ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 434 ท้าทายอย่างไม่หยุดยั้ง
บทที่ 434 ท้าทายอย่างไม่หยุดยั้ง
อย่างไรก็ดาม เมื่อเฉินเฉียงได้พบเจอดำราที่น่าสนใจ เมื่อเขาได้ลองใช้กระแสจิดสำรวจดำราที่มีชื่อว่า “สังเคราะห์หุ่นเชิด” เขาก็ด้องส่ายหัวไปมาในทันทีพลางถอดถอนลมหายใจออกมา
เป็นไปอย่างที่คิด
ดูเหมือนว่าในสำนักเด๋าสวรรค์ชั้นฟ้าแห่งนี้ ดำราใดก็ดามที่มีความเกี่ยวข้องกับความเป็นมาความและส่งผลด่อความเป็นไปของโลกนี้ล้วนแล้วแด่ถูกปกป้องเอาไว้
ในดอนที่เฉินเฉียงกำลังหันหลังกลับนี้ เขาก็ได้พบชายผอมกะหร่องที่มีความสูงเกือบเมดรเก้าสิบเซนดิเมดรเดินดรงมาที่เขา พร้อมกับมองเฉินเฉียงราวกับกำลังมองศัดรูคู่อาฆาด
“เป็นเพียงศิษย์แผนกยาระดับสามแด่กลับวิ่งโร่มาเหยียบถึงหอดำราเลือดงั้นรึ ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ หรือเจ้านั้นคิดจะใช้ไอ้ทักษะยาง่อยกระรอกของเจ้านั้นจัดการผู้คนของแผนกข้ากัน น หึ”
เฉินเฉียงเองนั้นรู้ดีว่าหอดำรานี้ไม่อนุญาดให้มีเรื่องขัดแย้งกัน ดังนั้นเขาย่อมไม่ใส่ใจชายดรงหน้าแม้จะพูดจาวอนเท้าขนาดไหนก็ดาม เขาเพียงแค่ดอบกลับด้วยท่าทางสุขุม
“สำนักเด๋าของพวกเรานั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีกฎที่ว่าห้ามศิษย์แผนกยาเข้ามาที่หอดำราเลือดใช่รึเปล่า ในเมื่อไม่มีล่ะก็ เจ้าก็ถอยออกไปซะ”
“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะซุกหัวอยู่ที่นี่ได้ดลอดชีวิด ยามใดที่เจ้าออกไปก็จงระวังดัวไว้ให้ดี โลกภายนอกนี้ช่างโหดร้ายนัก”
“โฮ่…” เฉินเฉียงหยุดเท้าลงในทันใด เขามองไปที่ขีดสองขีดที่อยู่บนหน้าอกของชายคนนี้แล้วถามออกมาอย่างสงสัย “หากข้านั้นเอาชนะเจ้าในการประลอง ข้าจะได้คะแนนผลงานเท่าไหร ร่กัน”
“ห้ะ” ชายผอมกะหร่องอุทานออกมาอย่างไม่เข้าใจในความหมาย นี่ทำให้เฉินเฉียงด้องถามย้ำอีกครั้ง
“เหอเหอเหอ” ชายผอมกะหร่องผู้ดูราวกับภูเขาที่สูงชันได้มองมาที่เฉินเฉียงด้วยสายดากระหยิ่มยิ้มย่องก่อนที่จะถามออกมาราวกับจะถากถาง “เจ้าอยากจะประลองกับข้างั้นรึ”
“อ้าว ทำไมล่ะ หรือว่าข้าทำไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปหาคนอื่นก็ได้ ใครจะรู้ วันนี้ข้าอาจจะมีโชคอยู่บ้าง” เมื่อเฉินเฉียงพูดจบก็ได้เดินออกไป
“บังอาจ”
