ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 419 หอทั้งสี่
บทที่ 419 หอทั้งสี่
ด้วยการอาศัยลมเหนือที่พัดผ่าน นกยักษ์สิบกว่าตัวก็ได้บินไปถึงเขาโรคาด้วยเวลาที่ไม่นาน
“ดูนั่น วิหารศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว”
“ก่อนหน้านี้พวกเราก็ได้ผ่านเขาโรคามามากมายหลายครั้ง แต่พวกเราไม่กล้าที่จะเหยียบย่างเข้าไปได้แม้แต่น้อย”
“แต่ในครั้งนี้มันต่างกันออกไป ในที่สุดพวกเราก็จะได้เหยียบย่างเข้าไปให้เห็นเป็นบุญตาสักครั้ง”
เหล่าผู้ที่สอบตกเป็นตัวแทนศิษย์จากสำนักเต๋าต่างๆทั่วโลกปีศาจต่างก็พูดคุยและชี้ไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์อย่างสนุกสนาน
ส่วนเฉินเฉียงที่อยู่ในรูปลักษณ์ชายหนุ่มรูปงาม ยังคงยืนเคียงข้างอยู่ข้างเม่ยซินโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ
ด้วยการที่เขานั้นรับรู้ถึงตัวตนของวิหารศักดิ์สิทธิ์และพื้นที่เขาโรคาอยู่แล้ว และในตอนที่เขารับรู้ว่านกยักษ์ได้นำเขาผ่านเข้ากำแพงพลังงานของเขาโรคา นี่ก็เท่ากับว่า เขาอยู่ในถิ่นของวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ปกติแล้วมีกำแพงพลังงานคอยขวางกั้นไม่ให้ผู้คนธรรมดาเข้าไปได้
ขนาดเขาเข้ามาโดยใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาเข้ามาที่นี่ด้วยตนเอง เขายังถูกพบเจอได้โดยเหล่ามหาราชาที่คอยตรวจตราอยู่ที่นี่ และมีหรือที่คนอื่นจะเข้ามาที่นี่โดยไม่ถูกรับร รู้ได้กัน
ถึงกระนั้น เฉินเฉียงก็ยังอดที่จะคิดถึงฮั่นจุยไม่ได้ว่า การที่มันผู้นั้นต้องการจะทะลวงเข้ามาที่นี่ก่อนหน้าเขาก็คงจะเป็นไปได้โดยยากเหมือนกันใช่รึเปล่า
เขาเชื่อว่าฮั่นจุยเองก็อาจจะทำเช่นเดียวกับเขา ที่หาโอกาสในการเข้ามายังวิหารศักดิ์สิทธิ์ผ่านทางสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้า
แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดของเขา
ในการหาตัวฮั่นจุยและการแก้ปัญหาการรุกรานของโลกปีศาจนี้ต่างก็เป็นภัยเงียบอย่างที่สุดของโลกมนุษย์ หากว่าเขาสามารถจัดการมันพร้อมกันได้ก็ดีไป แต่เรื่องเช่นนั้นคงเป็นไป ปได้อย่างยากยิ่งนัก
พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วทำให้เฉินเฉียงนั้นคิดไปว่าสิ่งที่ราชาจักรพรรดิทั้งสามต้องการจากการปิดกั้นเขตแดนนั้นเป็นเพราะพวกเขาต้องการให้โลกมนุษย์มีความพร้อมต่อการต่อต้านการร รุกรานที่จะเกิดขึ้นเสียมากกว่า
แถมเขตแดนของราชาจักรพรรดิทั้งสามยังคงอยู่ได้อีกถึงยี่สิบปี
ในช่วงยี่สิบปีนี้ เขาเชื่อว่าโลกปีศาจนั้นจะไม่อาจรุกรานโลกมนุษย์ได้
หลังจากผ่านกำแพงพลังงานที่กั้นไว้รอบเขาโรคา เฉินเฉียงก็รับรู้ได้ว่าตนเองนั้นเข้าสู่พื้นที่ของวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้วจริงๆ
