ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 432 ต้นกำเนิด
บทที่ 432 ต้นกำเนิด
ด้วยเรื่องราวที่ได้พบเห็นต่อหน้าต่อตานี้ทำให้เหล่าลิ่วล้อทั้งหลายวางแหวนของตนไว้กับพื้น ก่อนจะจรลีลี้หนีหายไปคนละทิศคนละทางประหนึ่งห่าลง
เฉินเฉียงเองก็ไม่ได้คิดจะไล่ติดตาม ทำเพียงแค่เก็บแหวนพวกนั้นไป
ถึงแม้คนเหล่านี้จะไม่ได้ร่ำรวยเท่าเย่เตียน แต่ในแหวนของแต่ละคนเองก็มีแก่นวิญญาณรวมๆกันแล้วก็ได้มาพอสมควร
ความจริงแล้ว เฉินเฉียงเองก็ไม่ได้คิดจะฆ่าเย่เตียนแต่อย่างใด
แต่ความไร้มารยาทของเย่เตียนที่ได้กระทำต่อหยานเสวี่ยนี้ เขานั้นคิดว่าทำให้มันผู้นี้กลายเป็นตัวโง่งม นั่นก็ถือว่าเพียงพอ
แต่หลังจากรับรู้ถึงจิตสังหารที่ไม่ผ่อนคลายของหยานเสวี่ย เฉินเฉียงก็เลยเปลี่ยนใจ
ถึงแม้ภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทรนี้จะเพิ่มค่าพลังจิตให้เขาได้อย่างมากมาย แต่มันก็ไม่ได้เทียบเท่ากับการที่เขาได้ดูดซับจากศัตรูที่มีพลังจิตสูงล้ำอย่างแน่นอน
หลังจากสัมผัสซากร่างของเย่เตียนด้วยมือขวาไปแล้ว เขาก็ถึงกับต้องนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินเสียงจากระบบ
ติ้ง ระบบย่อยสลายขุนพลขั้นกลางสำเร็จ
เจ้าของระบบ: เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดระดับราชาขุนพลขั้นกลาง
การหลอมรวมทักษะ: 1
การคัดเลือกทักษะ : 12
ค่าพลังงาน: 94,808,140
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:901
ค่าความแข็งแกร่ง:925
ค่าความเร็ว:584
ค่าพลังจิต:3756
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้าง ระดับสูง
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: ภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทร ระดับสูง
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคฝึกฝนร่างกายพื้นฐาน ระดับสูงสุด
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุแบบดั้งเดิม ระดับต้น
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: เทคนิคการยิงธนูของโฮ่วอี้(ผู้ดับตะวัน) ระดับสูงสุด
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: หุ่นเชิดโลหิต ระดับต้น
ทักษะ: …..
……
สายเลือด: โกลาหลอาชาไนย(โกลาหลขั้นสูง)
ในการดูดซับพลังจากซากร่างของเย่ตันนั้นทำให้ค่าพลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นมาถึงหกร้อยหน่อยเลยทีเดียว
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ จากการดูดซับนี้ทำให้เฉินเฉียงรับรู้ว่าเย่เตียนเองก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทร
….ไม่ใช่ว่าเคล็ดวิชานี้จะมีแค่บนโลกของเขาอย่างนั้นหรอกรึ
แล้วมันมาปรากฏอยู่ในโลกปีศาจได้ยังไงกัน
และนี่ทำให้เฉินเฉียงนึกถึงความเป็นไปได้ในสองทางในทันที
ความเป็นไปได้แรก พวกวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้รับเคล็ดวิชานี้มาจากราชาจักรพรรดิทั้งสามคน
แต่หากเป็นอย่างนั้นจริง นั่นมันก็หมายความว่าพวกวิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถเข้าถึงร่างของราชาจักรพรรดิทั้งสามได้แล้วไม่ใช่รึไงกัน
จะบอกว่าพวกนั้นได้มาจากแหวนมิติของราชาจักรพรรดิทั้งสามงั้นรึ
หากเป็นไปได้เขาขอให้เป็นอย่างหลังดีกว่า
และมีเพียงวิธีการนี้เท่านั้นที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ถึงจะได้รับเคล็ดวิชานี้มาอย่างสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ความหวังที่เขาจะดูดซับพลังจากซากร่างของราชาจักรพรรดิทั้งสามก็คงเ เป็นไปได้เพียงความฝันที่สลาย
ส่วนความเป็นไปได้ที่สองนี้ เฉินเฉียงนั้นคิดว่ามันมีความเป็นไปได้อย่างที่สุด
นั่นก็คือโลกใบนี้และโลกมนุษย์มีต้นกำเนิดที่เกี่ยวข้องกัน
และนี่จะทำให้เกิดคำถามอื่นขึ้นมา อย่างเช่นคำถามที่ว่าทำไมโลกทั้งสองนี้ถึงได้มีวิธีการบ่มเพาะที่แตกต่างกันทั้งๆที่ต่างก็มีพลังฟ้าดินเหมือนกัน
และหากเป็นอย่างหลังล่ะก็…..
