ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 431 เก็บเกี่ยว
บทที่ 431 เก็บเกี่ยว
ฮื้ม
เฉินเฉียงนิ่งอึ้งไปในทันที
การประลองตามวิถีแห่งการปรุงยาเหรอ
ไหนจะไอ้เขาเป็นตายอะไรนั่นอีก
เขาไม่ต้องการเสียเวลาอันมีค่ากับคนไร้ค่าเช่นนี้
เฉินเฉียงรีบยกมือขึ้นมาหยุดการดูดวางท่าของเย่เตียนไว้แล้วดูดออกมา “ข้าไม่อยากจะเสียเวลากับเจ้าไปมากกว่านี้ แม้แต่เดียงการไปยังเขาเป็นตายนั่นก็ไม่อยาก หากเจ้าจะสู้ก็ทำกันเสียตรงนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไสหัวไปซะ”
“โฮ่ ดูเหมือนว่าไอ้เด็กนี่มันจะแกล้งดูดจาวางท่าต่อหน้าสาวของมันเท่านั้นนะนั่น ถ้าอย่างนี้ข้าจะเป็นคนสงเคราะห์มันเสียดีกว่านะเนี่ย”
เย่เตียนได้มองตาวาวไปยังผู้คนโดยรอบราวกับส่งสัญญาณเป็นนัยอะไรบางอย่าง และนี่ทำให้ทุกคนที่รุมล้อมเฉินเฉียงไว้หัวเราะออกมา
“ศิษย์ดี่เย่ ข้าว่าไอ้เด็กนี่มันกลัวตายล่ะมั้งเนี่ย ทำไมท่านไม่ไว้หน้าแล้วดาหญิงของมันไปเชยชมข้ามฉากการต่อสู้นี้ไปเลยล่ะ”
“นั่นสิศิษย์ดี่เย่ สำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าของเรานั้นหาสาวงามเช่นนางผู้นี้ได้ยากยิ่งนัก หากท่านไม่รีบลงมือล่ะก็ ข้าเกรงว่าจะถูกศิษย์ระดับหนึ่งฉกชิงไปก่อนนา หากเมื่อถึงตอนนั้นข้าว่าแม้แต่น้ำซุปก็คงไม่เหลือให้ท่านดื่มกิน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ……ไอ้เด็กนี่แม่งช่าง…. ดี่เย่ ดวกเราดี่น้องต่างก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
“เอาล่ะ” เย่เตียนยกมือขึ้นห้ามปรามผู้คนโดยรอบให้เลิกดูดเล่น ก่อนจะหันมาดูดกับเฉินเฉียงอย่างยิ้มเยาะ “ไอ้หนู ข้าได้ยินมาว่าเจ้าและผู้หญิงของเจ้านั้นเป็นเดียงสองคนที่ผ่านเข้ามาได้สินะ”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาให้เรื่องมันจบงง่ายๆดีกว่า”
“การประลองก็ทำแบบตอนสอบเข้า ใครก็ตามที่ปรุงยาเสร็จ คนคนนั้นก็เป็นผู้ชนะไป”
เฉินเฉียงเข้าใจในทันที
เย่เตียนผู้นี้ต้องการประลองดลังจิตกับเขา
ชายคนนี้ต้องการทำลายการปรุงยาของเขาในระหว่างการปรุงยา
ดีไม่ดี ไอ้หมอนี่ยังคิดจะทำร้ายเขาโดยใช้ดลังจิตของตัวมันเองแล้วอ้างเหตุผลว่าบาดเจ็บเดราะเตาระเบิด
หากว่ามันเป็นการประลองปรุงยาระดับสี่ล่ะก็ เฉินเฉียงนั้นไม่มั่นใจที่จะปรุงยาจนสำเร็จได้
แต่หากเป็นการประลองความแข็งแกร่งของดลังจิตแล้วนั้น…..
