ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 422 จ้องมอง
บทที่ 422 จ้องมอง
เมื่อเห็นฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้บ่มเพาะทั้งสี่ก็ได้เปลี่ยนสายตาที่เป็นมิตรกลับกลายเป็นเย็นชาในขณะที่มองผู้อาวุโสหลิวที่กำลังเดือดดาลตรงหน้า
ในตอนแรกนั้นผู้อาวุโสหลิวที่เห็นผู้บ่มเพาะทั้งสี่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนตน เขาเองก็รู้สึกปลาบปลื้มใจอย่างที่สุด
แต่ในตอนนี้ เมื่อเห็นท่าทางที่แปลกตาไปของทั้งสี่คน เขาก็เหมือนจะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าสิ่งที่ทำให้สัตว์ปีศาจยกระดับได้เร็วที่สุดนั้นคือการกลืนกินพวกเดียวกันเอง
และในตอนนี้สัตว์ปีศาจที่เป็นหุ่นเชิดโลหิตของคนทั้งสี่นั้นต่างก็พยายามหมายปองซากร่างของลิงยักษ์ปีศาจของตนเองอยู่ ด้วยโอกาสที่จะทำให้หุ่นเชิดโลหิตของพวกตนนั้นยกระดับ มีหรือที่ผู้บ่มเพาะทั้งสี่จะขัดพวกมัน
ผลก็คือ กลายเป็นว่าผู้บ่มเพาะทั้งสี่ได้รายล้อมผู้อาวุโสหลิวไว้ เพื่อไม่ให้เขานั้นขัดขวางการกระทำของหุ่นเชิดโลหิตของตน
“ไอ๊หยา…. ผู้อาวุโสหลิว ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าว่านอกจากการที่เราจะหาตัวคนลงมือสังหารลิงยักษ์ของท่านมาระบายแค้นแล้ว พวกเราคงจะไม่อาจทำสิ่งใดอื่นได้อีกแล้วนา”
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ยังไงซะไอ้มดตัวจ้อยเหล่านี้ยังไงก็ล้วนแล้วแต่ต้องตกตายอยู่แล้ว จะดีกว่าหากพวกเราจะช่วยท่านลงไปหาตัวมันผู้นั้นออกมากับท่าน”
“นั่นสิ ผู้อาวุโสหลิว ถึงแม้มดปลวกพวกนี้จะมีความสามารถ แต่ใครจะรู้ว่าอาจจะเป็นเพราะสัตว์ปีศาจของท่านนั้นประมาท จึงถูกพวกมันบางตัวตอบโต้จนตายไป”
“แต่จะว่าไป ไม่ว่ายังไงไอ้พวกนี้มันก็ต้องตกตายอยู่แล้ว ต่อให้มันตายเพราะอะไรมันก็ถือได้ว่าท่านได้ระบายแค้นแล้วนา”
คนทั้งสี่ต่างพูดจาวกไปวนมาหมายจะเบี่ยงเบนความสนใจของผู้อาวุโสหลิวไม่ให้คิดเรื่องสัตว์ปีศาจที่เป็นหุ่นเชิดโลหิตของตน
ในเมื่อผู้อาวุโสหลิวเองก็เป็นผู้บ่มเพาะที่เดินบนเส้นทางเดียวกัน มีหรือที่เขานั้นจะไม่เข้าใจ
หลังจากสบถออกมาทีหนึ่ง ผู้อาวุโสหลิวได้กลอกตามองคนคนหนึ่งแล้วพูดออกมาอย่างค่อนขอด “ฟาง เจ้าคิดรึว่าเรื่องนี้จะจบลงง่ายๆ”
“ไอ้พวกที่เหลือนี่มันมีระดับการบ่มเพาะเพียงระดับขุนพลขั้นต้น มีหรือที่พวกมันจะฆ่าหุ่นเชิดโลหิตของข้าได้โดยง่าย”
