ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 417 พลาด
บทที่ 417 พลาด
หยานเสวี่ยที่กางขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ออกมานั้นยังคงปรุงยาด้วยใจสงบนิ่ง จากที่ดูในตอนนี้ อีกไม่นานเธอ เองก็จะปรุงเสร็จในอีกไม่นาน
หลังจากนั้นเฉินเฉียงก็ได้เพ่งกระแสจิตของตนไปที่เม่ยซิน
เขาบอกได้เลยว่าการปรุงยาขจัดพิษระดับหนึ่งนี้ง่ายดายมากเมื่อเม่ยซินเป็นผู้ลงมือทำ
หลังจากสังเกตไปได้สักพัก เขาก็มั่นใจว่าเม่ยซินสามารถปรุงมันให้เสร็จสิ้นได้โดยใช้เวลาอีกสามถึงห้านาทีเท่านั น
แม้แต่เม่ยซินเองก็ยังรู้สึกได้จนแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา
แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกได้ถึงเสียงระเบิดที่พึ่งจะเกิดขึ้น และดังอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับกระแสพลังจิตหลายส สายที่เริ่มโหมกระหน่ำพัดไป
ไอ้พวกเห็นแก่ตัว
จากที่เฉินเฉียงคาดการณ์นั้น เขาบอกได้เลยว่าจากผู้สมัครสอบแผนกปรุงยานับหมื่นคน คงจะหลงเหลือได้ไม่ถึงสิบ
และเมื่อเห็นฉากโกลาหลนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะรีบปรุงยาของตน เพื่อที่จะได้ให้ความช่วยเหลือเม่ยซินได้อย่างเต็ มที่
สำหรับเขาแล้ว การปรุงยาระดับหนึ่งนั้นง่ายดาย เพียงอีกแค่ครึ่งนาที เม็ดยาของเขาก็จะเสร็จสิ้น
แต่เป็นตอนนี้ที่พลังจิตที่รุนแรงสายหนึ่ง พุ่งเข้าใส่เฉินเฉียงจากจุดที่ไม่ห่างไกลเขามากนัก
ยังดีที่เขาได้กางขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้เอาไว้จึงไม่มีผลแต่อย่างใด
แต่นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้เฉินเฉียงรู้สึกฟิวส์ขาดเสียมิได้
ในตอนนี้เฉินเฉียงมีสีหน้าที่เย็นชา ก่อนที่เขาจะสวนกลับไปด้วยการโจมตีทางจิตวิญญาณของเขา
ด้วยการโจมตีทางจิตวิญญาณที่เฉินเฉียงสวนกลับไปนี้คือคลื่นเสียงทำลายวิญญาณ มีหรือที่คนที่โจมตีเขามาจะต้านทาน นได้
ไม่เพียงการสวนกลับเขาเฉินเฉียงจะป้องกันการโจมตีของคนคนนี้ได้ มันได้ดีดกระเด็นการโจมตีทางจิตวิญญาณของคน คนนี้ให้ย้อนคืนใส่คนที่โจมตีเขามา
ยังดีที่คนคนนี้ไม่ได้ใช้การโจมตีอย่างสุดแรง ไม่อย่างนั้นเมื่อครู่ ต่อให้ไม่ตายแต่ก็ต้องกลายเป็นคนโง่งมไปด ด้วยชีวิตที่เหลือ
หลังจากถอนกระแสจิตของตนกลับคืนมา เม็ดยาฟื้นฟูของเฉินเฉียงก็เสร็จสิ้น
ส่วนหยานเสวี่ยนั้น แม้จะมีระดับพลังจิตด้อยกว่าเฉินเฉียง แต่เธอก็ทำสำเร็จไล่หลังเขามา
การที่มีผู้ที่สอบผ่านไปได้แล้วสองคนนี้ทำให้ผู้เข้าสอบคนอื่นที่หมดสิทธิ์ไปแล้วคลุ้มคลั่งขึ้นมาในทันที
คลื่นพลังจิตของพวกเขาได้ถาโถมใส่คนอื่นๆที่ยังคงปรุงยาอยู่ในทันใด
เมื่อเห็นแบบนี้ เฉินเฉียงได้ส่งกระแสจิตของตนพุ่งเข้าไปหาเม่ยซินหมายจะปกป้อง
ยังดีที่เม่ยซินนั้นไม่ได้รับรู้เรื่องนี้สักเท่าไหร่ เธอยังคงปรุงยาต่อไปอย่างมีความสุข
แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา
ในตอนที่เม่ยซินกำลังจะทำสำเร็จโดยเธอกำลังตั้งใจในการขึ้นรูปยาอยู่นี้ ผู้เข้าสอบที่ไม่ได้อยู่ห่างจากเธอ อนั้นได้ตะโกนขึ้นมาอย่างดังลั่น “ไอ้เวรตะไลตัวไหนมาขัดขวางการปรุงยาของข้าฟะ”
