ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 415 เกียรติภูมิเทียมฟ้า
บทที่ 415 เกียรติภูมิเทียมฟ้า
ในทันทีที่สิ้นคำพูดของผู้อาวุโสตง ลานประลองแผนกวิชายุทธก็ได้วุ่นวายโกลาหลราวกับห่าระเบิดถูกทิ้งลงไป เพียง งชั่วพริบตาผู้คนกว่าร้อยก็ถูกส่งออกมานอกลานประลอง
ในตอนนี้ผู้อาวุโสตงที่อยู่บนฟ้าเห็นแบบนี้ก็ป่ายมือไปมา และนี่ทำให้ผู้คนที่หลุดออกมาอยู่นอกลานประลองเหล่า านี้กระเด็นไปไกล
ผู้คนที่ถูกดีดกระเด็นออกไปนี้หาได้ขาดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางยุทธแต่อย่างใด
แต่หากให้เฉินเฉียงเป็นผู้ตัดสิน เขาก็ไม่คิดจะคัดเลือกคนเหล่านี้เป็นศิษย์เหมือนกัน
นั่นก็เพราะเท่าที่เขาดูแล้ว คนเหล่านี้มีสิ่งที่โดดเด่นเพียงแค่ระดับการบ่มเพาะ จะมีที่พอจะเหมาะสมอยู่บ้างก็ คือคนที่มีพลังจิตที่สูงกว่าใครอยู่คนหนึ่ง
ในหมู่เหล่าผู้เข้าสอบเหล่านี้ เขาบอกได้เลยว่าคนพวกนี้เห็นว่าตนเองมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าใครจึงได้ ยืนนิ่งอยู่ในลานประลองอย่างไม่หวาดหวั่นและภาคภูมิใจ จึงกลายเป็นคนกลุ่มแรกที่ดีดกระเด็นออกมา
ถึงแม้วิธีการสอบคัดเลือกของสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าจะดีเรียบง่ายและโหดร้าย แต่นั่นก็สมควรจะเป็นเพราะต้องการคนท ที่มีป่วยจิตเช่นนี้
ด้วยการที่ผู้เข้าสอบนั้นต่างก็ต้องการจะสอบเข้าสำนักเต๋าดาวตกให้ได้ จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะออกมือออกเท้า าอย่างพัลวันไปมา
แต่ว่ากันตรงๆ ต่อให้พวกเขาพลาด เขาก็ยังได้รับโอกาสที่ยากยิ่งในการเยี่ยมเยือนวิหารศักดิ์สิทธิ์
ในช่วงเวลาไม่นาน เมื่อเทียบกับการสอบแผนกหุ่นเชิดโลหิตแล้วนั้น การสอบแผนกวิชายุทธนั้นเข้มข้นกว่ามาก ท่ามก กลางฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายไปทั่วนี้ มีเพียงผู้มีพลังจิตที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเหลือรอดไปได้
ในตอนนี้มือพลังจิตของผู้อาวุโสตงเองนั้น ยังคงเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผู้คนกว่าสามหมื่นก็ได้ถูกส่งออกไปนอกสนามประลอง และนี่ทำให้พื้นที่บนลานประลองเริ่มมีที่ว ว่างพอที่จะยืนอยู่ได้โดยไม่เบียดเสียด
เป็นตอนนี้ที่ผู้เข้าสอบเริ่มแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาได้ และนี่ก็เริ่มทำให้การขยับมือของผู้อาวุโสตงน นั้นเริ่มช้าลงบ้างแล้ว
ด้วยการที่ในตอนนี้ไม่มีกำแพงเขตแดนล้อมรอบลานประลอง เฉินเฉียงจึงใช้พลังจิตของตนจับจ้องไปที่คนในกองกำลังของต ตน
จางหยวน หนี่เฟิงและกัวเหลียงต่างก็ปลดปล่อยขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ออกมาเป็นระยะหนึ่งข้อนิ้วจากร่างของทั้ งสาม และนี่ทำให้พวกเขาแถมไม่ต้องใส่ใจในการป้องกันการโจมตีของศัตรู ทั้งสามทำเพียงรอคนอื่นในกองกำลัง พลางคอย ยกำจัดคนอื่นที่คอยเข้ามาหมายจัดการพวกเขา
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้แผนการของเฉินเฉียงต้องเสียหาย พวกเขาจึงไม่ได้ใช้กำลังออกมาอย่างเต็มที่ แต่ด้วยการที่ หลางซานเอ๋อนั้นเป็นเพียงราชาขุนพล ระดับราชาที่มันลอยอยู่บนฟากฟ้า ย่อมไม่มีทางตรวจพบระดับการบ่มเพาะของ พวกเขาไปได้ นี่ทำให้หลางซานเอ๋อและคนอื่นๆที่ไม่มีขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ทำอะไรได้ง่ายขึ้นอย่างมาก