“หากว่าพวกเจ้ายังคงคิดขวางมือเท้าของข้าอย่างนี้ ข้าบอกได้เลยว่าไม่ใช่หุ่นเชิดโลหิตของข้าเพียงตัวเดียวที่ต้องตกตายไปอย่างแน่นอน”
“โฮ่ ผู้อาวุโสหลิว นี่ท่านกำลังแช่งพวกเรางั้นรึ”
“ท่านอย่าได้ลืมไปว่าหุ่นเชิดโลหิตของท่านนั้นได้ตกตายไปแล้ว และมันก็ทำให้ท่านไม่ได้มีอะไรพิเศษต่อวิหารศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป อีกไม่ช้านานท่านก็ต้องถูกขับจากหอหุ่นเชิดโลหิตอยู่ดี”
“แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ในเมื่อหุ่นเชิดโลหิตของท่านได้ตกตายไปแล้ว อย่างน้อยๆท่านก็ควรจะสร้างผลงานไว้สักเล็กน้อยโดยการยกร่างของมันให้กับพวกเราเพื่อยกระดับหุ่นเชิดโลหิตของแต่ละคน”
ผู้บ่มเพาะอีกสามคนได้แสยะยิ้มและมองไปที่ผู้อาวุโสแซ่หลิวอย่างพร้อมเพรียง แต่พวกเขาก็ยังไม่วายที่จะตื่นตัวเตรียมพร้อมรับมือผู้อาวุโสหลิวเพื่อว่าเขานั้นจะดีแตกขึ้นมา พวกเขามั่นใจว่าหากพวกเขาทั้งสี่ลงมือพร้อมกัน ไม่ว่ายังไง ก็ทำให้ผู้อาวุโสหลิวตกตายได้ในทันที
นี่คือความจริงของโลกของผู้บ่มเพาะที่เดินบนเส้นทางสายหุ่นเชิดโลหิต
เพียงชั่วพริบตา พี่น้องที่ฟันฝ่าอุปสรรคพูดคุยกันมาจนถึงเมื่อครู่ ก็ได้เห็นเขาประดุจดั่งศัตรูคู่แค้น
สำหรับผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตแล้ว ผู้ใดที่หุ่นเชิดโลหิตตกตายไปก็ไม่เหลือคุณค่าอันใดอีก
ไม่เพียงซากร่างของหุ่นเชิดโลหิตของตนจะถูกกิน แม้แต่ตัวเจ้านายของหุ่นเชิดโลหิตเองก็เปรียบได้ดั่งอาหารที่รอเวลากัดกินเพียงเท่านั้น
แล้วผู้อาวุโสหลิวที่เป็นถึงผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตระดับราชาเหนือราชามีหรือที่จะไม่รับรู้เรื่องนี้
เมื่อเห็นว่าอดีตพวกพ้องทั้งสี่ค่อยๆรายรอบตัวเองเอาไว้ และหมายที่จะเล่นงานเขา ขนทั่วทั้งร่างของผู้อาวุโสหลิวก็ได้ลุกชัน และรู้สึกร้อนรนใจในทันที
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทั้งห้ากำลังเตรียมจะปะทะกันนี้เอง ราชาเหนือราชาอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังผู้อาวุโสหลิวได้กระอักเลือดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ
อีกหนึ่งคน
และเพียงชั่วพริบตา คนที่เหลือก็กระอักเลือดในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน
“ฉิบหายแล้ว” หนึ่งในผู้บ่มเพาะได้สบถออกมาหลังจากเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก
เมื่อเขาได้ก้มลงดูก็ผมว่าสัตว์ปีศาจทั้งห้าตนได้ตกตายจนหมดสิ้น
