ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 437 ความเกลียดชังของผู้ข้นแค้น
บทที่ 437 ความเกลียดชังของผู้ข้นแค้น
ม่อโชวที่ได้ยินก็รีบหันไปดูบนลานประลองด้วยความตื่นเต้นยินดีเช่นกัน
ตามที่คิดไว้ ในตอนนี้เมื่อเขาหันไปมองในลานประลองก็พบเจอเฉินเฉียงเตรียมจะสั่งสอนเชิงคุนอยู่
ถึงแม้ว่าด้วยกำแพงของลานประลองนี้ทำให้พวกเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเลยก็ตาม
แต่กับฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันช่าง…..
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเฉินเฉียงในตอนนี้จะทำตัวราวกับพ่อแม่กำลังชี้นิ้วพร้อมท่าทางประดุจด่าทอเชิงคุนเอาไว้ จนเขาทำได้เพียงพับเพียบเรียบแ แต้อยู่กับพื้นดิน พร้อมท่าทางที่ราวกับกำลังสลดและปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
“ส่วนทางด้านเชิงคุนที่เป็นคู่แข่งของเฉินเฉียงเอง นอกจากทำอะไรไม่ถูกแล้ว เขาแสดงออกมาเพียงการปิดหูตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง พลางส่ายหน้ าไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง ราวกับกำลังปวดใจในสิ่งที่ได้รับฟัง”
“ไอ้ฉิบหาย เชิงคุนมันทำบ้าอะไรวะนั่น ทำไมสภาพของมันราวกับบุตรหลานที่โดนบรรพบุรุษด่าทอขนาดนั้นวะนั่น ทำไมมันไม่ปล่อยหุ่นเชิดโลหิตออกมา ากัน”
“นั่นน่ะสิ แต่ไม่ว่ายังไงหมอนี่ก็เป็นศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตระดับสองเลยนะ อย่างน้อยๆเขาก็ควรจะปลดปล่อยหุ่นเชิดโลหิตของตนออกมา แล้วสังห หารไอ้เด็กเวรนั่นให้ตกตายไปให้พ้นๆเลยไม่ดีกว่าเรอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดคุยของผู้คน หยานเสวี่ยและเม่ยหลัวหลันได้มองหน้ากันก่อนจะยิ้มกริ่มออกมา พวกเขาแม้จะไม่รู้แน่นอนว่าเฉินเฉียงใช้วิธีการใด แต่ก็พอจะคาดเดาได้จากสิ่งที่เห็น
ทั้งสองไม่คิดมาก่อนว่าเฉินเฉียงนั้นจะใช้วิธีการสะกดจิตตั้งแต่การประลองเป็นตายรอบแรก และผู้คนโดยรอบสนามประลองนั้นก็ตกอยู่ในสภาวะถูกครอบ บงำโดยท่าร่างหลอกตาของเฉินเฉียง
หลางซานเอ๋อที่พึ่งจะมาถึงก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาเมื่อเห็นความทรงพลังของเฉินเฉียง
“ไอ้ฉิบหาย อย่างนี้กัปตันก็ไม่ต่างจากรังแกเด็กเลยนี่หว่า แถมยังสวมบทเล่นเป็นพ่อแม่ผู้คนด่าทอสั่งสอนไอ้คนพวกนี้อีกเสียอย่างนั้น”
“ชู่วววว เอ็งจะพูดดังไปทำซากอะไรล่ะวุ้ย จะโพล่งแผนการกัปตันไปทำซากอะไร ถ้ากัปตันจะออกไปข้างนอก เราก็แค่เตรียมรองเท้าให้เขาใส่ไว้ก็พอ ( (เล่นตามน้ำ)”
กัวเหลียงที่ในตอนนี้แสดงออกมาด้วยท่าทางอยู่ไม่สุขหลังจากเอามือปิดปากหลางซานเอ๋อไว้แล้วก็รีบเหลือบมองไปโดยรอบ และเขาก็เห็นกลุ่มคนจำนวน หนึ่งที่ทำท่าจะเข้าไปในลานประลอง
คนเหล่านี้คือศิษย์แผนกปรุงยาระดับสองที่เห็นเพียงว่าเชิงคุนนั้นถูกด่าทอจนหมดขวัญกำลังใจก็อดที่จะเดือดดาลไม่ได้ พวกเขานั้นอยากจะขอให้เ เปิดกำแพงลานประลองแล้วไปลากเชิงคุนมากระทืบสั่งสอนใจจะขาด
ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมแห้งที่เป็นผู้ควบคุมลานประลองก็ทำได้เพียงมองเข้าไปในสนามด้วยสายตาที่โง่งม
ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตเหมือนกัน แต่เขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเชิงคุนที่เป็นถึงศิษย์ระดับสองถึงย ยอมให้ศิษย์ระดับสามแผนกปรุงยาด่าทอสั่งสอนอย่างไม่หยุดปากแบบนี้
ทั้งสองคนนี้มันเล่นอะไรกันแน่
เฉินเฉียงที่ทุกคนกำลังคิดว่ากำลังด่าทอสั่งสอนอยู่นี้ เขาจะไปมีความสามารถนึกคำมาด่าทอผู้คนเกือบสิบนาทีได้ยังไงกัน
เขาทำเพียงแค่ชี้นิ้วไปข้างหน้า พร้อมปากที่อ้าพะงาบๆไปเฉยๆไม่ได้ออกเสียงออกมาเลยสักคำ
หากพูดกันตรงๆ เชิงคุนนั้นเป็นคนที่ส่งเสียงออกมาทำลายความเงียบงันในสนามเสียด้วยซ้ำ
ในตอนที่กำแพงลานประลองเปิดขึ้นมา เชิงคุนเองก็หมายที่จะปล่อยหุ่นเชิดโลหิตไปจัดการเฉินเฉียงตั้งแต่แรกเหมือนกัน แต่เขานั้นไม่คิดว่าเฉินเฉี ยงจะลงมือกับเขาก่อน
และทักษะการโจมตีที่เฉินเฉียงใช้ในครั้งนี้คือทักษะสะกดข่มจิตวิญญาณมารสวรรค์
ถึงแม้เขาจะใช้ออกมาด้วยพลังสามส่วน แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เชิงคุนร่วงลงไปกองพับเพียบเรียบแต้กับพื้นพร้อมกับอาการของสมองหนักอึ้งและอื้ ออึงอย่างที่สุดจนทำให้เขาลงไปกองกับพื้นไปในทันที
และยังไม่หมดเพียงเท่านี้
ถึงแม้ทักษะสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์นี้จะไม่แข็งแกร่งเท่ากับทักษะคลื่นเสียงทำลายวิญญาณ และพลังเหนือมนุษย์คลื่นอัดกระแทกก็ตาม แต่หลังจากที่เฉิน นเฉียงได้ใช้ทักษะนี้โจมตีจิตใต้สำนึกของเขา จิตใต้สำนึกของเชิงคุนนั้นรู้สึกได้ราวกับระฆังที่ถูกทุบตีอย่างไม่หยุดหย่อนจากด้านนอก มันเกินกว ว่าที่จิตใจของเขาจะรับได้
ทักษะสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์นี้เปรียบได้ดั่งระลอกคลื่นในท้องมหาสมุทรที่ถาโถมอย่างไม่หยุดยั้งแม้จะไม่รุนแรงมากก็ตาม แต่ด้วยการที่ในทันทีที่ เชิงคุนนั้นเสียศูนย์จนทรุดลงไปแล้วเฉินเฉียงเดินวนไปมารอบๆ คลื่นที่สะท้อนไปมาในจิตใต้สำนักของเชิงคุนนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขานั้นไร้ ทางต่อต้าน
แม้เชิงคุนจะรับรู้ว่าเฉินเฉียงกำลังด่าทอเขา แต่เขาก็ไม่มีแรงที่จะตอบโต้
ด้วยเสียงที่ราวกับกำลังโดนทุบอย่างไม่หยุดนี้มันยาวนานจนเพียงพอที่จะทำให้เชิงคุนนั้นรู้สึกราวกับจิตสำนึกพร้อมที่จะระเบิดออกได้ตลอดเวลา ยิ่งเขาต่อต้านมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกหมดสิ้นไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อต้านมากขึ้นเท่านั้น
ยังดีที่เฉินเฉียงนั้นไม่ได้หมายที่จะฆ่าเชิงคุนในทันที นี่จึงทำให้เชิงคุนนั้นถือได้ว่ายังมีโชคที่จะรอดตายอยู่บ้าง หลังจากนึกคิดอย่างรวดเ เร็ว ในที่สุดเขาก็ฉวยโอกาสปลดปล่อยหุ่นเชิดโลหิต