ครึ่งวันผ่านไป จำนวนผู้คนในลานประลองตอนนี้กลับลดลงเหลือเพียงเจ็ดสิบสองคนเท่านั้น
“ยู๊ดดดดดดด”
ผู้อาวุโสตงได้พูดออกมาด้วยเสียงอันดังลั่น นี่จึงทำให้ผู้เข้าสอบที่เหลือรอดต่างก็หยุดมือพลางมองไปที่ผู้ อาวุโสตงอย่างตื่นเต้นยินดี
“ฮี่ฮี่ฮี่ ยินดีด้วย พวกเจ้าในตอนนี้ต่างก็เป็นศิษย์แผนกวิชายุทธระดับสามแห่งสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้า”
“เฉกเช่นเดียวกับศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิต พวกเจ้ามีเวลาลอยชายอยู่ที่เมืองชั้นนอกนี้”
“อีกห้าวัน พวกเจ้านำตราคำสั่งมารายงานตัวที่นี่ก็พอ”
“โอ้……” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าผู้ที่สอบผ่านของแผนกวิชายุทธต่างก็โยนอาวุธไม้ในมือขึ้นไปบนอากาศ ก่อ อนจะไชโยโห่ร้องออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
สำหรับผู้ที่สอบไม่ผ่าน ในตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงถอดถอนลมหายใจออกมายาว แต่กระนั้น ในหมู่พวกเขาหลายๆคนก็ยังม มีคนที่ยิ้มออกไม่ได้อย่างหน้าชื่นตาบานอยู่เหมือนกัน คนเหล่านี้ได้หันไปมองผู้อาวุโสตงแล้วถามออกมา
“ส่วนพวกเจ้า….” ในที่สุด ผู้อาวุโสตงก็ได้หันไปพูดกับพวกเขา “ก็อย่างที่ผู้อาวุโสผู้นี้ได้กล่าวไว้ ต่อให้พ พวกเจ้าไม่อาจจะเข้าสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าได้ แต่พวกเจ้าก็อย่าได้หมดหวังไป”
“หลังจากเสร็จการสอบของสองแผนกที่เหลือ พวกเจ้าที่สอบไม่ผ่านนั้นจะมีผู้แทนจากวิหารศักดิ์สิทธิ์มารับช่วงต่อพอ อพวกเจ้าไปเยี่ยมชมวิหารศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นพวกเขาจะส่งพวกเจ้ากลับบ้านเกิดไป”
“ตอนนี้พวกเจ้าก็ไปรอคอยอยู่ข้างๆกันก่อนก็แล้วกัน”
หลังจากสิ้นคำของผู้อาวุโสตง ผู้คนที่สอบตกเกือบสี่หมื่นก็ได้เดินออกจากลานประลองไป พลางเฝ้ารอจนกว่าการประลอง งแผนกปรุงยาและแผนกวัตถุวิญญาณจะเสร็จสิ้น
การสอบแผนกปรุงยามีชายแก่ในชุดคลุมสีขาวเป็นผู้ควบคุม
“ข้า หยุนอ่าว ผู้อาวุโสของสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้า”
หยุนอ่าวไม่ได้พูดอะไรมากมาย ไม่แม้แต่เหลือบมอง เขาเพียงพูดคยกับชายผมหงอกที่อยู่ข้างๆประหนึ่งกำลังคิดหาวิ ธีการสอบที่เหมาะสมเสียตรงนี้
การสอบของแผนกปรุงยาและแผนกวัตถุวิญญาณนั้นแตกต่างจากการสอบแผนกหุ่นเชิดโลหิตและแผนกวิชายุทธอย่างสิ้นเชิง มันเป็นการสอบที่ใช้เพียงการตั้งมั่นและจิตใจที่แน่วแน่ในการปรุงยาและหลอมตีวัสดุต่างๆ และผู้ที่เดินบนเส้ นทางทั้งสองนี้ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่แสดงออกมาอย่างทระนง
หยุนอ่าวในตอนนี้กวาดตามองไปยังผู้เข้าสอบแผนกปรุงยากว่าหมื่นคนเบื้องล่างไปปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาโดยไม่ ได้แสดงท่าทีใดๆเป็นพิเศษ
“การคัดเลือกศิษย์แผนกปรุงยาของสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้านั้นไม่เพียงจะให้ความสำคัญในเทคนิคการปรุงยา พวกเรายังมุ่ งเน้นไปที่ความเข้มแข็งทางจิตใจด้วย ดังนั้นเกณฑ์การผ่านของพวกเจ้านั้นมันง่ายนิดเดียว”
“หลังจากพวกเจ้าได้เข้าไปในเขตแดนที่ผู้อาวุโสผู้นี้สร้างขึ้นมา พวกเจ้าเพียงแค่ปรุงยาขึ้นมาให้ได้สักเม็ดก็เพ พียงพอแล้ว”
“แต่….”