เฉินเฉียงขมวดคิ้วนั่นและสงสัยใคร่รู้อย่างหนัก
แล้ว…..ทำไมสัตว์ปีศาจถึงคงอยู่แต่ในโลกปีศาจแห่งนี้กันล่ะ
“เฉินเฉียง เป็นอะไรเหรอ” หยานเสวี่ยถามออกมาอย่างสงสัยเมื่อเห็นเฉินเฉียงนั้นหน้านิ่วคิ้วขมวดและไม่พูดจาอะไรออกมา
“ไม่มีอะไรหรอก” เฉินเฉียงส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกุมมือน้อยๆของหยานเสวี่ยแล้วพูดออกมา “ไปหอตำรากันเถอะ”
ในตอนนี้เฉินเฉียงเลือกที่จะปล่อยวางจากร่องรอยที่ได้รับมาจากเย่เตียน
ไม่ว่ามันจะมีที่มาที่ไปยังไงก็ตาม หากมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าหรือวิหารศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่คิดจะไม่สนใจมันในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงนั้นหารู้ไม่ว่า ในตอนที่เขาปล่อยศิษย์ระดับสองของแผนกปรุงยาให้หลุดรอดหนีหายไปนั้น คนเหล่านี้ต่างแพร่กระจายข่าวนี้ไปทั่วทั้งเขตสำนักเต๋าสวรรค์ชั้ นฟ้า ราวกับลมที่พัดผ่านไปทุกที่
นั่นก็เพราะ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เฉินเฉียงเป็นเพียงศิษย์ระดับสามที่พึ่งจะเข้าสำนักมาเพียงเท่านั้น
และแน่นอนว่าคนที่ต้องครั่นคร้ามที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นศิษย์ระดับหนึ่งที่ไปปะคำท้าประลองที่ประตูหน้าบ้านพักของเฉินเฉียง
แต่เดิม พวกเขาต่างก็ถือว่าตนเป็นถึงศิษย์ระดับหนึ่ง เพียงแค่ศิษย์ระดับสามย่อมไม่กล้าจะทำอะไร และนี่จะทำให้พวกเขาได้รับสาวงามมาเชยชมได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง อีกอย่างหนึ่งค คืออีกไม่นาน พวกเขาเองก็เตรียมจะเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้ว ย่อมไม่อยากจะปล่อยโอกาสดีๆนี้ไปโดยไม่ยื่นมือเข้าหา
ใครจะไปคิดว่าเฉินเฉียงนั้นจะแสดงความสามารถของตนออกมาก่อนหน้าที่พวกเขาจะลงมือจริงจัง
และที่ทำให้พวกเขาต้องอับอายที่สุดก็คือ คนที่ป่าวประกาศเรื่องนี้ยังป่าวประกาศอีกว่าเฉินเฉียงนั้นได้ขยำจดหมายท้าประลองขยำทิ้งแล้วเหยียบย่ำเล่นไปแล้ว
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาควรจะปล่อยไปรึไงกัน
กับศิษย์ระดับสามที่พึ่งเข้าสำนักมายังไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดแล้วยังมีหน้ามาทำอยู่ดีพร้อมกับสาวงามไว้คอยก้อร่อก้อติกอย่างไม่ห่างกาย
แต่เฉินเฉียงนั้นไม่เพียงจะไม่ไว้หน้าศิษย์ระดับสอง แม้แต่ศิษย์ระดับหนึ่งก็ยังไม่เห็นหัว
แล้วไอ้ตำแหน่งศิษย์ระดับหนึ่งจะมีเอาไว้ทำไมกัน
จะมีไว้เพียงเพื่อให้พวกผู้มีอำนาจไว้เป็นตัวเลือกเข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ไปแค่นั้นรึ
ถ้าจะให้บอกกันตามตรงแล้ว ด้วยตำแหน่งศิษย์ระดับหนึ่งนี้ จึงเป็นเหตุให้สำนักจัดตั้งเขาเป็นตายขึ้นมา เพราะหมายว่าจะให้ศิษย์ทั้งหลายเข่นฆ่ากันเพื่อตำแหน่งนี้จึงคู่ควรที่จะ เป็นผู้คนที่ถูกคัดเลือกโดยวิหารศักดิ์สิทธิ์
