ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 410 หอการค้าเหมันต์จันทรา
บทที่ 410 หอการค้าเหมันต์จันทรา
เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงปฏิเสธ หยานเสวี่ยก็ได้จูงมือเม่ยซินไปยืนอยู่เคียงข้างเฉินเฉียง
เม่ยซินแลบลิ้นออกมาทีหนึ่งก่อนจะพูดออกมาอย่างทะเล้น “พี่จาง ในเมื่อพี่ชายพี่สาวของข้าไม่ไป ยังไงก็ข้าขอข ขอบคุณในความใจดีของท่านนะคะ”
จางเหรินนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยิน
แต่เมื่อได้ยินว่าเฉินเฉียงเองก็มีที่อยู่ที่ชั้นนอกของเมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว เขาจึงไม่กล้าแสดงท่าทางไม่ พอใจออกไป
เมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์นั้นแบ่งออกเป็นชั้นนอกและชั้นใน
หากพูดกันตรงๆ ทั่วทั้งเมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์นี้ล้วนแล้วแต่อยู่ใต้อาณัติของสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าทั้งหมดทั้งสิ้ น
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่พื้นที่เมืองของเมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์นั้นขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่เมืองชั้นนอกนี้ก็ มีขนาดใหญ่กว่าเมืองเฉินหลิวห้าถึงหกเท่าไปแล้ว และนี่จึงทำให้เมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์มีพื้นที่ประมาณสองพันตารางก กิโลเมตร
ทางเข้าเมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่อีกฟากฝั่งของสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้า พื้นที่ภายในนั้นมีความสลับซับซ้อนอย่าง มาก และนอกจากพื้นที่ราบที่เปรียบได้ดั่งพื้นที่ตั้งรับของเมืองที่มีพื้นที่ความกว้างนับร้อยไมล์แล้ว ภายในเม มืองเองก็ยังมีภูมิประเทศที่เป็นทั้งภูเขา หุบเขา หน้าผา บึง หรือแม้แต่ป่ารกทึบ
ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่มีความหลากหลายนี้ย่อมทำให้สำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าใช้ตั้งราคาที่ดินเพื่อให้ผู้คนได้จับจอ อง
นกยักษ์ที่เฉินเฉียงและคนอื่นๆโดยสารมานั้นได้ลงจอดที่พื้นที่ตั้งรับบริเวณทางเข้าของเมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์
เมื่อทุกคนเดินออกมาจากนกยักษ์ จางเหรินก็ได้พูดออกมาอย่างดังลั่น “พวกเจ้าเห็นลานกว้างที่ผู้คนไปออกันอยู่ต ตรงนั้นรึเปล่า”
“ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนต้องตามข้าไปรายงานตัวกับทางสำนักของข้า พร้อมกับแจ้งความต้องการในแผนกที่ต้องการจะเข้าสอบ”
“อีกสองวันนับจากนี้ให้พวกเจ้ากลับมาที่นี่อีกครั้ง ที่นี่จะเป็นสถานที่จัดการสอบอย่างเป็นทางการของสำนักเต๋าส สวรรค์ชั้นฟ้า”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ได้เดินไปตรงที่ลงทะเบียนในทันที
เฉินเฉียงได้จูงมือหยานเสวี่ยไปหาจางเหรินแล้วถามออกมา “ผู้แทนผู้ทรงเกียรติ แล้วผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อโดยต ตรงนั้นต้องร่วมการลงทะเบียนด้วยรึเปล่า”
“แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คนผู้นั้นล้วนแล้วแต่ต้องไปลงทะเบียนเพื่อรับป้ายคำสั่ง มีเพียงผู้มีสิ่งนี้เท่านั้ นทางสำนักถึงจะถือว่าเป็นผู้ที่ให้สอบเข้าสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าแล้วจริงๆ”
