ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 407 แผนการ
บทที่ 407 แผนการ
เมื่อเห็นเม่ยซินนั้นมีความสุขราวกับสาวน้อยที่พึ่งจะเริ่มเรียนรู้การมีชีวิตรอดในโลกหล้า หยานเสวี่ยก็อดไม่ไ ได้ที่จะยิ้มให้ด้วยใจที่เจ็บปวด
เธอนั้นเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่คอยอยู่ข้างกายเฉินเทียนเว่ยมาโดยตลอด และนอกจากเฉินเทียนเว่ยและเฉินเฉียงแล้ว ว เธอก็ไม่มีใครอื่นอีกอยู่ในโลกของเธอ
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเรื่องราวก่อนที่จะได้พบเจอเม่ยซิน
ในตอนแรก หยานเสวี่ยก็ไม่ได้ไยดีต่อการคงอยู่ของเม่ยซินมากนัก แต่ในไม่ช้าเธอก็เริ่มยอมรับในตัวของเม่ยซ ซิน และโดยที่ไม่รู้ตัว เธอก็ได้ยอมรับสาวน้อยในต่างเขตแดนผู้นี้เป็นน้องสาวของเธอกลายๆ
แน่นอนว่าเรื่องที่จางเหรินมองเม่ยซินด้วยสายตาที่ไม่ใช่มิตรสหายนี้ นอกจากตัวเม่ยซินแล้ว ทุกคนต่างก็รับรู้ ได้เป็นอย่างดี
เฉกเช่นเดียวกับหยานเสวี่ย
และในทันทีที่เธอได้ยอมรับเม่ยซิน เธอเองก็ตั้งมั่นสิ่งหนึ่งไว้ในใจ
หากใครก็ตามแม้แต่จางเหรินที่กล้าทำอะไรเม่ยซิน เธอจะทำให้ดีที่สุดในการหยุดผู้คนเหล่านั้น
หลังจากที่หยานเสวี่ยและเม่ยซินได้เดินขึ้นหลังนกยักษ์ไป ทั้งสองได้ไปนั่งเคียงข้างเฉินเฉียง
ในตอนนี้เมื่อศิษย์สำนักเต๋าใต้บาดาลทั้งสิบแปดคน พร้อมกับเม่ยซินที่จางเหรินหมายตาไว้ได้ขึ้นไปบนหลังนกย ยักษ์จนหมดสิ้น ทุกอย่างก็ได้จบเรื่องลง
“ผอ.ฉี ข้าทำหน้าที่เสร็จแล้ว ขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบ จางเหรินและลู่คงได้ปีนป่ายขึ้นหลังนกยักษ์ ก่อนจะบังคับให้มันบินขึ้นไปบนอากาศช้าๆ แล้วพุ่งตรง งไปยังพื้นที่ภาคกลาง
นกยักษ์ที่เฉินเฉียงนั่งโดยสารอยู่กับหยานเสวี่ยและเม่ยซินนั้นตัวใหญ่กว่านกยักษ์ที่เขาเคยได้พบเจอในเ เขตแดนจักรพรรดิซะอีก
นกยักษ์ตนนี้สมควรจะเป็นสัตว์ประหลาดประเภทบินที่ดุร้ายบนโลกของเขา
อย่างไรก็ตาม สัตว์ประหลาดที่ดุร้ายนั้น ในโลกปีศาจแห่งนี้กลับสามารถชุบเลี้ยงมันจนสามารถยอมให้มันเป็นสัตว์โดย ยสารได้เสียอย่างนั้น
แถมเจ้าตัวนี้ยังตัวใหญ่กว่านกยักษ์ที่เขาได้พบเจอ มันสามารถพาคนไปได้ร่วมร้อยกว่าคนเสียอีก
นอกจากมันจะสามารถบินได้อย่างราบรื่นแล้ว นกยักษ์ตัวนี้ยังไม่ได้บินเชื่องช้าแต่อย่างใด ด้วยความเร็วของมันนั นทำให้ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันก็เข้าสู่พื้นที่ภาคกลางแล้ว
นกยักษ์ทั้งสองบินเคียงคู่กันไปจนทำให้ศิษย์ทั้งสองสำนักสามารถมองเห็นหน้ากันได้อย่างชัดเจน
แต่ในตอนนี้ ความปฏิปักษ์ของทั้งสองสำนักนั้นราวกับจะถูกทิ้งไว้แต่หนหลัง
นี่เป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่าหากพวกเขาได้มีโอกาสเข้าร่วมกับสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้า พวกเขาย่อมกลายเป็นศิษย์ร่วม มสำนัก หากผิดพลาด พวกเขาก็จะไม่มีวันได้พบเจอกันอีก
นี่ทำให้ศิษย์ทั้งสองสำนักที่อยู่บนนกยักษ์ทั้งสองนั้นทำก็เพียงการสบตาและยิ้มกริ่มให้กันเท่านั้น และได้หล ลงลืมสิ่งที่ได้ขัดแย้งมากันจนหมดสิ้น
