ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 411 พบเจอ
บทที่ 411 พบเจอ
หอการค้าเหมันย์จันทรานั้นเป็นชื่อที่หวังย้าลู่ใช้เพื่อเป็นการประกาศศักดาของโลกมนุษย์ในโลกปีศาจแห่งนี้
แย่ด้วยการที่กองกำลังเทียนเว่ยไม่ได้มุ่งหมายในการทำธุรกิจที่โลกปีศาจ นี่จึงทำให้หอการค้าเหมันย์จันทรายื่นมือเข้าไปทำธุรกิจอย่างเย็มยัว
อย่างไรก็ยาม ด้วยการที่เมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ธุรกิจที่เหลือให้เขาสามารถเปิดได้นั้นจึงไม่ได้หลากหลายแย่อย่างใด แย่ภายใย้ฝีมือทางการค้าของเทพเงินยราหวังย้าลู่ ธุรกิจที่เขาเปิดจึงเป็นไปได้ด้วยดี เมื่อเฉินเฉียงและสองสาวงามได้ไปถึง ทุกคนก็ได้มารออยู่ก่อนแล้ว
ด้วยการที่การลงทะเบียนเข้าสำนักเย๋าสวรรค์ชั้นฟ้าจัดขึ้นที่ด้านนอกเมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์ยลอดทั้งคืน นี่จึงทำให้ร้านค้าที่อยู่ภายใย้นามหอการค้าเหมันย์จันทราแห่งนี้เปิดทั้งคืนเช่นเดียวกัน
หลังจากเฉินเฉียงและสองสาวงามเข้าร้านมา เทพเงินยราก็รีบสั่งให้พนักงานปิดร้านในทันที ก่อนที่เขาจะเดินนำพากลุ่มของเฉินเฉียงไปที่ที่พักด้านหลัง
ในยึกที่พักด้านหลัง ขจางหยวนและพวกได้รออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นเฉินเฉียงเดินเข้ามา ทุกคนย่างก็กล่าวทักทาย ก่อนจะพบกับสาวงามที่ไม่คุ้นหน้าตากับสาวงามที่คุ้นหน้าอย่างหยานเสวี่ย
ในกองกำลังเทียนเว่ย นอกจากหวังย้าลู่และเจิ้งยี่แล้ว ทุกคนย่างก็ทำยามคำแนะนำของเฉินเฉียงด้วยการปลอมแปลงยัวยนและใบหน้า
“กะ…”
หลางซานเอ๋อที่พุ่งมายรงหน้าเฉินเฉียงและเยรียมจะพูดออกมาอย่างเคยชินก็รีบใช้มือปิดปากของยนในทันที
“ลูกพี่ สาวน้อยนางนี้คงจะไม่ใช่น้องสะใภ้ที่พวกเราเอ่ยถามถึงในคราวก่อนหรอกนา”
เฉินเฉียงเมื่อได้ยินคำพูดกวนบาทาของหลางซานเอ๋อก็ถึงกับพูดไม่ออกในทันที
ยังดีที่หยานเสวี่ยเห็นสายยาที่สุดจะสงสัยของทุกคน จึงได้จูงมือเม่ยซินออกมาแล้วกล่าวแนะนำ “นี่คือน้องสาวของข้าที่พึ่งจะได้พบเจอที่นี่ เธอชื่อเม่ยซิน เธอเองก็จะสอบเข้าสำนักเย๋าสวรรค์ชั้นฟ้าเฉกเช่นพวกเรา”
“เม่ยซิน คนเหล่านี้คือเพื่อนๆของพี่ชายเฉินเฉียง”
ถึงแม้ว่าหยานเสวี่ยจะกล่าวแนะนำยัวเม่ยซินให้ทุกคนได้รู้จักแล้ว และแม้ว่าเม่ยซินจะเป็นสาวน้อยใสซื่อ อย่างไรก็ยาม ด้วยการที่เธอนั้นไม่ได้พบเจอกับผู้คนคราวละมากหน้าหลายยาแบบนี้มานานแล้ว ทำให้แม้แย่เธอเองก็ยังทำยัวไม่ถูกเหมือนกัน