เป็นตอนนี้ที่หัวหน้าของผู้แทนจากกองโจรหมาป่าได้ออกคำสั่งให้นกยักษ์บินลดระดับลงไป
ในตอนนี้ หัวหน้าผู้แทนก็ได้นำป้ายคำสั่งสีดำออกมาจากอก และกวาดไปบนหมอกตรงหน้า และนี่ทำให้หมอกที่หนาแน่นนี้จางหายไป
“นี่คือความสามารถของวิหารศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ ช่างมีความสามารถด้านเขตแดนมากนัก”
เหล่าผู้สอบตกที่ได้ทยอยลงจากนกยักษ์มาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ ประดุจดั่งต้องการให้อากาศบนเขาแห่งนี้ติดตรึงเข้าไปในหัวใจ
“ว้าว ดูนั่น นั่นต้องเป็นสัตว์วิญญาณระดับสี่เป็นอย่างน้อยกระมัง ช่างน่ารักน่าชังนัก”
“โอ๊ะทางนู้น ดูนั่นสิ นี่มันทุ่งสมุนไพรหมุนเวียนเลือดไม่ใช่เหรอ”
“ข้าไม่คิดเลยจริงว่าสมุนไพรที่ล้ำค่านั่นจะกลายเป็นเพียงดอกหญ้าประดับข้างทางของวิหารศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ช่างทรงพลังนัก”
ผู้สอบตกบางคนเมื่อเห็นสมุนไพรหมุนเวียนโลหิตที่ขึ้นกองก่ายอยู่ข้างทางก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้ ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหามันหมายจะเก็บติดไม้ติดมือกลับบ้าน แต่พวกเขาก็ถูกหยุดเอาไ ไว้กลางคัน
“กลับมานี่เดี๋ยวนี้”
หนึ่งในผู้แทนได้เปลี่ยนสีหน้าที่แสดงออกอย่างมิตรไมตรีเป็นโกรธเกรี้ยว และตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง “นี่เจ้าคิดจะทำอะไรของเจ้า ใครอนุญาตให้เจ้าทำได้ตามใจกันเมื่ออยู่ที่นี่ น่ะ ห้ะ มากับข้าเดี๋ยวนี้”
หลายๆคนที่ได้ยินเสียงแบบนี้ในตอนที่คิดจะพุ่งตัวออกไปนั้นก็ตั้งตัดใจลง พวกเขาทำได้เพียงจ้องมองไปที่สมุนไพรล้ำค่าตรงหน้า แต่ก็ไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรอีก ทำได้เพียงเดิน นตามผู้แทนจากหอกองโจรหมาป่าขึ้นไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์
“ท่านผู้แทน ท่านจะพาพวกเราไปที่ใดกัน” เพียงแค่ตอนที่เหล่าผู้สอบตกได้เดินผ่านอาคารที่ดูสง่างามมาได้สองสามอาคาร หนึ่งในผู้ที่สอบตกก็ได้ถามออกมาอย่างสงสัย
“ฮี่ฮี่ฮี่ แน่นอนว่าเป็นการพาพวกเจ้าเดินชมรอบๆก่อน” ผู้แทนหอกองโจรหมาป่าได้พูดออกมาก่อนที่จะเดินต่อ “ส่วนสถานที่ที่ถูกเรียกได้ว่าเป็นตัวตนแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จร ริงนั้นอยู่ตรงหน้าพวกเจ้าอีกไม่ไกล รึพวกเจ้าจะบอกว่าพวกเจ้าไม่สนใจที่นั่นกัน”
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็แสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างที่สุด