เฉินเฉียงพยักหน้ารับก่อนเดินจากไป
“เหอะ อยากจะเข้าได้โดยตรง ฝันไปเถอะเอ็ง” จางเหรินได้มองไล่หลังเฉินเฉียงด้วยสายตาที่ดุร้ายพร้อมมุมปากที่ย ยกตัวขึ้น ก่อนจะนำรายชื่อที่ตนเองแก้ไขแล้วไปส่งยังเจ้าหน้าที่รับลงทะเบียน
ศิษย์จากหลากหลายสำนักจากทั่วทั้งห้าภูมิภาคได้มาถึงทีละกลุ่มทีละก้อน หลังจากลงทะเบียนและได้ป้ายคำสั่งไปแล้ว ว พวกเขาต่างก็แยกย้ายแล้วเข้าไปยังเมืองชั้นใน
เมื่อถึงตาของเฉินเฉียง หยานเสวี่ย และเม่ยซินลงทะเบียน เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงช่วงพลบค่ำ
“หยานเสวี่ย สำนักเต๋าใต้บาดาล แผนกปรุงยา” หลังจากเอ่ยชื่อตัวเองไปแล้ว หยานเสวี่ยก็ได้รับป้ายคำสั่ง ก่อนจ จะออกไปยืนรอเฉินเฉียงและเม่ยซินที่ด้านข้าง
“เม่ยซิน สำนักเต๋าใต้บาดาล แผนกปรุงยา”
เม่ยซินเองก็ได้รับป้ายคำสั่ง ก่อนจะเดินไปหาหยานเสวี่ย
เป็นตอนนี้ที่ศิษย์สำนักเต๋าใต้บาดาลที่ยืนรายงานตัวอีกแถวหนึ่งได้ถือป้ายคำสั่งสีดำไว้ในมือ พร้อมกับใบหน น้าที่แสดงออกมาอย่างตื่นเต้นยินดีแล้วถามออกมาอย่างอดไม่ได้ “อ้า….ศิษย์พี่ ท่านแน่ใจนะว่าข้าได้รับป้ายคำสั งนี้ไม่ผิดพลาดน่ะ”
ศิษย์สำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าผู้ได้รับหน้าที่แจกจ่ายป้ายคำสั่งได้สะบัดมือไล่แล้วพูดออกมาอย่างรำคาญ “อะไรของ เจ้าอีก เจ้าจะบอกว่าข้านั้นมอบป้ายคำสั่งให้เจ้าผิดจากรายชื่อรึไงกัน”
“หากเจ้าไม่ต้องการมันเจ้าก็เอาคืนมา อย่าทำให้คนอื่นล่าช้าแต่อย่างใด”
“ครับ มันถูกต้องอย่างแน่นอน ……………………..ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าข้าเฟิงเสี่ยวหลงผู้นี้จ จะโชคดีนัก ข้าไม่ต้องสอบเข้าก็กลายเป็นศิษย์สำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าเรียบร้อยแล้ว”
“ใครปฏิเสธเรื่องนี้ก็โง่บรม”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าช่างโชคดีนัก”
เฟิงเสี่ยวหลงได้กำป้ายคำสั่งไว้นั่นพลางหัวเราะไปมาแล้วพูดจาราวกับคนบ้า
“ไอ้ฉิบหาย ไอ้เด็กนี่บ้าไปแล้วรึไง เพียงแค่ได้รับตำแหน่งเสนอชื่อนี่มันน่ามีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอ” หนึ่งใ ในศิษย์สำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าได้พูดออกมาอย่างดูแคลน
“ปกติน่า แต่ละวันมันก็มีศิษย์เสนอชื่อเข้ามาราวหนึ่งในร้อยอยู่แล้วนี่นา”
“อีกอย่าง การที่เด็กคนนี้ได้เข้าไปตรงๆย่อมประหยัดเวลาในการคัดเลือกของพวกเราได้อยู่แล้ว”
“เหอะเหอะเหอะ มีความสุขได้ก็แค่ตอนนี้ล่ะว้า เท่าที่ข้าเห็นไอ้เด็กนี่มันเป็นเพียงขุนพลขั้นต้น ด้วยระดับข ของมันแล้วเขาไปยังแผนกวิชายุทธอ่ะนะ ข้าละอยากรู้นักว่าทำไมมันถึงได้รับการเสนอชื่อ”
“นั่นสิ ไอ้คนที่ถูกเสนอชื่อเข้าแผนกวิชายุทธของเราตรงๆนั้นข้าไม่เคยเห็นมันจะรอดไปได้สักกี่น้ำ”
เฉินเฉียงและหยานเสวี่ยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ถึงกับนิ่งอึ้งไป
ไม่ใช่ว่าผอ.ฉีบอกเขาไว้ว่าตำแหน่งศิษย์เสนอชื่อนี่มีแค่ตำแหน่งเดียวในแต่ละสำนักเต๋าหรอกเหรอ
แล้วทำไมศิษย์แผนกวิชายุทธเมื่อครู่ถึงได้รับการเสนอชื่อกัน
อย่าบอกนะว่าผอ.ฉีโกหกเขากัน
