ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 408 คำนวณพลาด
บทที่ 408 คำนวณพลาด
เจิ้งเหวินคือผู้ที่ควบคุมดูแลนกยักษ์ที่รับศิษย์สำนักเต๋าดาวตกมา เมื่อเขาเห็นจางเหรินตรงเข้ามาหา เจิ้งเห หวินก็สงสัยขึ้นมาทันที
“เอ่อ พี่จาง ท่านมาฟากนี้ทำไมกัน” เจิ้งเหวินถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ฮี่ฮี่ฮี่ พี่เจิ้ง ข้ามีเรื่องจะปรึกษาหารือกับท่านน่ะซี้” จางเหรินได้นั่งลงบนที่นั่งข้างเจิ้งเหวินพลางคล้อง แขนเขาไว้ “พี่เจิ้ง นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมเราไม่ลงไปหาที่พักค้างแรมกันสักคืนล่ะ”
“พี่เจิ้ง ท่านพูดเล่นใช่ไหมเนี่ย” เจิ้งเหวินพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแหย “ต่อให้มันมืดค่ำแล้วยังไงล่ะ ด้วยนกยักษ ษ์นี่พวกเราต้องกังวลสิ่งใดกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ จางเหรินก็ได้ชี้ไปที่หยานเสวี่ยและเม่ยซินที่อยู่บนนกยักษ์อีกตัวหนึ่งท่ามกลางศิษย์คนอื่ น “ท่านเห็นนั่นรึเปล่า พี่เจิ้ง เจ้าไม่สนใจสาวงามสองนางนั้นรึไง”
“ฮื้ม พี่จาง พี่หมายถึงสิ่งใด”
เจิ้งเหวินและศิษย์ร่วมสำนักผู้ช่วยของเขานั้นเองก็ต้องตาหยานเสวี่ยและเม่ยซินตั้งแต่แรกเห็นแล้ว
แต่โชคไม่ดีที่ในครั้งนี้ภารกิจของเขาคือการนำพาศิษย์สำนักเต๋าดาวตกไปยังภาคกลาง และศิษย์หญิงของสำนักดาวตก นั้นล้วนแล้วแต่ยากจะเอ่ย แล้วจะนำไปเปรียบเทียบกับศิษย์หญิงจากสำนักเต๋าใต้บาดาลได้ยังไง
แต่นี่มันก็ทำให้เพียงเจิ้งเหวินนึกอิจฉาจางเหรินที่ได้ใกล้ชิดสาวงามเท่านั้น เขาไม่คิดว่าจางเหรินจะพุ่งมา าหาเขาด้วยเรื่องอย่างการโอ้อวดเพียงเท่านั้นอย่างแน่นอน
แม้คำพูดจางเหรินจะแฝงความในที่ชัดเจน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“ฮี่ฮี่ฮี่ พี่เจิ้ง น้องชายผู้นี้ก็หมายถึงตามที่พูดนั่นแล หากพวกเราไปถึงภาคกลาง พวกเราสองคนย่อมไม่อาจได้เช ชยชมพวกนางได้อีก”
“ยังไงซะ พวกนางก็ต้องตกตายอยู่แล้ว ท่านไม่คิดจะเสียดายที่ไม่ได้รับรู้สัมผัสของพวกนางเลยรึไงกัน”
“เอาอย่างนี้ดีกว่า พวกเราสองพี่น้องจะใช้ค่ำคืนนี้อวยพรพวกนางสองสาวงามอย่างชิดใกล้ด้วยทุกสิ่งที่มี ท่านไม่ค คิดว่าจะดีกว่ารึ”
“ฮี่ฮี่ฮี่” เมื่อได้ยินแบบนี้ ดวงตาของเจิ้งเหวินก็เปลี่ยนสีน้ำเงินฉ่ำ พร้อมกับนิ้วที่ลูบไปมาที่ปลายคางก่อนพย ยักหน้ารับ “ในเมื่อพี่จางเห็นแก่ข้าถึงขนาดนี้ มีหรือที่ข้าจะขัดขืน”
หลังจากทั้งสองตกลงกันแล้ว แผนการจึงได้ถูกตระเตรียม
“ทุกคนฟังให้ดี ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พวกเราหาหมู่บ้านพักกันสักคืนหนึ่ง หลังจากนั้นพรุ่งนี้เข้าพวกเราจะเดินทาง งต่อ”
เมื่อจางเหรินพูดจบ นกยักษ์สองตัวก็ค่อยๆร่อนลงบนหมู่บ้านล้างที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกัน
ในระหว่างนี้ เฉินเฉียงได้บอกหยานเสวี่ยทุกสิ่งที่เขาได้รับรู้ในแผนการของจางเหรินและเจิ้งเหวิน
“รน หา ที่ ตาย”
หยานเสวี่ยโกรธสุดขีดเมื่อได้ยิน เธอโกรธจนราวกับมีหมอกไอเดือดพวยพุ่งรอบตัวเธอ แม้แต่เม่ยซินที่อยู่ข้างๆก็ อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกเมื่อเห็น
“พี่สาวหยานเสวี่ย พี่เป็นอะไรน่ะ”
หยานเสวี่ยได้หันไปมองก่อนจะคล้องแขนเม่ยซินด้วยความรักใคร่เอ็นดู “ไม่มีอะไรหรอก เม่ยซิน วันนี้เจ้าก็นอนข้า างข้าก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะดูแลเจ้าเอง”
“ค่ะ พี่หยานเอ็นดูข้านัก” เม่ยซินตอบพลางออดอ้อนที่จะหมุนหน้าผากของตนลงบนหน้าอกของหยานเสวี่ย พร้อมกับป ปิดตาเพื่อรับสัมผัสไออุ่นแห่งความเอ็นดู
ถึงแม้หยานเสวี่ยจะประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเห็นหยานเสวี่ยคิดจะปกป้องเม่ยซิน แต่นี่ก็อดที่จะทำให้เขามีความสุข แทนเธอเสียมิได้
ในความคิดของเฉินเฉียงนั้น ตัวตนของหยานเสวี่ยนั้นไม่ได้ต่างไปจากหุ่นยนต์ที่ไร้อารมณ์ ความรู้สึก ไม่ยิ้ม ไม่ สนใจสิ่งใดนอกจากจะทำภารกิจให้เสร็จสิ้น
กระนั้น นับแต่ที่เธอเข้ามาในโลกปีศาจ หยานเสวี่ยนั้นดูราวกับเป็นเด็กผู้หญิงที่มีเลือดเนื้อและจิตวิญญาณมากขึ นไปทุกขณะ
เป็นไปได้ว่าด้วยสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ไม่ก็เป็นเพราะพวกเขาทั้งสองได้เปิดใจเข้าหากัน เลยทำให้หยานเสวี่ยมีอ อารมณ์ความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ และนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอ
ด้วยอายุของเธอแล้ว เธอสมควรจะมีชีวิตที่มีความสุขเช่นนี้ และในตอนนี้ด้วยการที่เธอได้สนิทชิดใกล้กับเม่ยซ ซินมากขึ้น มันทำให้เธอสามารถยิ้มกว้างได้โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำกระมัง
และในตอนนี้ เมื่อมีใครบางคนคิดจะมาทำลายความสุขของนางในดวงใจ มีหรือที่เฉินเฉียงจะปล่อยผ่าน
-หยานเสวี่ย ไม่ต้องกังวลนะ มีข้าอยู่ที่นี่จะไม่มีผู้ใดรังแกเจ้าได้-
หลังจากส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณไปแล้ว เฉินเฉียงก็ยิ้มให้หยานเสวี่ย
หยานเสวี่ยก็ยิ้มหวานตอบในทันที
กับขุนพลตัวน้อยๆที่อยู่ในระดับขั้นกลาง กับคนเหล่านี้มันง่ายที่เขาจะฆ่าเสียให้พ้นๆ
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่หยานเสวี่ยเป็นผู้หญิงที่เขารัก เฉินเฉียงย่อมทำทุกอย่างได้เพื่อให้เธอมีความสุข
หลังจากทุกคนลงจากนกยักษ์แล้ว พวกเขาก็ได้พบสถานที่ที่พอจะพักได้ ไม่นาน ลู่คงก็เดินไปหาเฉินเฉียงและสองสา าวงาม
“หยานเสวี่ย เม่ยซิน โปรดมากับข้าสักครู่” ลู่คงได้พูดออกมาตรงๆ
“ฮื้ม” หยานเสวี่ยได้หันหน้าไปมองพร้อมกับสายตาที่เย็นยะเยียบไปยังลู่คง
เมื่อถูกมองด้วยสายตานี้ ลู่คงรู้สึกราวกับร่วงหล่นลงไปในหลุมน้ำแข็งจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจ
เฉินเฉียงได้จับมือหยานเสวี่ยเบาๆแล้วพูดออกมา “หยานเสวี่ย ในเมื่อผู้แทนต้องการพูดกับเจ้าก็ไปเถอะนะ”
หยานเสวี่ยได้หันไปมองเฉินเฉียงราวกับไม่พึงพอใจ แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มกว้างในแววตาของเขา เธอก็รีบพยักหน้ า ก่อนจะจูงเม่ยซินเดินตรงไปที่กองไฟ
ที่กองไฟ ไหไวน์สองไหได้ถูกตั้งเอาไว้พร้อมเนื้อเสียบไม่ย่างที่ตั้งย่างตรงหน้าจางเหรินและเจิ้งเหวิน ทั้งสอ องกำลังหมุนวนเนื้อตรงหน้าให้สุกกำลังดีพร้อมส่งกลิ่นหอมละมุนไปทั่ว
เมื่อเห็นหยานเสวี่ยและเม่ยซินที่หมายตาไว้เดินตรงมา จางเหรินและเจิ้งเหวินต่างก็ยิ้มกว้างในทันที ทั้งสอง รีบยืนขึ้นมาพร้อมกับการเตรียมการเอ่ยคำทักทาย
อย่างไรก็ตาม เพียงทั้งสองได้ยืนขึ้นมา ทั้งสองก็รู้สึกราวกับโลกรอบตัวหมุนวน พร้อมกับอาการวิงเวียนเกิดขึ้นในจ จิตใจ และนี่ทำให้ทั้งสองต้องร่วงลงไปกองกับพื้นในทันที
ลู่คงได้เดินนำสองสาวงามมาที่กองไฟตามที่ได้นัดแนะกันไว้
เขานึกไม่ถึงว่าตอนที่เขายังเดินไปไม่ถึงดี เขาก็เห็นจางเหรินและเจิ้งเหวินล่วงลงไปกองเอาหัวฟาดพื้นต่อหน้า าต่อตา
และที่ทำให้เขาสงสัยไปอีกนั่นก็คือทั้งสองกำลังกรนออกมาอย่างกับนอนหลับ
ผล็อยหลับรึ
ไม่ใช่ว่าพี่ท่านทั้งสองให้ข้าไปตามสาวงามมาเพื่อทำมิดีมิร้ายรึไงกัน
อย่าบอกนะว่าทั้งสองอดรนทนไม่ไหวจนต่างก็ทำมิดีมิร้ายต่อกันจนหมดเรี่ยวหมดแรงไปน่ะ
“ศิษย์พี่จางเหริน ศิษย์พี่เจิงเหวิน...”
ลู่คงที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้วิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปเขย่าร่างของทั้งสองคนที่ร่วงลงไปกองกับพื้น
แต่ทั้งสองในตอนนี้กลับหลับสนิทราวกับหมูตาย ไม่ว่าลู่คงจะตะโกนใส่หรือเขย่ายังไงก็ไม่ยอมตื่น
นี่ทำให้ลู่คงถึงกับต้องร้อนรน
จะบอกว่าหลับเป็นตาย แต่มันก็ไม่ควรจะถึงขั้นเขย่าแล้วไม่ตื่นแบบนี้สิ
จางเหรินและเจิ้งเหวินนั้นต่างก็เป็นผู้บ่มเพาะระดับขุนพล แล้วพวกเขาจะมีประสาทสัมผัสที่อ่อนด้อยเช่นนี้ได้อย ย่างไร
หากไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงกรนประดุจหมูนี่ออกมาล่ะก็ ลู่คงคงคิดว่าจางเหรินและเจิ้งเหวินนั้นตกตายไปแล้ว
หยานเสวี่ยนั้นกลับเข้าใจได้ในทันที
มันต้องเป็นเฉินเฉียงที่ทำการสะกดจิตให้ไอ้ตัวเลวชาติทั้งสองนี้สิ้นสภาพไปเป็นแน่
“ท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ข้าขอถามได้ไหมว่าท่านให้พวกเราทั้งสองมาที่นี่ทำไมกัน”
ด้วยการที่ลู่คงนั้นไม่ได้เลวทรามถึงขั้นจางเหรินเจิ้งเหวิน เขาจึงได้ยกมือขึ้นไล่แล้วพูดออกมา “ไม่มีอะไรแล ล้ว พวกเจ้ากลับไปก่อนแล้วกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หยานเสวี่ยก็รีบหมุนตัวกลับ ก่อนจะเดินจูงมือเม่ยซินกลับไปอยู่ข้างกายเฉินเฉียง
“พี่สาวหยานเสวี่ย นี่มันเรื่องอะไรกันอ่ะ”