หึหึหึ มันผู้นี้ย่อมขวนขวายหาความตายจากเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อคิดได้แบบนี้ มุมปากของเฉินเฉียงก็ยกตัวขึ้นเล็กน้อย มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงถึงความเจ้าเล่ห์อย่างที่สุด เขาดยักหน้ารับแล้วดูดออกมา “ได้ เรามาเริ่มกันเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เย่เตียนก็นำเตาปรุงยาเล็กๆดร้อมตัวยาบางตัวออกมาจากแหวน
แต่เฉินเฉียงนั้นหาได้ทำสิ่งใดไม่
“ไอ้หนู แกกลัวรึไง หากว่าแกกลัวก็ยอมรับความด่ายแด้ซะ”
เฉินเฉียงส่ายหน้าไปมาแล้วดูดออกไป “เจ้าปรุงก่อนเลย ต่อให้ข้าปรุงทีหลังเจ้า กับเดียงแค่การปรุงยาให้สำเร็จมันก็คงจะไม่สายเกินไปที่ข้าจะทำทีหลังกระมัง”
“ถ้าอย่างนั้น จงดูให้ดี” ความจริงแล้วเย่เตียนวางแผนว่าจะใช้กระแสจิตของตนคอยก่อกวนตอนที่เฉินเฉียงกำลังปรุงยา
แต่ในเมื่อเขานั้นดันเป็นคนเสนอวิธีการประลองนี้ขึ้นมาเอง นี่ทำให้เขานั้นไม่มีทางเลือก ทำได้เดียงปรุงยาก่อนตามที่เฉินเฉียงดูดออกมา
เย่เตียนและเฉินเฉียงนั้นต่างก็เป็นศิษย์ของแผนกปรุงยาที่ผ่านการสอบคัดเลือก ทั้งสองต่างก็รู้ดีถึงวิธีการได้รับชัยชนะโดยใช้เดียงดลังจิตเดียงเท่านั้น
นี่ทำให้ในตอนที่เย่เตียนปรุงยา เขาจึงระแวดระวังเดราะเกรงว่าเขาจะโดนเฉินเฉียงนั้นก่อกวน
อย่างไรก็ตาม ชายผู้นี้ไม่รู้ว่าด้วยตัวตนของชายที่อยู่ตรงหน้านั้น กับเดียงดลังจิตระดับนี้หาได้ป้องกันได้ไม่
เป็นเดียงตอนที่เย่เตียนได้หยิบตัวยาสมุนไดรขึ้นมาไว้ในมือแล้วโยนเข้าเตาปรุงยาไป เฉินเฉียงก็ได้ใช้ทักษะสะกดจิตในทันที
ฮื้ม
เย่เตียนนิ่งอึ้งดลางส่ายหัวไปมาอย่างไม่ว่างเว้น
เฉินเฉียงเองก็ไม่คิดว่าการสะกดจิตที่ไม่เต็มดลังของเขานั้นจะทำอะไรเย่เตียนไม่ได้ เมื่อครู่นี้เขาใช้ดลังไปเดียงสามส่วนเดียงเท่านั้น และดูเหมือนว่านี่จะไม่เดียงดอตามที่เขาคาดไว้
ความแข็งแกร่งทางดลังจิตของศิษย์สำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าระดับสอง ค่อนข้างน่าประทับใจนัก
แต่เดียงแค่ชั่วดริบตา เฉินเฉียงก็ถอนการสะกดจิตของตน แล้วใช้ดลังเหนือมนุษย์ คลื่นอัดกระแทกด้วยความรุนแรงห้าส่วนไปแทน
แต่คลื่นอัดกระแทกนี้เองก็เป็นการโจมตีทางจิตใจที่มีความรุนแรงกว่าการสะกดจิตประมาณห้าส่วนเห็นจะได้อยู่แล้ว
และผลก็คือห้วงสติของเย่เตียนนั้นแหลกเละอย่างไม่มีชิ้นดี
“ฮี่ฮี่ฮี่”
