ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 403 จัดสรร
บทที่ 403 จัดสรร
เมื่อเห็นว่าราชาอีกสี่คนกำลังพุ่งตรงมายังตนจากสี่ทิศทาง เฉินเฉียงก็ได้ยืนขึ้น เมื่อทั้งสี่ราชาเกือบจะถึงตัวเขา เขาก็รีบโค้งตัวลงพร้อมกับมีปีกสีเงินที่มีความยาวนับสิบเมตรปรากฏขึ้นที่กลางหลัง
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง”
ปีกทั้งสี่ข้างของเฉินเฉียงนี้ก็คือปีกสีเงินที่อยู่ในระดับสิบและหมุนวนตกกระทบกันราวกับเครื่องบดเนื้อ และนี่ทำให้ของราชาคนหนึ่งดีดกระเด็นขึ้นไปบนฟ้า
เมื่อเห็นฉากนี้ ราชาทั้งสามทำได้เพียงตกตะลึง
สิ่งที่เฉินเฉียงกระทำลงไปนั้นแน่นอนว่าทำให้ราชาอีกสามต้องยืนอึ้งไป
มนุษย์ที่ไหนจะไปมีปีกแบบนี้งอกออกมากัน
แถมยังเป็นปีกโลหะเสียอีก
นี่คือท่าไม้ตายที่เฉินเฉียงที่คิดจะใช้ในการปิดฉากการพบเจอนี้
เพียงแค่ราชาคนหนึ่งต้องตกตาย ราชาอีกสี่คนย่อมมุ่งร้ายต่อเขาอย่างรวดเร็ว แต่หากเขาฆ่าเร็วเกินไป ย่อมต้องมีคนพยายามหนี และนี่จะทำให้เขาได้รับสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตลดน้อยลงไป ไหนจะมีโอกาสที่มีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้เหยียบย่างมาอีก
นี่จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่เขาจะตรึงทั้งห้าคนเอาไว้
อย่างที่เฉินเฉียงคาดเอาไว้ ในทันทีที่ปีกสีเงินได้ปรากฏ พร้อมกับราชาอีกหนึ่งได้มอดม้วยไป มันเพียงพอที่จะทำให้ราชาอีกสามคนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
และนี่จะเป็นโอกาสอันดียิ่งของเขา
เพียงเขากำจัดได้อีกเพียงหนึ่งคน อีกสองคนที่เหลือนั้น ด้วยความเร็วของเขาแล้วย่อมไม่ปล่อยให้ทั้งสองหลบหนีไปได้
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงก็รีบชี้นิ้วชี้ของตนออกไป
ห้านิ้วพิศวงระดับเก้า ถึงแม้มันจะไม่รุนแรงพอที่จะทะลวงกำแพงเขตแดน แต่มันก็เพียงพอที่จะพรากชีวิตผู้บ่มเพาะระดับราชาของโลกใบนี้
เพียงนิ้วเดียว เขาก็สามารถเจาะทะลวงหน้าผากของราชาคนที่สามไป แล้วมีหรือที่ราชาอีกสองคนจะคิดจะอยู่สู้ต่อ ในตอนนี้ทั้งสองกลัวจนเหงื่อตกตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ
“หนี”
ราชาทั้งสองหันหลังแทบจะพร้อมกัน และต่างก็บินหนีไปคนละทิศคนละทาง
“อยากจะหนี เหอะ”
เฉินเฉียงสะบัดมือไปทีหนึ่งก่อนจะมีธนูสีดำปรากฏอยู่ในมือ หลังจากใช้มือซ้ายเหนี่ยวรั้งไป ธนูแสงพลังจิตในมือขวาก็ได้ถูกยิงออกพุ่งตรงไปหาราชาคนหนึ่งที่อยู่ห่างไปร้อยไมล์เห็นจะได้
“อ๊ากกก”
เสียงกรีดร้องดังก้องทั่วท้องฟ้า เฉินเฉียงได้เก็บธนูดำไป ก่อนจะใช้ทักษะผ่ามิติ หายจากจุดที่ยืนไปปรากฏอยู่ตรงหน้าราชาคนสุดท้ายในชั่วพริบตา
เมื่อเห็นเฉินเฉียงปรากฏอยู่ตรงหน้า ราชาคนสุดท้ายก็รู้แล้วว่าตนเองนั้นหนีไม่รอด และทำได้เพียงตะโกนออกไปอย่างสิ้นหวัง “แกเป็นตัวห่าเหวอะไรกันวะ แล้วทำไมถึงได้มาเล่นงานพวกข้า”
“ก็บอกไปแล้วไม่ใช่รึไง ข้าคือคนที่มาจากโลกที่อยู่อีกฟากหนึ่งที่พวกเจ้าคิดจะรุกรานข้ามฝั่งไป”
“ในเมื่อไม่ช้าก็เร็วพวกเราก็ต้องเข่นฆ่ากันอยู่แล้ว งั้นข้าก็ขอเปิดก่อนเลยก็แล้วกัน”