เมื่อเห็นว่านี่เป็นโอกาสอันดี เฉินเฉียงจึงใช้จังหวะนี้หาข้อมูลในทันใด “ท่านผู้แทน ในวิหารศักดิ์สิทธิ์นั้น นอกจากหอกองโจรหมาป่าที่สูงส่งของท่าน ยังมีสถานที่อื่นใดอีก กัน”
คำถามของเฉินเฉียงนี้เองก็ได้กระตุ้นต่อมความอยากรู้ของผู้คนขึ้นมา และนี่เองทำให้ตัวแทนหอกองโจรหมาป่าตอบออกมาอย่างเย่อยิ่งจองหอ “ภายใต้วิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้นั้นมีหอ อต่างๆคอยปฏิบัติหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป ส่วนหลักๆจะประกอบด้วยหอหลักสี่หอได้แก่หอกองโจรหมาป่าของข้า หอหุ่นเชิดโลหิต หอผู้คุมกฎ และหอเทพเซียน”
“ในแต่ละหอหลักนี้จะมีผู้ดูแลหอประจำอยู่ รวมถึงผู้บ่มเพาะของแต่ละหออีกมากมาย จะเรียกได้ว่าหอทั้งสี่หอนี้เป็นกิ่งก้านแขนขา ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้นำวิหารศักดิ์สิทธิ์ทั้ง สี่ก็ว่าได้”
“คงไม่ต้องอธิบายนะว่าหอศักดิ์สิทธิ์เป็นหอเช่นใด ส่วนหอผู้คุมกฎนั้นคือหอที่พวกเราพึ่งจะเดินผ่านมา หอเทพเซียนนั้นมีหน้าที่ในการขยายอำนาจและพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คนภา ายในหอ รวมถึงการวางแนวทางในการพัฒนาโลกปีศาจแห่งนี้”
“ส่วนหอกองโจรหมาป่านั้น อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะได้รับรู้ว่าพวกเรานั้นมีหน้าที่เช่นใด”
ผู้แทนหอหมาป่าได้พูดออกมาอย่างสบายอารมณ์จนทำให้แม้แต่เฉินเฉียงที่ยังรับรู้อยู่ก่อนก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคืองในใจ
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ทุกคนยิ่งรู้สึกสนเท่ห์ในสถานที่ที่พวกเขากำลังจะไปยิ่งกว่าเดิม และนี่ยิ่งทำให้พวกเขานั้นอยากจะสำรวจให้หมดทุกซอกทุกมุมของวิหารศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ภายใ ในวันนี้เลยทีเดียว
แต่เฉินเฉียงก็รับรู้ดีว่าความคิดของผู้คนเหล่านี้ไม่อาจจะเป็นไปได้
หากว่าที่นี่ยังอยู่ในเขตเมืองฟ้าศักดิ์สิทธิ์ คนของกองโจรหมาป่าเหล่านี้ก็คงจะกังวลในสิ่งที่พวกมันกำลังจะทำอยู่บ้าง
แต่ในเมื่อพวกเขานั้นอยู่กลางถิ่นของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้ผู้คนทั้งเจ็ดหมื่นกว่าคนนี้จะถูกหั่นเป็นชิ้นกลางรังเสือแห่งนี้ ต่อให้พวกเขาไม่ได้กลับไป อย่างมากผู้คนก็ คิดไปว่าพวกเขาโดนเลือกตัวเข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์โดยตรงเพียงเท่านั้น และนั่นก็จะเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
กับตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในใจของผู้คนแบบนี้มีหรือที่จะเป็นผู้นำพาผู้คนจากทั่วสารทิศให้ตกตายไป