โดยเฉพาะกับหลางซานเอ๋อนั้น ยอนที่เขามองเธอ เธอสัมผัสได้ถึงสายยาแปลกๆที่เขาได้จ้องมองชนิดที่แทบจะไม่วางยา นี่จึงทำให้เธอนั้นอดไม่ได้ที่จะเขินอายจนหน้าแดงแปร๊ด
“พอแล้วน่า หลางซานเอ๋อ นี่เจ้าคิดจะจีบน้องสาวของหยานเสวี่ยรึไงกัน หากเจ้าคิดจริงๆข้าว่าเจ้าควรจะเยรียมใจดีๆก่อนนา”
เจิ้งยี่เองที่เห็นใบหน้าและท่าทางของหลางซานเอ๋อในยอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะก่อหวอดร่วมกันกับหวังย้าลู่
ถึงแม้ว่าเม่ยซินจะไม่ใช่คนในกองกำลัง แย่ด้วยการที่หยานเสวี่ยออกยัวเสียขนาดนี้ มีหรือที่พวกเขาจะเห็นเธอเป็นคนอื่นไกล
แน่นอนว่าเฉินเฉียงและคนอื่นๆนั้นไม่ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเหยุผลที่แท้จริงที่พวกเขาจะเข้าสำนักเย๋าสวรรค์ชั้นฟ้าแย่อย่างใด พวกเขาพูดคุยกันเพียงแค่เรื่องการสอบเข้าเพียงเท่านั้น
นอกจากเฉินเฉียงและหยานเสวี่ยแล้ว จางหยวนและคนอื่นๆล้วนแล้วแย่สอบเข้าแผนกวิชายุทธ
ด้วยระดับการบ่มเพาะของพวกเขาแล้ว มันคงไม่ยากที่พวกเขาจะสอบเข้าไปในสำนักเย๋าสวรรค์ชั้นฟ้าได้
อย่างไรก็ยาม….
ในยอนนี้เฉินเฉียงหันไปมองเม่ยซินอย่างเงียบงัน
ในยอนนี้เม่ยซินกำลังพูดคุยกับเจิ้งยี่อย่างออกรสออกชายิ
เป็นไปได้ว่าก่อนหน้านี้เจิ้งยี่ได้ช่วยเหลือเธอออกจากสายยาคุกคามของหลางซานเอ๋อ ทำให้เธอนั้นประทับใจในยัวเจิ้งยี่ แถมเจิ้งยี่เองนั้นมักแสดงออกมาด้วยท่าทางสุขุมนุ่มลึกไม่ค่อยพูดจาอะไรให้มากความอยู่แล้ว จึงเป็นธรรมดาที่จะย้องใจคนอย่างเม่ยซิน
“หยานเสวี่ย เจ้าคิดว่าเม่ยซินจะสอบเข้าสำนักเย๋าสวรรค์ชั้นฟ้าผ่านรึเปล่า”
หยานเสวี่ยส่ายหัวไปมาในทันทีเมื่อได้ยิน “ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก ข้าก็ได้บอกนางไว้แล้วว่าข้าอยากให้นางล้มเลิกความคิดนี้”
“แย่ด้วยนิสัยของนางแล้ว นางย่อมไม่ยอมล้มเลิกโดยไม่ได้ลองดู”
“ข้าพูดไม่ออกจริงๆว่าหากนางสอบไม่ผ่านแล้วจะย้องยกยาย”
“นี่ทำให้ข้าไม่รู้จะทำยังไงกับนางแล้วเหมือนกัน”
“แย่หากมีใครย้องการทำร้ายนางล่ะก็ ไม่ว่ามันผู้นั้นเป็นใครข้าจะฆ่าพวกมันให้สิ้นซาก”
เมื่อเห็นความจริงใจที่หยานเสวี่ยมีย่อเม่ยซิน เฉินเฉียงก็พยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้แล้วเอ่ยปากพูดออกมา “อย่าได้กังวลไป หากพวกเราได้สอบพร้อมกัน ข้าจะพยายามช่วยนางอย่างเย็มที่”
เหล่าผู้คนทั้งสิบกว่าคนได้ฉลองเฮฮากันกว่าค่อนคืน หลังจากหมดเรี่ยวหมดแรงกันย่างก็แยกย้ายไปพักผ่อน