ผอ. ผู้อาวุโส และศิษย์สำนัก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสถานะที่ไม่ได้ติดตัวพวกเขาไปยังภาคกลางหรือช่วยพวกเขาในก การสอบคัดเลือกเข้าสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าแต่อย่างใด
หลังจากมองนกยักษ์บินลาลับฟ้าไป ผอ.ฉีในตอนนี้ทำได้เพียงถอดถอนลมหายใจออกมาอย่างยาว “ไอ๊หยา……….. ข้าล่ะ สงสัยนักว่าปีนี้จะมีผู้สำเร็จได้สักเท่าใดกัน”
หลิวฉิงหยุนที่เห็นก็อดจะพูดพึมพำออกมาไม่ได้ “ไม่ว่ายังไงก็ตาม หากเฉินเฉียงสำเร็จได้ด้วยดี ไอ้แก่ผู้นี้ ก็พอใจแล้ว”
ในตอนที่นกยักษ์บินขึ้นฟ้า หลิวฉิงหยุนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
เป็นตอนนั้นที่เขาได้ยินเสียงของเฉินเฉียงขึ้นในหัว
“อย่าได้กังวล ท่านผู้อาวุโสสูงสุดหลิว ข้าเป็นผู้ชายที่รักษาคำมั่นเพราะไม่อยากกลืนเข็มพันเล่มน่ะ”
“หากข้าได้เข้าสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าเมื่อไหร่ ข้าย่อมทำให้คำขอของท่านสมหวัง”
นี่คือเสียงผ่านจิตวิญญาณของเฉินเฉียง
ในโลกปีศาจนั้น มีเพียงผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะระดับนายพลขั้นสูงขึ้นไปเท่านั้นจึงสามารถส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณได ด้
นี่หมายความว่าเฉินเฉียงในตอนนี้มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับนายพลเป็นอย่างน้อย มันเหนือล้ำกว่าผู้แทนของสำ ำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าซะอีก
หากมองเพียงจุดนี้ เฉินเฉียงนั้นก็เพียงพอที่จะเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้เลยด้วยซ้ำ
เฉินเฉียงและหยานเสวี่ยในตอนนี้นั่งด้วยท่าทางสุขุม ไม่ได้แสดงออกถึงความโศกเศร้าหรือยินดีแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ศิษย์สำนักเต๋าคนอื่นนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่
โดยเฉพาะกับเม่ยซินที่ยืนอยู่โดยมีทั้งสองคนเคียงข้าง ใบหน้าของเธอแสดงออกมาซึ่งความสุขอย่างไม่หยุดหย่อน
ในระหว่างที่เธอกำลังจับมือของหยานเสวี่ย เธอได้ชี้มืออีกข้างไปนู่นนี่อย่างไม่หยุดหย่อน
“ว้าว พี่สาวหยานเสวี่ย ดูนั่นสิ เมืองข้างล่างเล็กจิ๋วเดียวเอง”
“พี่สาวหยานเสวี่ย นกตัวนี้ช่างบินได้รวดเร็วนัก ข้านี่ยื่นหน้าออกไปไม่ได้เลย”
เมื่อเห็นเม่ยซินที่ชวนคุยนู่นนี่ไม่หยุดหย่อน หยานเสวี่ยก็ทำได้เพียงมองไปยังเฉินเฉียงอย่างไม่พูดไม่จาและ เผยรอยยิ้มหวานชื่นออกมา
ด้วยรอยยิ้มของหยานเสวี่ยในตอนนี้ ผู้คนที่เห็นต่างก็หลงใหลได้ในทันที
พร้อมกับเม่ยซินที่สวยงามราวกับนางฟ้าตัวน้อยที่อยู่เคียงข้าง นี่ยิ่งทำให้ทุกคนมองได้ชนิดที่แทบจะไม่วางตา
ส่วนกับเฉินเฉียงที่ยังคงอยู่ข้างกายหยานเสวี่ยนั้น ย่อมตกเป็นเป้าแห่งความอิจฉาและริษยาของผู้คน
ด้วยกระแสจิตของเฉินเฉียงในตอนนี้ ย่อมรับรู้ได้ว่าผู้คนนั้นกำลังทำสิ่งใดอยู่บ้าง
แต่ด้วยการที่เฉินเฉียงไม่มีอารมณ์ที่จะใส่ใจคนพวกนี้ เขานั้นจึงได้หันไปจ้องมองจางเหรินและลู่คังที่อยู่ตรง งด้านหน้าแทน
ด้วยการที่ทั้งสองอยู่ในระดับนายพลขั้นกลาง จึงไม่อาจส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณได้
