้นำกลุ่มก็ได้หยิบไหไวน์ไปจ่อที่ปากก่อนจะสูดดม หลังจากสัมผัสกลิ่นหอมหวลยั่วน้ำลายไปแล้วเขาก็รีบยกขึ้นดื่มในทันทีโดยไม่รอให้คนอื่นๆได้ร้องห้าม
“พี่ใหญ่ อย่า” หนึ่งในนั้นที่เห็นก็รีบส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณไป –พี่ใหญ่ ชายผู้นี้มีภูมิหลังที่แปลกประหลาด ใครจะไปรู้ว่าไวน์นั่นมีพิษรึเปล่า พวกเราต้องระวังนะ-
ชายผู้นำกลุ่มได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรน่า”
“เราก็เห็นไอ้เด็กนี่ดื่มมันกับตา หากจะมีพิษจริงไอ้คนที่จะตายคนแรกสมควรจะเป็นมัน”
“อีกอย่าง พวกเรามีตั้งมากกว่า จะกลัวมันไปทำซากอะไร”
หลังจากพูดออกมา ราชาหัวหน้ากลุ่มก็ได้ทำแบบเฉินเฉียง ยกหัวขึ้นแล้วดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่
“อ่า….. ไวน์ดี”
ราชาหัวหน้ากลุ่มอดไม่ได้ที่จะต้องยอมรับ
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปอย่างกระหาย
“พี่ใหญ่….ขอข้าสักหน่อยสิ” ชายร่างเตี้ยที่อยู่ใกล้สุดก็ฉวยไหไวน์ที่ยังคงถูกเทลงเข้าปากไปโดยราชาหัวหน้ากลุ่ม
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะได้ดื่มกิน เขาก็เห็นหัวหน้ากลุ่มของตนจากหน้าแดงฉานเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ ก่อนจะมีเลือดไหลออกมาจากทั่วร่างกาย
“ห่า….”
ชายหัวหน้ากลุ่มถ่มเลือดออกจากปากต่อหน้าราชาทั้งสี่ที่กำลังมองเขาจนลืมที่จะหายใจ
“พี่ใหญ่”
“แย่แล้ว ไวน์มีพิษ”
ในตอนนี้ไหไวน์ได้ถูกเขวี้ยงทิ้งลงพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทุกคนจะมองไปที่เฉินเฉียงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเฉินเฉียงนั้นวางยาต่อหน้าพวกเขาได้ยังไง
พวกเขานั้นต่างก็เป็นผู้บ่มเพาะในระดับราชา ผู้ที่มีระดับต่ำกว่านี้พวกเขาหากปรากฏกาย พวกเขาจะรับรู้ได้ในระยะห้าไมล์
อย่างไรก็ตาม พวกเขานั้นไม่รู้ว่าเฉินเฉียงวางยาพิษนี้ได้ยังไง
มันแสดงให้เห็นว่าเฉินเฉียงเป็นผู้เชี่ยวชาญพิษ
ต้องรู้ก่อนว่าสำหรับผู้อยู่ในระดับราชานั้น พิษธรรมดาย่อมไร้ผล
แต่ที่น่าแปลกก็คือพิษนี้กลับทำให้แม้แต่หัวหน้ากลุ่มที่อยู่ในระดับสูงสุดในกลุ่มก็ยังต้องได้รับผล แล้วจะไม่ให้พวกเขาหวาดกลัวได้ยังไง
อย่างไรก็ตาม ในคณะที่ราชาทั้งสี่คิดอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอยู่ในหัว
ทั้งสี่มองหน้ากันพลางลอบส่งเสียงทางจิตวิญญาณ ก่อนจะตัดสินใจกันได้ว่าจะรีบจับกุมเฉินเฉียงไปให้วิหารศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้จัดการ
ในตอนที่เฉินเฉียงดื่มไวน์ไปอึกสุดท้ายก่อนหน้า เขาได้กัดลิ้นตัวเองไปเล็กน้อยให้เลือดของตนผสมเข้าไปในไหไวน์
ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่หยดเดียว แต่ด้วยสายเลือดโกลาหลของเขาในตอนนี้ ผลจากพิษในเลือดของเขาย่อมเหนือกว่าแต่ก่อนมากนัก
แน่นอนว่ากับเพียงแค่ราชาขั้นต้น ย่อมไม่อาจต้านทานพิษของเขาได้