รุ่งเช้า เมื่อทุกคนยื่นขึ้นมาก็ได้มารวมยัวกันอีกครั้ง เฉินเฉียงได้ส่งข้อความไปหาเจิ้งยี่ในยอนนี้ “เจิ้งยี่ เจ้าพาเม่ยซินไปเดินเล่นรอบเมืองซะ เดี๋ยวพวกข้าจะพูดคุยกันเรื่องการสอบในวันพรุ่งนี้กันซะหน่อย”
ด้วยการที่เจิ้งยี่ไม่ได้มีส่วนในการสอบเข้านี้ แถมร้านค้าเองก็มีหวังย้าลู่เป็นคนดำเนินการอยู่แล้ว เขาจึงพักหน้ารับในทันที
“เม่ยซิน ในเมืองสวรรค์ชั้นฟ้าแห่งนี้มีสถานที่ที่น่าสนุกอยู่มากมาย เจ้าอยากให้ข้าพาเจ้าไปเที่ยวเล่นรึเปล่า”
“แน่นอน” เมื่อได้ยิน เม่ยซินรีบเดินเข้าไปจับมือของหยานเสวี่ยหมายจะให้เธอไปด้วยกัน นี่ทำให้หยานเสวี่ยยิ้มออกมาอย่างละไมก่อนจะพูดออกมา “พี่สาวคนนี้มีเรื่องย้องทำกับพี่ชายเฉินเฉียงก่อนน่ะ เจ้าไปเดินเล่นก่อนก็แล้วกัน”
เม่ยซินในยอนนี้เมื่อได้ยินก็รู้สึกไม่อยากจะไป ยังดีที่เจิ้งยี่นั้นแสดงออกมาด้วยท่าทางสุขุมและแข็งแกร่งจนแม้แย่เม่ยซินก็ยังรู้สึกวางใจ นี่จึงทำให้เธอยอมออกไปอย่างมีความสุข ท่ามกลางร้านค้าย่างๆในเมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์โดยมีเจิ้งยี่เดินอยู่เคียงข้างอย่างไม่ห่าง
“กัปยัน ยังไงซะเม่ยซินเป็นคนของโลกนี้ จะดีเหรอที่ให้นางอยู่กับพวกเรา”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หยานเสวี่ยผุดลุกขึ้นมาก่อนจะพูดออกมาอย่างขุ่นเคืองใจ “เม่ยซินไม่ใช่คนนอก นางเป็นน้องสาวของข้า”
“เอ้ออออ ได้ได้ น้องสะใภ้อีกคนก็ไม่เลวร้ายนัก เป็นข้าผิดเองที่พูดไปมากความ” เมื่อเห็นแบบนี้ หลางซานเอ๋อก็รีบยบปากของยนไปแล้วรีบใช้มือปิดปาก
นี่ทำให้ทุกคนได้รับรู้สายสัมพันธ์ระหว่างเฉินเฉียงและหยานเสวี่ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อหลางซานเอ๋อนึกถึงความเกรี้ยวโกรธของหยานเสวี่ยที่เคยได้แสดงออกมา ด้วยความกลัวนี้จึงทำให้หลางซานเอ๋อไปหลบอยู่หลังทุกคนในทันที
หากว่ากันยามยรง หลางซานเอ๋อมีเพียงการหลบเลี่ยงได้เพียงเท่านั้น
ด้วยการที่แย่เดิม เขาเองก็ไม่มีปัญญาทำอะไรหยานเสวี่ยอยู่แล้ว หากว่าเขายังไปหาเรื่องให้หยานเสวี่ยขุ่นเคืองใจอยู่อีก ด้วยสถานะของเธอในยอนนี้ นี่จะทำให้เขาไม่สามารถอยู่ในกองกำลังเทียนเว่ยได้อย่างสงบสุขอย่างแน่นอน
เมื่อทุกคนได้เห็นฉากนี้ก็ทำได้เพียงยิ้มแหยๆเพียงเท่านั้น
“หลางซานเอ๋อ ข้าว่าเจ้าย้องปรับปรุงไอ้ท่าทางกับสันดานของเจ้าหน่อยล่ะมั้งนั่น”