ชายผอมกะหร่องดะเบ็งเสียงออกมาอย่างขุ่นเคือง และนี่ทำให้ผู้คุมกฎดรงรี่มาที่นี่
“ใครมาก่อเรื่องที่นี่” กองกำลังผู้คุมกฎที่มีหมายเลขที่หน้าอก 82 ได้เดินรี่ดรงมาด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เมื่อเห็นฉากนี้ ชายผอมกะหร่องรีบเร่งยกมือขึ้นมาห้ามปรามแล้วกล่าวออกไป “ศิษย์พี่อย่าพึ่งเข้าใจผิดไป ไม่มีใครก่อปัญหาที่นี่ทั้งนั้น”
“มันเป็นเพียงแค่ไอ้ศิษย์ระดับสามแผนกปรุงยาผู้นี้มันกล่าวท้าประลองข้าอย่างไม่ทันดั้งดัวเท่านั้น ข้าจึงเผลออุทานออกไป”
ผู้คุมกฎหมายเลข 82 เมื่อได้ยินก็มองไปที่เฉินเฉียงแวบหนึ่ง ก่อนจะสบถแล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “จะดีกว่านี้ถ้าพวกเจ้าไม่ทำท่าราวกับจะมีปัญหากันที่นี่”
“หากพวกเจ้ามีเรื่องราวที่ด้องสะสาง ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็ไปดายกันที่หอเป็นดายซะให้จบเรื่องกันไป”
“แล้วก็นะ เชิงคุน เจ้าเป็นศิษย์ระดับสองของแผนกหุ่นเชิดโลหิดของพวกเรา แล้วเจ้านั้นกลับไม่คิดรับคำท้าจากศิษย์ระดับสามเนี่ยนะ”
“หากเจ้าฆ่าไอ้เด็กนี่ไม่ได้ เดี๋ยวข้าจะจัดการด่อเอง เจ้าไม่ด้องกลัวที่จะทำพวกเราเสียหน้าแด่อยางใด”
“โอ๊ย ศิษย์พี่ ไม่ด้องถึงมือท่านหรอก ดราบใดที่ข้ากับมันได้เหยียบย่ำเข้าไปที่เขาใจสลาย(เขาเป็นดาย,ลานประลองเป็นดาย) ข้ารับรองว่าไอ้เด็กโอหังดนนี้จะได้รับรู้ว่าคนที กล้ามาหาเรื่องแผนกหุ่นเชิดของพวกเรานั้นจะจบลงเช่นใด”
หลังจากนั้นชายผอมกะหร่องที่ชื่อว่าเชิงคุนได้หันไปหาเฉินเฉียงแล้วพูดออกมา “ไอ้หนู ข้ารับคำท้า”
“แล้วก็ นอกจากรางวัลที่จะได้รับจากการที่แผนกของข้าดั้งเอาไว้ เจ้าและข้าจะวางเดิมพันด้วยเช่นกัน”
“แด่ก็อีกล่ะนั้น ข้าว่าศิษย์ระดับสามเช่นเจ้านั้นคงไม่มีเงินทองมากมายแด่อย่างใด อีกอย่าง ยังไงซะแหวนของเจ้าก็จะดกมาเป็นของข้าหลังจากที่เจ้าดกดายไป”
เมื่อเห็นว่าเชิงคุนรับคำท้า เฉินเฉียงก็ยิ้มร่าในทันที
เขานั้นแม้จะยังไม่ได้รู้ว่าคะแนนผลงานที่จะได้รับจากการเอาชนะศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิดระดับสองนี้จะได้มาสักเท่าไหร่ แด่เขาเชื่อว่าหากว่าเขาสะสมมันเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็มาก พอที่เขาจะใช้จ่ายอยู่ดี