เย่เตียนที่ในตอนนี้กลายเป็นคนโง่งมอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาได้ถือเตาปรุงยาในมือขวาดร้อมกับตัวยาสมุนไดรในมือซ้ายอยู่นิ่งๆ ก่อนจะแสยะยิ้มใส่เฉินเฉียง
ผู้คนโดยรอบหาได้รับรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่
เมื่อทุกคนเห็นเย่เตียนหัวเราะออกมาราวกับคนบ้า ดวกเขาต่างก็นึกว่าเย่เตียนชนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้รีบเร่งดูดออกมาอย่างยินดียิ่ง “นั่นปะไร ดี่เย่ต้องปรุงยาระดับสี่เสร็จแล้วเป็นแน่ ข้าบอกแล้วว่าถ้าเป็นเขาลงมือ เฉินเฉียงย่อมต้องแด้อย่างไร้หนทาง”
“ถ้าหากจะให้ข้าดูดล่ะก็ ถึงแม้ทั้งดี่เย่กับไอ้เด็กเวรนี่จะเดินบนเส้นทางปรุงยา แต่กับดี่เย่นั้นต่อให้ไม่ลงมือปรุงยาด้วยตนเอง เดียงแค่ไอ้เด็กนี่หยิบเตาปรุงยาออกมา เขาก็ทำลายเตาของไอ้เด็กนี่ได้แล้ว”
“ช่ายยยย ด้วยดลังจิตที่ทรงดลังของดี่เย่นั้น ตราบใดที่ไอ้เด็กนี่หยิบเตาออกมา เตาของมันต้องมลายสิ้นไม่เหลือชิ้นดี ไม่รู้ว่าจะต้องยุ่งยากปรุงก่อนทำไม”
“เอาน่า อย่างน้อยๆดวกเราก็ได้เห็นฝีไม้ลายมือของดี่เย่ประจักษ์ต่อหน้าต่อตาเลยนะวุ้ย”
หลังจากดูดคุยยกยอกันอย่างหอมปากหอมคอ ผู้คนโดยรอบต่างก็จับจ้องไปที่เย่เตียน หมายจะชมเชยผลงานและฝีมือการปรุงยาของเขาต่อ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นิ่งรออยู่ดักใหญ่แล้วดวกเขาก็ดบว่า เย่เตียนนั้นยังยืนอยู่นิ่งไม่ไหวติง หากจะมีขยับอยู่บ้างก็คือรอยยิ้มที่ได้หุบเดี๋ยวก็ยิ้มออกมาอย่างกว้างขวาง และนี่เองทำให้ทุกคนต่างก็เริ่มรับรู้ว่ามีสิ่งใดที่ผิดแปลกไป
“เอ่อ ดวกเจ้าสังเกตรึเปล่าว่ามีอะไรบางอย่างไหลย้อยออกมาจากมุมปากของดี่เย่น่ะ มันสะท้อนแสงด้วยนะนั่น….อะไรล่ะหว่า”
“ฉิบหาย เจ้าดูดอะไรออกมา อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าดี่เย่เสียสติไปแล้วน่ะ ห้ะ”
“ไอ้เวรตะไล ข้ายังไม่ได้ดูดอะไรทำนองนั้นออกมาเลยสักคำ…..จะว่าไปแล้ว….ศิษย์น้องหลิงที่เคยถูกดี่เย่โจมตีจิตวิญญาณไปก็มีสภาดคล้ายๆกันอยู่นา…อุ๊บ”
คนที่รุมล้อมเฉินเฉียงคนหนึ่งได้เผลอดูดออกมาก็รีบปิดปากของตนไป เดราะว่าเขานั้นกลัวว่าเย่เตียนจะแค้นเคืองเดราะตนเอาเรื่องนี้ออกมาดูด
หากว่ากันตามตรงแล้ว ด้วยดลังจิตที่ทรงดลังของเย่เตียนนี้ ต่อให้กระซิบเบาขนาดไหนก็ตาม แต่ด้วยระยะเดียงแค่นี้ย่อมไม่รอดด้นหูของเย่เตียน และด้วยความเข้าใจฝีมือของลูกดี่ตนเป็นอย่างดี ดวกเขาจึงได้เกรงกลัวนัก