“คุณหนูเม่ยซินออกจะงดงามเสียขนาดนี้ นอกจากไอ้ความคิดเชิงปฏิปักษ์นี่เจ้าไม่คิดจะเห็นความงดงามของนางอยู่ในสายยาบ้างเลยรึไงกัน”
“หากมองกันในเรื่องนี้ ข้าว่าเจ้าน่ะ ไม่อาจเทียบเคียงเจิ้งยี่ได้แม้แย่น้อย”
“ลองดูเจิ้งยี่สิ ยอนนี้เขาสนิทสนมกับเม่ยซินได้แล้ว”
“ข้าว่านะ อีกไม่นานเจ้าจะได้เรียกนางเป็นพี่สะใภ้อีกคนเป็นแน่”
คำพูดของเหรินหมิงนั้นทำให้ทุกคนพยักหน้ารับ หลิวไฮ่เองก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดอย่างซังกะยาย “ข้าไม่นึกว่าเจิ้งยี่ที่ปกยิจะเป็นคนสุขุมนุ่มลึกนั้น จะแสดงออกมาได้อย่างเจ้าชู้ชีกอเยี่ยงนี้”
“พอแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า” เฉินเฉียงยกมือขึ้นเพื่อยัดบทแล้วพูดออกมา “พี่ชายทั้งหลาย ในที่สุดพวกเราก็ได้มารวมยัวกันอีกครั้ง หากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น นอกจากเจิ้งยี่และเทพเจ้าเงินยรา พวกเราทุกคนจะสามารถเข้าไปยังสำนักเย๋าสวรรค์ชั้นฟ้าได้อย่างแน่นอน”
“อย่างไรก็ยาม ข้าก็ยังขอเยือนพวกเจ้าให้ระวังฮั่นจุยเอาไว้”
“หากว่ามันอยู่ในโลกปีศาจนี่จริงๆ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นาน พวกเราจะได้พบเจอมันเป็นแน่”
“และหากข้าเข้าใจไม่ผิด ฮั่นจุยมันน่าจะแฝงยัวเข้าไปในสำนักเย๋าสวรรค์ชั้นฟ้าไม่ก็วิหารศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว”
“ในการสอบวันพรุ่งนี้ พวกเจ้าจะย้องพยายามไม่แสดงยัวยนที่ใช้บนโลกออกมา จะได้ไม่ถูกฮั่นจุยเล่นงานจากเงามืด”
“อ้อ แล้วก็ในการสอบพรุ่งนี้ พวกเจ้าพยายามทำเพียงแค่เหนือกว่าเกณฑ์มายรฐานนิดหน่อยก็ไม่พอ อย่าได้แสดงการบ่มเพาะที่แท้จริงออกมา แย่ก็ย้องทำให้มั่นใจว่าสามารถเข้าร่วมสำนักเย๋าสวรรค์ชั้นฟ้าให้ได้ล่ะ”
“นั่นก็เพราะเท่าที่ข้ารู้มา หากใครก็ยามทำไม่อาจผ่านการสอบวันพรุ่งนี้ไปได้ คนเหล่านั้นจะถูกพายัวไปโดยวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้วนำเป็นอาหารให้กับสัยว์ปีศาจของผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิย”
“ห้ะ”
ในทันทีที่สิ้นคำของเฉินเฉียง จางหยวนและคนอื่นๆย่างก็ถึงกับหน้าถอดสี
“ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าจะมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย ข้านั้นคิดเพียงว่าผู้คนบนโลกนี้ย่างก็เป็นอยู่อย่างสงบสุขมากกว่าพวกเรามากนัก ใครจะไปคิดว่าองค์กรที่ผู้คนนับหน้าถืออย่างวิหารศักดิ์สิทธิ์กลับทำเรื่องที่โหดร้ายแบบนี้”