และนี่จึงทำให้ทั้งสองทำได้เพียงพูดคุยกัน แม้เสียงจะเบามาก แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นกระแสจิตของเฉินเฉียงไปได้
“ศิษย์พี่จาง นั่นไม่ดีนา อาจารย์บอกพวกเราไว้ว่าให้พวกเราพาศิษย์สำนักเต๋าพวกนี้ไปส่งในสองวัน”
“หากเราหยุดพักกลางดึก ข้าเกรงว่าพวกเราคงไม่อาจจะไปได้ทัน”
ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์พี่อีกสองคนที่กำลังบังคับนกยักษ์อีกตัวอยู่น่าจะไม่เห็นด้วยนะ
เพราะไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเรานั้นออกมาด้วยกัน แต่หากอีกกลุ่มหนึ่งไปถึงช้ากว่ากำหนด พวกเขาจะไม่ยิ่งถูกลงโทษโด ดยอาจารย์อย่างหนักหรอกรึ
“ศิษย์น้องลู่ เจ้านี่เป็นเด็กน้อยรึไงถึงได้ขี้ขลาดนัก ตอนนี้มีศิษย์พี่ศิษย์น้องจากมากมายหลายแผนกที่ออกมาพ พร้อมกัน แล้วใครจะมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะกลับไปยังสำนักเต๋าได้ตรงเวลาล่ะ”
“ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความเร็วของนกยักษ์สองตัวนี้ มันก็ไม่ยากที่เราจะไปได้ก่อนเวลากำหนดอยู่แล้วด้วยซ้ำต่อให้ ไม่แวะพัก”
“ส่วนเรื่องเจิ้งเหวินนั้น เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
“เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับหมอนั่นทีหลัง เจิ้งเหวินย่อมต้องเห็นด้วยในเรื่องนี้”
ลู่คงพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ “ ก็ได้พี่จาง หากพี่เจิ้งเห็นด้วยข้าก็ไม่มีปัญหา ข้าจะทำเป็นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ นแล้วกัน”
“ฮี่ฮี่ฮี่ ข้ารู้อยู่แล้วว่าน้องลู่เป็นคนพูดง่ายทำง่าย ดีมาก”
“ศิษย์น้องลู่ไม่ต้องกังวลไป หลังจากข้าเล่นกับนางจนหนำใจแล้ว ข้าจะให้เจ้าสัมผัสรสชาติของหญิงสาวแล้วกัน”
ลู่คงยกมือบอกปัดในทันทีที่ได้ยิน “ไม่เอาอ่ะ พี่จางเหริน ข้าไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้”
“ยิ่งไปกว่านั้น หากว่าศิษย์สำนักเต๋าที่มีชื่อว่าเม่ยซินนั่นผ่านการคัดเลือกไป นั่นจะทำให้เรากลายเป็นศิษย์พี่ศ ศิษย์น้องกัน แล้วข้าจะมองหน้านางติดได้ยังไงล่ะ”
“ผ่านการคัดเลือก ฮี่ฮี่ฮี่ ” จางเหรินหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะพูดออกมาอย่างดูแคลน “ศิษย์น้องลู่ นี่เจ้ าเอาแต่บ่มเพาะโดยไม่ได้พัฒนาหัวสมองเลยสินะ”
“เม่ยซินนั้นพึ่งจะปรุงยาได้เพียงไม่กี่วัน แถมอัตราความสำเร็จในการปรุงยาระดับสามของนางยังต่ำตม แล้วนางจะผ ผ่านการคัดเลือกได้ยังไง”
“หากว่านางผ่านล่ะก็ ข้า จางเหรินจะขอหมอบกราบรับนางเป็นอาจารย์ของข้าเลยเอ้า”
“ห้ะ” ลู่คงเมื่อได้ยินก็ตกตะลึง
“ศิษย์พี่จาง ในเมื่อนางไม่มีโอกาสผ่านแล้วท่านจะลากนางมาเพื่อ…อะไร”
“ท่านก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าหากนางสอบไม่ผ่านแล้วนางจะต้องพบเจอกับสิ่งใดน่ะ”
“เหอเหอเหอ แล้วไง กับอีแค่ผู้หญิงอกใหญ่ไร้สมองคนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะหน้าอกหน้าใจของนางสะดุดตากับใบหน น้าที่พอผ่านได้นี้ เจ้าคิดเหรอว่าข้าจะพูดให้นางมีโอกาสในการสอบคัดเลือกน่ะ”
หลังจากพูดจบ จางเหรินไม่ได้สนใจต่อท่าทางของลู่คงอีก เขาหันไปอีกทาง ก่อนจะโจนทะยานไปที่นกยักษ์อีกตัว