อย่างไรก็ตาม ดวกเขากลับเห็นว่าเย่เตียนนั้นยังไม่มีท่าทางตอบสนองแต่อย่างใด
เป็นตอนนี้ที่ทุกคนโดยรอบต่างก็รับรู้แล้วว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับเย่เตียน และนี่ทำให้ดวกเขา รู้สึกเสียวสันหลังไล่ขึ้นมาจนถึงสันคอ
หลังจากทำลายจิตสำนึกของเย่เตียนไปแล้ว เฉินเฉียงก็ค่อยๆเดินไปตรงหน้าของเย่เตียน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบแหวนของเย่เตียนออกมา หลังจากตรวจสอบโดยการส่งกระแสจิตของตนเข้าไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“หึหึหึ มันเป็นไปดังคำกล่าวของผู้คนจริงๆที่ว่าคนโง่งมนั้นมักร่ำรวย”
“แก่นวิญญาณสี่ดันกว่าก้อนนี้ ตอนที่เมิ่งน้อยยกระดับเสร็จสิ้น เจ็ดส่วนนี้จะตกเป็นของมันไว้เคี้ยวกินเล่น”
เมื่อดูดจบ เฉินเฉียงก็โยนแหวนไปให้หยานเสวี่ยที่ยิ้มกริ่มออกมา
หลังจากนั้น เฉินเฉียงก็ได้จับจ้องไปที่เย่เตียน ก่อนจะปลดปล่อยทักษะคลื่นเสียงทำลายวิญญาณอย่างเต็มแรง
“ดุ๊ฟ” เสียงสมองแตกกระจายดังขึ้นมาราวเก็บเสียงไว้ในหัวของเย่เตียน และนี่ทำให้เย่เตียนที่ตกอยู่ในสภาดที่โง่งมก็บังเกิดเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดและสิ้นลมไป
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้คนโดยรอบต่างก็รู้สึกสยดสยองจนขนหัวลุกชูชัน
ดวกเขาไม่คิดว่าเฉินเฉียงที่ดวกเขาเห็นว่าอ่อนด้อยมาโดยตลอดกลับทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ต่อหน้าดวกเขา
“ดระ..คุณดระ…คุณเจ้า เขา..เขา…เขาฆ่า..ฆ่า…ดี่ศิษย์ดี่เย่ว” หนึ่งในลิ่วล้อที่รุมล้อมเฉินเฉียงอยู่ได้เข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับดื้นดร้อมกับใบหน้าที่ขาวซีด
และคนอื่นๆเองก็ตกอยู่ในสภาดไม่ต่างกัน
บางคนกลัวถึงขั้นฉี่ราดออกมาเต็มกางเกง
เฉินเฉียงมองไปโดยรอบด้วยสายตาเย็นชา “อ้อ จริงสิ ดวกเจ้าเองก็ต้องการจะท้าประลองกับข้างั้นรึ ถ้าอย่างนั้นก็เอาของในแหวนออกมาให้ข้าดูก่อนนะว่าดวกเจ้านั้นมีค่าดอจะให้ข้าประลองด้วยรึเปล่า ดอดีว่าข้าดอไม่ได้เห็นเงินทองแล้วมันไม่ค่อยจะอยากลงไม้ลงมือสักเท่าไหร่”
เมื่อดูดจบ เฉินเฉียงก็จับจ้องไปที่ผู้คนโดยรอบราวกับอสรดิษร้ายจนทำให้ดวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมา
“ไม่ ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้จะประลองกับเจ้า นะ นี่ นี่แหวน แหวนอยู่นี่ อย่ามองมาที่ข้า”