“พวกเจ้าจะมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ข้าไม่ให้โอกาสพวกเจ้าแต่อย่างใด”
หลังจากพูดจบ ศิษย์แผนกปรุงยาของสำนักเต๋าดาวตกก็ได้ล้อมวงรอบสนามประลอง ก่อนที่จะนำเตาปรุงยานับหมื่นออกมาต ตั้ง
ส่วนตัวยาที่ใช้นั้นแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีพวกมันติดตัวไว้
ในตอนนี้ ผู้ที่สอบเข้าแผนกปรุงยาหลายๆคนเริ่มแสดงออกมาด้วยท่าทีประหม่า
ถึงแม้คนเหล่านี้จะมีอายุไล่เลี่ยกับเม่ยซิน แต่เม่ยซินในตอนนี้กลับแสดงออกมาซึ่งความตื่นเต้นยินดีแตกต่างจากใค คร
“พี่สาวหยานเสวี่ย ดูเหมือนว่าพวกเราจะได้เข้าสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าด้วยกันนะคะ”
เท่าที่เห็น เม่ยซินค่อนข้างจะมั่นใจอย่างมากว่าเธอนั้นจะผ่านการสอบในครั้งนี้
คำอธิบายของหยุนอ่าวนั้นกระจ่างชัดในคำพูด
ไม่ว่าจะเป็นยาระดับใด ขอเพียงแค่ปรุงสำเร็จ มันก็เพียงพอที่จะทำให้ผ่านได้
ต่อให้เธอนั้นประสบความสำเร็จในการปรุงยาขจัดพิษระดับสามได้ไม่มาก แต่เธอมั่นใจว่าสามารถปรุงยาขจัดพิษระดับสอ องได้อย่างแน่นอน
นี่ทำให้หยานเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพยักหน้ารับ
อย่างไรก็ตาม เธอเองก็อดไม่ได้ที่จะถามเฉินเฉียงออกมา “ทำไมเกณฑ์การสอบผ่านของสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าถึงได้ดู ต่ำต้อยนักล่ะ”
“นี่พวกเขาต้องการลูกศิษย์จำนวนมากอย่างนั้นเหรอ”
เฉินเฉียงส่ายหน้าไปมาในทันทีแล้วพูดออกไป “เจ้าคิดจริงๆเหรอว่ามันปรุงสำเร็จได้ง่ายๆน่ะ ผู้คนนับหมื่นแออัดอ อยู่ในลานประลองแคบๆ แม้แต่การปรุงยาระดับหนึ่งข้ายังคิดว่ามันแสนเข็ญเลยนา”
“ประเด็นก็คือ ด้วยการที่มีคนเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรุงยานั้นเรียกได้ว่ามีได้อย่างนับ บไม่ถ้วน เพียงแค่ใครบางคนทำเตาปรุงยาระเบิด มันก็เพียงพอให้คนกว่าครึ่งสอบตกได้แล้ว หรือหากบางคนเอาแต่พูดพ พึมพำออกมาเบาๆ เพียงเท่านี้มันก็เพียงพอให้คนที่ปรุงยาอยู่ข้างๆแทบจะคลั่งตายในทันที ยังไม่รวมถึงไอ้พวกคิดท ที่จะเคลียร์เส้นทางการปรุงยาของตนโดยการใช้พลังจิตของตนทำให้ผู้คนโดยรอบสอบตกไปให้หมดก่อนนี่อีก”
“ภายใต้ฝูงชนแบบนี้ ผู้ที่มีจิตใจที่มุ่งมั่นและขวัญกล้าหรือไม่ก็ผู้ที่มีพลังจิตที่สูงล้ำถึงจะผ่านการสอบไปไ ได้”
“….แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ” หยานเสวี่ยมองไปที่เม่ยซินที่แสดงออกมาอย่างมาดมั่นด้วยความกังวลอย่างสุดใจ
“อย่าได้กังวล เดี๋ยวข้าจัดการเอง ตราบใดที่มันไม่ได้ไกลมาก ข้ายังสามารถแบ่งกระแสจิตไปดูแลนางได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หยานเสวี่ยก็เบาใจลง
ขนาดทั่วทั้งลานประลองเขายังส่งกระแสจิตตรวจสอบได้เลย นับประสาอะไรกับอีกแค่ในเขตลานประลองเล็กๆ
ด้วยระยะทางนี้ เขาสมควรจะไม่มีปัญหาในการดูแลการปรุงยาของเม่ยซิน
อย่างไรก็ตาม ไม่นาน เฉินเฉียงก็ต้องรู้สึกกลืนไม่เข้า คายไม่ออก