ถึงแม้คนคนนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะก่อกวนเม่ยซินด้วยเสียงของเขา แต่เสียงอันดังลั่นของเขานี้ก็เพียงพอจะทำให้กร ระจิตกระใจของเม่ยซินกระเจิดกระเจิงไปได้
และนี่ก็เพียงพอที่จะทำให้สิ่งที่เม่ยซินพยายามมาตั้งแต่ต้นต้องสูญเปล่า
เมื่อได้เห็นควันสีดำลอยโขมงขึ้นมาจากเตาของตน น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้
แน่นอนว่าฉากเหตุการณ์นี้ย่อมถูกรับรู้โดยเฉินเฉียงและหยานเสวี่ยที่ส่งกระแสจิตปกป้องเม่ยซินเอาไว้
“ไอ้…พวก…เวร…ตะ…ไล…” หยานเสวี่ยพูดออกมาอย่างช้าๆแต่เย็นยะเยียบก่อนจะส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณไปหาเฉิน นเฉียง -เฉินเฉียง ไอ้เวรตะไลพวกนี้อย่าให้มันอยู่ดีได้สักคนเดียว ปล่อยให้พวกมันตายซะให้หมด-
ด้วยการที่หยานเสวี่ยนั้นมีนิสัยรักจริงแค้นจริง เมื่อได้เห็นเม่ยซินพ่ายแพ้ไปโดยคนที่ไร้คุณค่าในสายตาเธอ เป็นธรรมดาที่เธอนั้นจะสูญเสียความอดกลั้นไว้ได้
เฉินเฉียงเองแม้จะต้องการจะปลอบใจเธอแต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
เมื่อเห็นว่าหยานเสวี่ยได้เอ่ยออกมาซึ่งวิธีการระบายแค้น แน่นอนว่านอกจากหยานเสวี่ย และเขา จะไม่มีใครได้ก้า าวออกไปจากลานประลองแห่งนี้แล้วเป็นผู้สอบผ่านการคัดเลือกศิษย์ของสำนักเต๋าใต้บาดาลในครั้งนี้ ต่อให้เขาจะทำให ห้หยุนอ่าวและคนอื่นๆต้องรู้สึกนึกสงสัยว่าเขาเป็นคนกระทำก็ตาม
นั่นก็เพราะเขานั้นได้เอ่ยคำมั่นกับหยานเสวี่ยว่าเม่ยซินนั้นต้องสอบผ่าน
แต่เขาก็ทำพลาดปล่อยให้เม่ยซินตกไป
หากเขาไม่ลงมือเองล่ะก็ เขาคงไม่อาจจะทัดทานหยานเสวี่ยได้อีกเป็นแน่
เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงก็แสดงออกมาด้วยท่าทางฉุนเฉียว
-ดี หยานเสวี่ย จะไม่มีใครที่ได้ผ่านการสอบนี้ได้อีก ดูข้านะ-
หลังจากพูดผ่านเสียงทางจิตวิญญาณกับหยานเสวี่ยไปแล้ว เฉินเฉียงก็ปลดปล่อยกระแสจิตอันทรงพลังกระจายออกไปในทุกท ทิศทุกทาง
ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงนั้นจะโกรธ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเสียสติ สิ่งที่เขาทำนั้นเป็นเพียงการโจมตีเตาปรุงยาของผู้เข ข้าสองคนอื่นโดยไม่ได้ยุ่มย่ามตัวผู้สอบแต่อย่างใด
แต่นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้กำแพงลานประลองบังเกิดรอยร้าวขึ้นมา นี่ทำให้ทุกคนที่กำลังมองการประลองอยู่นี้ต่าง ก็นิ่งอึ้งไปในทันที
“…..ใคร ใครหน้าไหนที่มันกล้าทำเช่นนี้”
เสียงคำรามลั่นดังระงมอยู่ภายในลานประลอง เกือบทุกคนต่างก็มองไปมาเพื่อหาตัวการ
แต่เมื่อได้เห็นท่าท่างโกรธเกรี้ยวของแต่ละคน พวกเขาเหล่านั้นกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ดีดี
ข้าไม่ใช่คนเดียวที่ตก
เกือบทุกคนนั้นตก นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นาน กำแพงลานประลองก็ได้ถูกเปิดออก หยุนอ่าวได้มองไปที่ผู้คุมสอบที่มีน่าตาที่แตกตื่น แต่เขา นั้นกลับพูดออกมาราวกับไม่ใช่เรื่องที่มันน่าใส่ใจแต่อย่างใด “มันเป็นเรื่องปกติน่า”