และนี่ยังแสดงให้เห็นว่าสำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าไม่ได้คัดเลือกคนมาอยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ใจอยากเพียงเท่านั้น
และเมื่อรับรู้ได้ว่าเฉินเฉียงสังหารเย่เตียนไปอย่างง่ายดาย นี่จึงทำให้บรรดาศิษย์ระดับหนึ่งทั้งหลายต่างก็ไม่สนที่มาที่ไปมุ่งตรงไปยังหอตำราอย่างเร็วรี่ แถมยังมีบางคนที่ พาลิ่วล้อของตนพุ่งตรงไปที่นั่นด้วยซ้ำ
แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะหมายสังหารเฉินเฉียงขนาดไหนก็ตาม หอตำราแห่งนี้กลับเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในสำนัก
จะบอกว่ามันเป็นสถานที่เดียวที่ห้ามมีการต่อสู้ก็ว่าได้
เพราะไม่ว่ายังไงก็ตาม ต่อให้ทางสำนักจะต้องการศิษย์ที่สูงล้ำส่งเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ได้รับการยอมรับขนาดไหนก็ตาม ข้อมูลในหอตำรานั้นกลับเพียงพอที่จะสร้างศิษย์ ให้มีความสามารถสูงล้ำได้อย่างหลายสิบรอบ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสำนักสวรรค์ชั้นฟ้าถึงปกป้องดูแลหอตำราไว้อย่างดียิ่ง มีแม้กระทั่งผู้คุมกฎที่คอยประจำอยู่ที่หอนี้
และในทันทีที่พวกเขารับรู้ว่าใครนั้นก่อเรื่อง พวกเขาจะลงมือฆ่าทิ้งโดยไม่คิดถามไถ่
หอตำราที่ว่ามีเนื้อที่ประมาณสี่สนามฟุตบอล พร้อมทั้งรั้วสูงหนึ่งเมตรที่ดูแข็งแรงรายรอบไว้อย่างไม่ขาด
เฉินเฉียงและหยานเสวี่ยเดินผ่านแนวรั้วไปก็ได้พบหอตำราสี่หอพร้อมป้ายสลักที่เขียนไว้ว่า ยา ยุทธ วัตถุ เลือด
ด้วยการที่ก่อนหน้านี้เฉินเฉียงดูดซับพลังจากซากร่างของเย่เตียนมา เขาจึงมีความสนใจค้นหาที่มาของเคล็ดวิชาภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทรนี้เป็นพิเศษ เขาสงสัยว่าเคล็ดวิชานี้ได้รับ บมาจากราชาจักรพรรดิทั้งสามรึเปล่า
และนี่จึงทำให้เขานั้นเดินเข้าไปที่หอแรก เฉินเฉียงและหยานเสวี่ยเข้าไปในหอตำรา ยา
ด้วยการที่หอตำราแห่งนี้มีเพียงแค่ศิษย์สำนักเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ การเข้าออกหอตำราจึงไม่ได้แสดงหลักฐานหรือค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด
แต่ในบางกรณี หอตำราเหล่านี้ก็ยังมีการใช้ค่าใช้จ่ายพิเศษในการอ่านหนังสือบางอย่าง นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า ค่าผลงาน
หากจะให้บอกกันตรงๆแล้ว หอตำราทั้งสี่หอนี้ แต่ละวันจะมีศิษย์ที่เวียนเข้าไปดูข้อมูลอยู่มากมาย
แต่ด้วยการที่แม้แต่ศิษย์แผนกเดียวกันก็ยังไม่รู้จักกันหมด บางคนเรียกได้ว่าไม่บอกไม่รู้ว่าอยู่แผนกเดียวกัน
แถมที่นี่นั้นยังเรียกได้ว่าเขตหวงห้ามกลายๆ จึงไม่มีใครคิดจะพูดคุยสอบถามหรือหาเรื่องกันที่นี่แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เมื่อคนเหล่านี้ได้เห็นเฉินเฉียงเดินเข้าหอตำราแผนกปรุงยาไป ทุกคนต่างก็แสดงออกมาด้วยท่าทางแปลกประหลาด
แน่นอนว่าสาวงามหยดย้อยอย่างหยานเสวี่ยนั้นต้องได้รับความสนใจจากผู้คน