เป็นเฉกเช่นที่ผู้อาวุโสหลิวได้กล่าวออกมา เฉินเฉียงได้ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ฆ่าสัตว์ปีศาจทั้งห้าตนไปด้วยเวลาที่แสนจะรวดเร็ว
และสัตว์ปีศาจทั้งห้านี้ทำให้เฉินเฉียงยกระดับขึ้นมาได้ในทันที ถึงแม้ว่าเขาจะยังไปไม่ถึงราชาขุนพลขั้นกลาง แต่ค่าสถานะของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมากมายเลยทีเดียว
หลังจากหุ่นเชิดโลหิตของราชาเหนือราชาทั้งห้าตกตายไปจนหมดสิ้น ราชาเหนือราชาทั้งห้าก็ตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในทันที
หากมองในตอนนี้แล้ว ผู้ที่เหลือรอดในกำแพงเขตแดนนั้นเหลือน้อยกว่าร้อยคนด้วยซ้ำ
ด้วยการที่ผู้ที่สัมผัสกับร่างสัตว์ปีศาจไปแล้วก็จะถูกบอลเลือดปีศาจกลืนกินเหือดแห้งไปแทบจะในทันที
และร่างเหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งแพร่กระจายบอลเลือดปีศาจหากมีผู้มาสัมผัสต่อ
นี่จึงทำให้คนที่เหลือนี้ตกตายแทบจะทันทีเมื่อไปแตะถูกร่างของผู้ที่ตกตายไปที่กองอยู่กับพื้น
ผลก็คือ ฉากเหตุการณ์ในกำแพงเขตแดนนี้ยิ่งโกลาหลขึ้นยิ่งกว่าเดิมนอกจากการที่หลบหนีสัตว์ปีศาจก็วุ่นวายพอแล้ว
มันทำให้สิ่งเกิดขึ้นภายในกำแพงเขตแดนนี้ไม่ได้ต่างไปจากนรกบนดิน
ถึงแม้คนที่หลงเหลืออยู่ในตอนนี้จะเปรียบได้ดั่งผู้ที่เหลือรอดออกมาจากนรกภูมิ แต่ด้วยฉากเหตุการณ์ตรงหน้าที่ยากเหลือจะรับ ดวงตาของผู้คนเหล่านี้ต่างก็เบิกกว้างและเสียสติ ทำได้เพียงวิ่งไปมาด้วยความสติแตก
เพื่อไม่ให้ราชาเหนือราชาทั้งห้าจับสังเกตได้ หลังจากเฉินเฉียงได้ฆ่าสัตว์ปีศาจทั้งห้าตนให้ตกตายไป เขาก็ทำเฉกเช่นคนอื่นที่วิ่งหน้าตาตื่นไปมาทั่วทั้งเขตแดน พลางมองหาโอกาสที่จะหนีรอดออกไป
และในเพียงชั่วพริบตา ราชาเหนือราชาทั้งห้าก็ได้กลายเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตที่สูญเสียหุ่นเชิดของตนไป
ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตนั้น ตลอดชั่วชีวิตจะมีหุ่นเชิดเพียงหนึ่งเดียว
และเมื่อสูญเสียหุ่นเชิดไปแล้ว พวกเขาจะไม่อาจมีอนาคตอันดีไปได้
และเมื่อเห็นว่าพวกเขาทุกคน สูญสิ้นอนาคตอันดีที่หมายหมั้นไว้ พวกเขาทั้งห้าแสดงออกมาด้วยท่าทางที่หวาดหวั่นและสิ้นหวัง ก่อนจะพุ่งไปหาผู้คนที่เหลือรอด
หากจะถามว่าพวกเขาจะเข้าไปทำไมอีก แน่นอนว่าย่อมเป็นการหาภัยอันตรายที่หลบซ่อนท่ามกลางฝูงชนที่วุ่นวายอยู่นี้เพื่อล้างแค้นให้กับหุ่นเชิดโลหิตของตน
“ไอ้ฉิบหาย ต่อให้ข้าต้องตกตายก็ต้องฆ่าไอ้ตัวระยำตำบอนนี่ให้ได้”
“ใครฟะ แน่จริงก็แสดงตัวออกมา”