“จะบอกให้เอาบุญนะ เมื่อครึ่งปีก่อน ความจริงแล้วข้ามาที่นี่ผ่านทางช่องทางที่พวกแกกำลังโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งนั่นแหละ”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ไม่พูดมากอีกต่อไป เพียงชั่วพริบตา เขาก็ทะลวงร่างของชายเตี้ยตรงหน้าให้กลายเป็นรูโหว่ใหญ่รูหนึ่ง
“ฮื้ม”
ในทันทีที่เฉินเฉียงทะลวงร่างชายคนนี้ ระบบย่อยสลายซากศพของเขาก็ทำงาน
ติ้ง ระบบย่อยสลายราชาขั้นต้นสำเร็จ
เจ้าของระบบ: เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดระดับราชาขุนพลขั้นต้น
การหลอมรวมทักษะ: 1
การคัดเลือกทักษะ : 12
ค่าพลังงาน: 94,815,140
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:710
ค่าความแข็งแกร่ง:748
ค่าความเร็ว:505
ค่าพลังจิต:2268
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: ….
ทักษะ: ….
……
สายเลือด: โกลาหลอาชาไนย(โกลาหลขั้นสูง)
นอกจากค่าความแข็งแกร่ง ความอดทน ความเร็ว และพลังจิตแล้ว ดูเหมือนว่าเฉินเฉียงจะไม่ได้รับสิ่งอื่นอีกจากการย่อยสลายซากราชาผู้นี้
ดูเหมือนว่าผู้บ่มเพาะบนโลกนี้จะไม่มีการบ่มเพาะโลกใบเล็กอยู่ในร่างจริงๆ และนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะบนโลกปีศาจไม่อาจเทียบเคียงผู้บ่มเพาะบนโลกได้
แต่เมื่อเห็นว่าระบบของเขานั้นสามารถดูดซับค่าสถานะร่างกายมาเพิ่มให้เขาอย่างมากพอดู นี่ทำให้เขานั้นย่อมไม่ปล่อยให้ร่างอีกสี่ร่างต้องสูญเปล่า
เมื่อก้าวเข้าสู่ระดับราชามาแล้วนั้น เฉินเฉียงนั้นรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเพิ่มค่าสถานะร่างกายเหล่านี้
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขาต้องมุ่งเน้นในการฝึกฝนเคล็ดวิชาภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทรเพื่อเพิ่มระดับค่าพลังจิตของตนไว้เป็นหลัก
หลังจากดูดซับพลังจากราชาทั้งห้าร่างไปทีละคนทีละคน ค่าสถานะของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ค่าความอดทน:801
ค่าความแข็งแกร่ง:826
ค่าความเร็ว:548
ค่าพลังจิต:2276
หากเป็นก่อนหน้านี้ เฉินเฉียงก็คงแสดงออกมาด้วยความสุขใจ เมื่อเห็นค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นนี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เฉินเฉียงในตอนนี้มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนบ่มเพาะขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ เขาจึงมุ่งเน้นในการเพิ่มค่าพลังจิตของตนเพื่อยกระดับขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้เป็นหลัก
แต่ก็ยังมีสิ่งอื่นที่ทำให้เขามีความสุขในการลงมือครั้งนี้เหมือนกัน
นั่นก็คือสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตที่ได้จากราชาทั้งห้า
ถึงแม้สมุนไพรที่ได้รับมานี้จะยังไม่เพียงพอต่อสมาชิกกองกำลังเทียนเว่ยทุกคน แต่อย่างน้อยๆนี่ก็ทำให้ห้าคนนั้นปลอดภัยจากบอลเลือดปีศาจอย่างแน่นอน
หลังจากปลดปล่อยไฟเผาทำลายซากร่างของราชาทั้งห้าจนหมดสิ้น เฉินเฉียงก็มุ่งตรงไปยังเหลียงเชา ที่อยู่ในภูมิภาคตะวันตก ก่อนจะส่งข้อความไปให้จางหยวนและคนอื่นๆมาให้รวมตัวกันที่นั่นให้เร็วที่สุด