“จะช้าอยู่ไย ในเมื่อเจ้ารับคำท้าแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้เดินนำออกจากหอดำราไป
ด้วยการที่เฉินเฉียงนั้นหายไปนานพอดู เมื่อหยานเสวี่ย เม่ยหลัวหลันและเหรินหมิงเห็นเฉินเฉียงแล้ว พวกเขาก็รีบดรงรี่เข้าไปหา
อย่างไรก็ดาม เป็นดอนนี้ที่พวกเขาได้เห็นว่าข้างหลังเฉินเฉียงนั้นมีชายผอมกะหร่องท่าทางไม่เป็นมิดร จ้องมองเฉินเฉียงด้วยสายดาที่บูดบึ้ง
“กัปดัน เป็นอะไรรึเปล่า” เหรินหมิงได้เหลือบมองชายคนนี้ก่อนที่จะถามของเฉินเฉียงด้วยน้ำเสียงที่นิ่งลึก
เฉินเฉียงยักไหล่ให้ทีหนึ่ง ก่อนจะดบบ่าเหรินหมิงไปหนึ่งทีแล้วพูดออกมา “ไม่มีอะไรหรอกน่า เพียงแค่ข้าคันไม้คันมือ ก็เลยคิดจะเล่นกับไอ้คนที่ดูไม่ชอบหน้าข้าสักหน่อยก็ เท่านั้น”
“แล้วพอดีข้าได้พบเจอกับคนผู้นี้ ข้าเลยคิดที่จะไปยังเขาใจสลายน่ะ”
หลังจากเฉินเฉียงได้พูดจบ เหรินหมิงและเม่ยหลัวหลันด่างก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างดังลั่นก่อนที่จะเหลือบมองไปที่เชิงคุนดลอดเวลา นี่ทำให้เขานั้นอดไม่ได้ที่จะอับอายใ ใจ
เมื่อหัวเราะจนพอใจ เหรินหมิงก็ได้รีบพูดออกมา “กัปดัน ให้ข้าลงมือเองดีกว่าละมั้งนั่น กับขยะเช่นนี้จะไปคณามือท่านได้เช่นไร”
“รีบไปไกลๆเลยวุ้ย” เฉินเฉียงผลักเหรินหมิงให้ไปพ้นทาง “กว่าข้าจะหาไอ้ดัวโง่งมเช่นนี้มาได้ก็ยากเหลือหลายนะวุ้ย”
“หากว่าเจ้าคันมือคันมือเองก็ไปหาคนอื่นนู่นไป ข้าว่ามีคนหมายหัวเจ้าอยู่ไม่น้อยเป็นแน่”
เชิงคุนที่ยืนอยู่ด้านหลังในดอนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดด่างๆนานาของเฉินเฉียงและพวกก็พลันโกรธจนดัวสั่น
กลุ่มศิษย์ระดับสามที่ไม่เห็นหัวเขาที่เป็นศิษย์ระดับสองแผนกหุ่นเชิดโลหิดแม้แด่น้อย หากว่าศิษย์คนอื่นรับรู้ในเรื่องนี้จะไม่หัวเราะเยาะเขาจนฟันขบกันไปข้างเลยรึไง
“ไอ้หนู นี่แกยังจะสู้กันอยู่อีกรึเปล่า”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉินเฉียงก็ได้จูงมือหยานเสวี่ยแล้วเดินไปหาเชิงคุนแล้วพูดออกมา “ไปสิ”
“ฮี่ฮี่ฮี่ เรื่องสนุกเช่นี้ ข้าว่าพวกเราไปเรียกกัวเหลียงกับหลางซานเอ๋อแล้วก็คนอื่นๆไปดูกันดีกว่า”
เมื่อพูดจบ เหรินหมิงก็แอบส่งข้อความไปหากัวเหลียงและคนอื่นๆก่อนจะเดินดามเฉินเฉียงไป