“เฮ้ย ไอ้หนู เจ้าต้องการลงทะเบียนหรือไม่เนี่ย หากต้องการลงทะเบียนก็รีบๆเอ่ยชื่อมา”
“ไม่อย่างนั้นก็อย่าได้มากีดขวางทางผู้คน”
เป็นตอนนี้ที่ศิษย์ผู้รับลงทะเบียนได้รับสัมผัสเย็นยะเยือกของเฉินเฉียง
“เฉินเฉียง แผนกปรุงยา สำนักเต๋าใต้บาดาล”
“รับ รับแล้วก็รีบๆไป คนถัดไป”
เฉินเฉียงเมื่อได้เห็นป้ายคำสั่งในมือก็มีสีหน้าที่มืดครึ้ม
ต่อให้ไม่รู้มาก่อนว่าป้ายคำสั่งสีขาวหมายถึงอะไร แต่เขาก็พอเดาได้เมื่อเห็นว่ามันเหมือนกับของหยานเสวี่ยแ และเม่ยซิน
ป้ายสีขาวหมายถึงศิษย์ที่ต้องรับการสอบเข้า
หยานเสวี่ยเองเมื่อเห็นแบบนี้ก็เปลี่ยนท่าที เธอรีบชิงป้ายในมือเฉินเฉียงแล้วเดินไปหาศิษย์สำนักเต๋าสวรรค์ช ชั้นฟ้าที่รับลงทะเบียนแล้วถามออกมา “เจ้าเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ก่อนหน้าที่พวกเราจะออกจากสำนัก ผอ.ได้พูดต่อหน้า ทุกคนว่าเฉินเฉียงเป็นศิษย์เสนอชื่อเพียงคนเดียวของสำนักข้านะ”
ถึงแม้ท่าทางของหยานเสวี่ยในตอนนี้จะยากเหลือจะอดทน แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงาม ศิษย์สำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าที่ รับลงทะเบียนก็รีบตอบกลับไปด้วยมาดที่เข้มกริบ “ศิษย์น้องหญิงในอนาคต พวกเราเพียงแค่ส่งป้ายคำสั่งตามข้อมูลที่ ได้รับจากศิษย์พี่ผู้ไปรับพวกเจ้ามาเท่านั้น พวกเราย่อมไม่ทำเรื่องผิดพลาดเช่นนั้นเป็นแน่”
“ช่างมันเถอะน่าหยานเสวี่ย” เฉินเฉียงได้แตะที่ไหล่ของหยานเสวี่ย ก่อนจะจูงมือแล้วพูดออกมาโดยมีหยานเสวี่ย คอยรับฟัง “เรื่องนี้สมควรจะเป็นฝีมือของไอ้จางเหรินคนนั้น”
“แต่ก็ดี หากข้าไม่อาจแม้แต่จะสอบเข้าที่นี่ ข้าเองก็คงจะต้องกลับโลกของเราแล้วล่ะ”
หลังจากนิ่งคิดไปเล็กน้อยเธอเองก็เห็นด้วย สำหรับเฉินเฉียงแล้วการสอบในครั้งนี้ไม่ต่างไปจากการละเล่นของเด็กๆ ๆ หากเพียงเท่านี้ยังทำไม่ได้แล้วเขาจะเข้าไปถึงวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง
แต่เมื่อทั้งสองนึกถึงสิ่งที่จางเหรินได้กระทำลงไปก็อดไม่ได้ที่จะเดือดดาล
นี่มันมากเกินไป
หลังจากทั้งสามสงบสติอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เม่ยซินก็ถามออกมาอย่างสงสัย “พี่ชายเฉินเฉียง พี่สาวหยานเสวี ย แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกันล่ะ”
เมื่อหยานเสวี่ยคิดจะอยู่กับเฉินเฉียงแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เธอเพียงหันไปมองเฉินเฉียงเพียงเท่านั้น
เฉินเฉียงได้พาทั้งสองออกจากพื้นที่ลงทะเบียน
“ฮี่ฮี่ฮี่ ข้าบอกไปแล้วนี่ว่าเรามีที่พักอยู่ ข้ามีเพื่อสนิทที่อยู่ในเมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ พวกเราจะไปที นั่นกัน”
ที่ๆเฉินเฉียงกล่าวถึงนั้นย่อมหมายถึงร้านค้าที่หวังต้าลู่และเจิ้งยี่เปิดอยู่
สองเดือนก่อน ทั้งสองใช้เงินไปก้อนโตเพื่อเช่าร้านค้าที่ขนาดสองร้อยตารางเมตรที่เมืองชั้นนอก และพวกเขายังมีทรั พยากรบ่มเพาะตุนไว้แล้วจำนวนหนึ่ง
ไม่นานหลังจากพวกเขาได้มาถึงภาคกลาง เฉินเฉียงเองก็ได้รับข้อความจากจางหยวนและคนอื่นๆ
ในตอนนี้ สมาชิกกองกำลังเทียนเว่ยทุกคนได้ไปรวมตัวกันที่หอการค้าเหมันต์จันทราเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเฉินเฉียง งคนเดียวเพียงเท่านั้น