“จะพูดทำไมให้มากความ ก็ฆ่ามันให้หมดเนี่ยแหละ”
“ลงมือ”
ทั้งห้าคนได้ลอยตัวเหนือผู้คนที่ยังคงแตกตื่นด้วยใจที่โกรธเกรี้ยว พร้อมอาวุธหลากหลายรูปแบบในมือของตน ก่อนจะสาดซัดใส่ผู้คนเบื้องล่าง
ราชาเหนือราชาขั้นต้นทั้งห้าในตอนนี้เปรียบได้ดั่งเสือร้ายที่หมายขย้ำกัดลูกแกะ และนี่ทำให้ผู้คนกว่ายี่สิบตกตายกลายเป็นผุยผง
นี่ทำให้เฉินเฉียงที่เห็นเหตุการณ์ก็ถึงกับแสดงออกมาด้วยสายตาเย็นชา
ด้วยทักษะของเขานั้นมันง่ายมากที่จะออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้
และตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะช่วยผู้คนเหล่านี้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เฉินเฉียงนั้นรู้สึกขุ่นเคืองใจขึ้นมา นั่นก็เพราะราชาเหนือราชาทั้งห้าหมายจะไล่ล่าเขาราวกับเขาเป็นสัตว์บ้านๆ
ก็ในเมื่อยังไงซะ ราชาเหนือราชาเหล่านี้จะต้องเป็นศัตรูของเขาอยู่แล้ว จะดีกว่าไหมถ้าเขาฆ่ามันให้ตกตายไปจนหมดตั้งแต่ตอนนี้
เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงก็ใช้พลังเหนือมนุษย์หลบหนีแสงในทันที พร้อมใช้เคลื่อนย้ายพริบตาพุ่งเข้าใส่ราชาเหนือราชาที่อยู่ใกล้เขาที่สุด
แต่เฉินเฉียงก็ยังดูแคลนผู้ที่อยู่ในระดับเทียบเท่าราชาจอมพลมากเกินไป
ถึงแม้ว่าราชาเหนือราชาเหล่านี้จะไม่ได้มีค่าพลังจิตที่สูงล้ำเทียบเท่าเฉินเฉียง แต่ราชาเหนือราชาคนนี้ก็ยังหลบการโจมตีของเฉินเฉียงที่รวดเร็วได้อย่างเฉียดฉิว ในตอนที่เฉินเฉียงจะโจมตีโดน
และนี่จึงทำให้ตัวตนของเฉินเฉียงนั้นถูกเปิดเผยต่อหน้ามหาราชทั้งห้าคน
“เป็นมัน เป็นไอ้เด็กนี่ที่ฆ่าหุ่นเชิดโลหิตของพวกเรา”
“ไอ้เฒ่า พวกเราไปไอ้เวรตะไรตัวนี้ไว้ไม่ได้ ฆ่ามันซะ”
ในทันทีที่สิ้นเสียง ราชาเหนือราชาทั้งห้าก็คลุ้มคลั่งและพุ่งโจมตีเฉินเฉียงอย่างไม่คิดชีวิต
เฉินเฉียงในตอนนี้ก็ได้กางขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาออกมาครึ่งเมตร และกระโดดหลบราชาเหนือราชาที่รุมล้อมโจมตีอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นเฉินเฉียงก็ได้เคลื่อนไหวไปมาโดยรอบ
ถึงแม้ว่าทั้งห้าคนนี้จะเป็นผู้บ่มเพาะระดับราชาเหนือราชาที่ไม่ได้อ่อนด้อยแต่อย่างใด แต่เมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในระดับราชาจอมพลบนโลกของเขา คนเหล่านี้กลับอ่อนด้อยนัก
และเมื่อไม่มีหุ่นเชิดโลหิต ไม่ได้รับพลังเกื้อหนุนจากโลกใบเล็กของตน การฆ่าราชาเหนือราชาเหล่านี้ให้จบสิ้นก็ไม่ได้ยากเย็นแต่อย่างใด