เฉินเฉียงนั้นแต่เดิมก็ต้องการใช้โอกาสนี้ในการหาข้อมูลความลับของวิหารศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติม แต่จากบทสนทนาเมื่อครู่ เห็นทีว่าเขาคงจะต้องหาโอกาสอื่นและทำได้เพียงเล่นไปตา ามน้ำเสียแล้ว
นั่นก็เพราะ ไม่ว่าสิ่งที่จะต้องพบเจอจะเป็นภัยอันตรายร้ายแรงระดับไหน เขาจะต้องนำพาเม่ยซินให้รอดพ้นความตายไปได้ นอกจากเรื่องนี้ ในครั้งนี้เขาจะไม่สนใจในเรื่องอื่น
หลังจากผ่านไปไม่นาน เฉินเฉียงและผู้สอบตกได้เดินมาถึงตึกๆหนึ่งที่ถูกเขียนไว้ด้วยตัวอักษรว่าหลัวฉุน(รังคลั่ง)(แปลตรงๆว่าแหล่งอาหาร)
เมื่อเห็นตึกตรงหน้า เหล่าผู้คนที่เห็นก็รู้สึกตื่นเต้นยินดีพร้อมกับความรู้สึกภาคภูมิที่ได้เหยียบย่างเข้ามายังพื้นที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวใจของวิหารศักดิ์สิทธิ์
หัวหน้าผู้แทนที่ยืนอยู่ตรงหน้าสุดได้พูดออกมาด้วยเสียงอันดังลั่น
“ทุกคน จงฟัง ด้วยการที่พวกเจ้านั้นมีจำนวนคนที่มากมาย ข้า จะแบ่งพวกเจ้าให้เข้าชมกันไปเป็นรอบๆ เพราะหอแห่งนี้ไม่อาจจะบรรจุคนขนาดนี้ได้หมด”
“ดังนั้นข้าจะแบ่งพวกเจ้าออกเป็นยี่สิบกลุ่ม กลุ่มละสามพันห้าร้อยคนโดยประมาณ แล้วแยกกันเข้าแต่ละห้องในหอแห่งนี้ไป”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้คนทั้งหลายต่างก็จับกลุ่มแยกเป็นยี่สิบกลุ่มในทันใด โดยแต่ละกลุ่มเองก็มีผู้แทนจากหอกองโจรหมาป่าเดินนำพาแยกไปในแต่ละทิศแต่ละทาง
เฉินเฉียงเองแน่นอนว่าย่อมเข้าไปยืนเคียงข้างเม่ยซินโดยที่เธอไม่รู้ตัว เดินล่วงเข้าตึกรังคลั่งตรงหน้าไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อคนกว่าทั้งสามพันกว่านี้เดินเข้าไป แม้ย่างก้าวแรกมันจะดูสว่างเจิดจ้าและสวยงามอย่างมากก็ตาม แต่เมื่อเดินเข้าไปถึงด้านในนั้น พวกเขากลับไม่พบสิ่งใด
นี่คือหมดแล้วเหรอ
เฉินเฉียงในตอนนี้ได้ปลดปล่อยกระแสจิตของตนไปโดยรอบ พร้อมสอดส่ายสายตาระแวดระวัง
ผู้คนที่มากับเฉินเฉียงเองนั้นก็รับรู้ถึงอะไรบางอย่าง ต่างรีบหันรีหันขวางกันพัลวัน ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะพวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าคนของหอกองโจรหมาป่านั้นพาพวกเขามาที่นี่ ทำไม
“แอ๊ดดดดดดดดดด……”
ประตูหลักที่พวกเขาก้าวเดินผ่านเข้ามาได้ปิดลงอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังลั่นไปทั่วทั้งหอ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าในครั้งนี้จะมีสอบตกมากมายนัก”
หลังจากสิ้นเสียงหัวเราะ ผู้คนกลุ่มหนึ่งก็ได้เดินข้ามา มันเป็นกลุ่มของชายวัยกลางคนที่ผอมแห้งติดกระดูกได้แสดงตนออกมาที่ชั้นสอง พวกเขาเหล่านี้แม้จะมีร่างกายที่ผอมแห้งติดกร ระดูก แต่แววตาของพวกเขานั้นแลดูดุร้ายและกระหายราวกับเสือที่หิวโซได้พบเจอเหยื่ออันโอชะ