“การรับสมัครศิษย์แผนกปรุงยาในแต่ละปีนั้น มีคนผ่านไม่ถึงห้าสิบคนหรอกนะ”
“เพียงแต่ว่าในครั้งนี้มันแย่ที่สุดเพียงเท่านั้น เพราะมีผู้ผ่านการคัดเลือกเพียงสองคน”
เมื่อพูดจบ หยุนอ่าวก็ได้มองไปที่เฉินเฉียงและหยานเสวี่ยแล้วพูดออกมา “ดังเช่นที่ผู้อาวุโสตงพูดไว้ก่อนหน้า านี้ พวกเจ้าทั้งสองเองก็มารายงานตัวที่นี่ในอีกห้าวันให้หลัง ที่เหลือข้าคงไม่ต้องพูดอะไรอีก ส่วนคนที่เหลือ อก็รอไปก่อนแล้วกัน”
เม่ยซินที่โศกเศร้าได้เดินไปหาหยานเสวี่ยอย่างช้าๆพร้อมใบหน้าที่มีน้ำตานองแล้วพูดออกมา “พี่หยานเสวี่ย ข้า พลาดไปจริงๆ ข้านี่ใช้ไม่ได้เลยเนอะ”
หยานเสวี่ยกอดเม่ยซินเอาไว้ด้วยความรักใคร่เอ็นดูก่อนจะกระซิบออกมา “เรื่องนี้มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าพูดเลย ความ มสามารถของเจ้านั้นสูงล้ำจริงๆ แต่เจ้าก็เห็นแล้วนี่ว่าคนอีกหมื่นคนนั้นไม่มีใครเลยที่สอบผ่านน่ะ”
“แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้สอบผ่าน แต่ฝีมือของเจ้านั้นก็ไม่ได้ถือว่าด้อยแต่อย่างใดนา”
“นั่นสิ พี่สาวพูดถูกแล้ว” เม่ยซินปาดน้ำตาของตนก่อนจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “อย่างน้อยๆหลังจากการไปเยี่ยมชมวิห หารศักดิ์สิทธิ์แล้วข้าจะได้กลับไปยังเมืองส่วนนอกเพื่อที่จะอยู่กับพี่เจิ้งยี่ที่หอการค้าของเขา”
หยานเสวี่ยที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “เม่ยซิน เจ้านั้นยังคิดไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์อีกเหรอ ไปคนเดียวม มันจะอันตรายเอานา”
“ไม่หรอก พี่หยานเสวี่ย ที่นั่นมันคือวิหารศักดิ์สิทธิ์เลยนะ”
“ที่นั่นคือตัวตนที่สูงส่งของโลกปีศาจของพวกเรา แล้วข้าจะไปพบเจออันตรายได้ยังไง”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นยินดีของเม่ยซินแล้ว หยานเสวี่ยเองก็รู้ดีว่าต่อให้ตนบอกความจริงเกี่ยววิหารศักดิ์สิท ทธิ์ไปมันก็คงเท่านั้น เม่ยซินไม่มีทางเชื่อคำพูดของเธอเป็นแน่
นั่นก็เพราะวิหารศักดิ์สิทธิ์คือตัวตนที่สูงสุดในสายตาของผู้คนบนโลกปีศาจ
หากว่าหยานเสวี่ยบอกความจริงไปแล้ว ไม่เพียงแค่เธอไม่เชื่อ นั่นอาจจะทำให้เกิดความหมางใจขึ้นได้เลยทีเดียว
หยานเสวี่ยจึงไม่มีทางเลือกทำเพียงเงียบปากไว้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปหาเฉินเฉียง
เมื่อเห็นท่าทางของหยานเสวี่ยในตอนนี้ เฉินเฉียงก็รับรู้ได้ในทันใด ก่อนที่เขาจะส่งสายตาที่อบอุ่นให้กับหยา านเสวี่ยแล้วหันไปพูดกับเม่ยซิน “นั่นสิเนาะ ทำไมเราต้องพลาดโอกาสที่หายากเช่นการเข้าไปเยี่ยมชนวิหารศักดิ์สิ ทธิ์กันล่ะ”
“ผู้คนตั้งเยอะแยะที่ไม่มีโอกาสในฝันแบบนี้เลยนะนั่น อ้อ เข้าไปเห็นอะไรมาก็อย่าได้ลืมเล่าให้เจิ้งยี่ฟังด้วย ยล่ะ”
“อื้ม” เม่ยซินพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้นยินดี ความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังก่อนหน้านี้พลันมลายหายไปจากใจของเธอในทั นใด