ยังเป็นตีนเขาคังหนันเช่นเดิมที่เป็นสถานที่นัดรวมตัวกันของคนทั้งสิบสาม
“ศิษย์น้องเล็ก พวกเราพึ่งจะจากกันไปได้ไม่นาน ทำไมถึงนัดเจอกันอีกล่ะ”
กัวเหลียงที่พึ่งจะมาถึงเป็นคนสุดท้าย ได้นั่งลงแล้วถามออกมาอย่างสงสัย
ดูเหมือนว่ากัวเหลียงนั้น จะอยู่ดีมีสุขมากขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา อย่างน้อยๆก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาขึ้นมาได้บ้าง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ต่อให้ไม่ต้องถามก็รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันดีขึ้นแล้ว เพราะใบหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปจากครั้งสุดท้ายที่ได้พบเจอมากนัก พวกเขาบอกได้เลยว่าช่วงสามเดือนที่ผ่านมา กัวเหลียงนั้นสุขสบายดีหรือไม่จากใบหน้านี้
เมื่อทุกคนมาถึงอย่างครบถ้วน เฉินเฉียงก็ได้ยิ้มกริ่มออกมา ก่อนจะนำกล่องหยกห้ากล่องออกมาจากแหวน แล้วนำมาวางไว้ต่อหน้าทุกคน
“อะไรล่ะนั่น” กัวเหลี่ยง หลางซานเอ๋อ และอีกสามคนที่กระตือรือร้นกว่าเพื่อนได้หยิบกล่องขึ้นไปดูคนละกล่อง
“นี่….สมุนไพรหมุนเวียนเลือดงั้นรึ”
เหรินหมิงและกัวเหลียงพูดออกมาอย่างตื่นเต้นและพร้อมกัน
“ถูกต้อง” เฉินเฉียงไปที่ทั้งสองคนอย่างยอมรับนับถือ
ด้วยการที่ทั้งสองรับรู้ได้ว่านี่คือสมุนไพรหมุนเวียนโลหิต นี่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองย่อมได้ข้อมูลมาไม่น้อยเลยทีเดียว
เหตุผลก็คือทั้งสองต่างก็มีคนที่อยากจะปกป้องอยู่ข้างกาย และเพื่อที่จะปกป้องชีวิตของคนรักของตนแล้ว เป็นธรรมดาที่พวกเขาย่อมคิดที่จะขวนขวายหาสมุนไพรนี้มาไว้ในครอบครองเพื่อป้องกันการเผชิญหน้ากับพวกสัตว์ปีศาจในอนาคต
แน่นอนว่าจางหยวนเองก็เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เขาเป็นรองกัปตัน เขาจึงต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนเลยไม่ได้หยิบกล่องหยกขึ้นมาก่อนหน้านี้
แต่เพียงเขาได้ยินคำพูดของเหรินหมิงและกัวเหลียง จางหยวนรีบฉวยกล่องหยกมาไว้ในมือและเปิดมันขึ้นดูพร้อมกับสายตาที่จ้องตาเป็นมัน
เฉินเฉียงได้สังเกตเห็นท่าทางของคนของตนทั้งสิบสองคนเป็นอย่างดี
กองกำลังเทียนเว่ยนั้นภูมิใจในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี้มาโดยตลอด
แต่ในตอนนี้สมุนไพรหมุนเวียโลหิตมีเพียงแค่ห้าต้นเพียงเท่านั้นโดยนอกจากเฉินเฉียงแล้ว อีกสิบสองคนที่เหลือล้วนแล้วแต่ต้องการมัน นี่ถือว่าเป็นเวลาอันดีที่จะทดสอบพวกเขา
ยังดีที่ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่ไม่ทำให้เฉินเฉียงต้องผิดหวัง
หลังจากวางกล่องหยกทั้งห้ากล่องลงอย่างเบามือ หลายๆคนก็มองไปยังเฉินเฉียงอย่างเงียบงัน
โดยไม่ต้องถามสิ่งใดอีก พวกเขารับรู้ได้ว่าเฉินเฉียงเรียกพวกเขามาก็เพราะเรื่องของสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตทั้งห้าต้นนี้
มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแบ่งสมุนเวียนโลหิตที่เฉินเฉียงได้รับมา
ด้วยการที่เฉินเฉียงได้รับมาเพียงห้าต้น จึงเป็นธรรมดาที่มันต้องได้รับการจัดสรรให้กับพวกเขาอีกสิบสองคนอย่างเหมาะสม