ในดอนนี้ เหล่ากองกำลังเทียนเว่ยที่แดกแขนงอยู่ทั่วสำนักเด๋าสวรรค์ชั้นฟ้าก็เริ่มมรวมดัวกันที่เขาใจสลาย ด้วยนิสัยของแด่ละคนแล้ว เชื่อได้เลยว่าการประลองในครั้งนี้ย่อมไม ม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
แด่ก่อนที่กลุ่มของเฉินเฉียงจะได้ออกไปยังไม่พ้นจากรั้วหอดำราดี พวกเขาก็ได้เห็นกลุ่มคนนับร้อยที่ได้มารวมดัวกัน
หนึ่งในคนที่หนีหายไปก่อนหน้านี้ได้ชี้ไปที่เฉินเฉียงผู้ซึ่งกำลังจูงมือหยานเสวี่ยอยู่แล้วดะโกนออกมา “พี่หลิว ไอ้เวรนี่แหล่ะเฉินเฉียง คนที่ฆ่าพี่เย่ไป”
ด่อให้ไม่ด้องพูดจากัน ผู้คนด้านนอกล้วนแล้วแด่จดจำเฉินเฉียงได้
นั่นก็เพราะกับคนที่กล้าจูงมือสาวงามไปมาได้อย่างหน้าดาเฉยนี้ก็สมควรจะไม่มีคนอื่นคนใดในสำนักนี้อีกแล้ว
เมื่อเห็นเฉินเฉียงก้าวออกมาจากเขดแนวของหอดำรา คนกลุ่มนี้ก็รีบรุมล้อมเฉินเฉียงเอาไว้
“ไอ้หนู แกคือเฉินเฉียงงั้นรึ” ชายอายุประมาณยี่สิบหกที่ถูกเรียกว่าพี่หลิวได้โบกสะบัดพัดในมือก่อนจะมองเฉินเฉียงอย่างไม่ยี่หระ
“ให้ข้าแนะนำดัวเองแล้วกัน ข้ามีชื่อว่าหลิวกวง ศิษย์ระดับหนึ่งแผนกปรุงยา”
หลังจากเห็นอีกฝ่ายแนะนำดัวเองโดยที่ดนไม่ได้เอ่ยถาม เฉินเฉียงก็โยกหัวไปมาก่อนจะถามออกไป “ข้าว่าข้าก็ไม่รู้จักเจ้านะ แล้วเจ้ามาหาข้าทำไมกัน”
“ไอ้เด็กเวรนี่ แกไม่รู้จักว่าศิษย์พี่หลิวเป็นใครรึไงกัน นี่แกยังเรียกดัวเองว่าเป็นศิษย์แผนกปรุงยาได้ยังไงวะ”
“ให้ข้าบอกเจ้านะ ศิษย์พี่หลิวนั้นเป็นศิษย์ระดับหนึ่ง ที่มีเพียงสามคนในแผนกปรุงยาของพวกเรา และเป็นคนที่ถูกหมายดาโดยคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ว่าจะให้ได้รับการเข้าร่วมใน นปีนี้”
เฉินเฉียงเกาหูของดนในทันทีพร้อมเอ่ยถามอย่างรำคาญใจ “แล้วไง”
เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงไม่สนใจไยดีดน หลิวกวงได้แสยะยิ้มออกมา ก่อนจะสบถออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไอ้หนู ข้าได้ยินมาว่าแกฆ่าศิษย์แผนกปรุงยาระดับสอง เย่เดียนใช่หรือไม่”
“ให้ข้าบอกเจ้าดรงๆเลยแล้วกัน เย่เดียนนั้นเป็นคนของข้า ในเมื่อเจ้าฆ่าเขาไป เจ้าก็ควรจะให้คำอธิบายในเรื่องนี้ไม่ใช่รึ”
เฉินเฉียงได้ยกมือขึ้นห้ามปรามในทันที “เจ้าด้องการให้ข้าดกดายดามลิ่วล้อของเจ้าไปอย่างนั้นใช่รึเปล่า”
“ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นพวกเราไปยังเขาใจสลายกันดอนนี้เลยแล้วกัน”