และเป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงคิดจะจบการประลองในครั้งนี้
เฉินเฉียงได้ใช้มือหนึ่งวางไว้บนอก ก่อนจะเดินตรงไปหาเชิงคุน ก่อนที่จะค่อยๆผ่อนคลายทักษะสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ลง และใช้นิ้วจิ้มไปที่หัวข ของเชิงคุนแล้วด่าทอออกมาจริงๆ
“ไอ้ตัวโง่งม นี่แกคิดว่าพ่อแม่แกกว่าจะเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ได้ถึงขนาดนี้มันง่ายนักรึไง”
“ทั้งๆที่รู้ว่าพวกเขาเลี้ยงดูเจ้ามาด้วยความยากลำบาก แต่แกกลับขายวิญญาณให้กับปีศาจและกลายเป็นข้าทาสของสัตว์ปีศาจ”
“ไอ้ตัวเลวชาติ”
“ไอ้ตัวระยำต่ำตมเช่นแกไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือโลกไหนๆ”
“จะดีกว่าหากข้าลงโทษแกแทนพ่อแม่ให้แกตกตายไปซะให้พ้นๆ”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ค่อยๆหยุดใช้ทักษะสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ลงเรื่อยๆ
และนี่ทำให้เชิงคุนนั้นได้ยินเสียงด่าทอของเฉินเฉียงอย่างชัด ถนัด ถนี่
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะที่เปรียบได้ดั่งตัวตนของเพราะเจ้าในโลกปีศาจนี้ กลับพรากชีวิตของผู้อับโชคไปอย่างไม่หยุดหย่อน และยังต้องทำตัวราวกับไม่ มีสิ่งใดเกิดขึ้น นี่จึงทำให้ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตต้องรู้จักฝืนทนความเจ็บปวดทางจิตใจ
ถึงแม้จะไม่มีทางเลือก แต่การเดินบนเส้นทางสายนี้ จนกว่าพวกเขาจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตที่แท้จริง พวกเขาจะได้รับรู้ว่าความเ เจ็บปวดทางจิตใจต่างๆนานาที่ต้องประสบพบเจอก่อนจะก้าวไปถึง
เพื่อเดินบนเส้นทางนี้ พวกเขาต้องปรับเปลี่ยนจิตใจให้ด้านชา หรือแม้แต่ต้องเมินเฉยต่อการตกตายของคนสนิทใกล้ตัว และนี่เป็นเพียงบางส่วนที่พ พวกเขาต้องฟันฝ่า
และมีเพียงตอนที่พวกเขากลายเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตที่แท้จริงแล้วเท่านั้นที่พวกเขาจะถูกเคารพ เชิดชู และถือได้ว่าประสบความสำเร็จ
แต่ด้วยจิตใจที่แปรเปลี่ยน แม้แต่คนสนิทชิดใกล้ก็จะมองพวกเขาด้วยดวงตาที่หวาดกลัว หลบเลี่ยง และรังเกียจ
นี่คือสิ่งที่เรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าโชคชะตา
และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้จิตใจของผู้ที่เดินทางบนเส้นทางบ่มเพาะนี้หากไม่ผิดปกติ ก็บ้าคลั่ง หรือสติแตกไปเลยก็มี
“ไอ้เด็กเวร แกมันรนหาที่ตาย ข้าจะทำให้แกลิ้มรสชาติของการถูกสูบเลือดจนแห้งตายโดยหุ่นเชิดโลหิตของข้าบัดเดี๋ยวนี้”
เมื่อพูดจบ เชิงคุนก็รีบกดมือของตนลงบนหน้าอกในทันที
เมื่อเห็นฉากนี้ ชายวัยกลางคนที่ร่างกายผอมแห้งที่สังเกตการณ์อยู่ด้านนอกสนามก็ถอดถอนลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
ต้องอย่างนี้สิ
หากผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตไม่ยอมปลดปล่อยหุ่นเชิดโลหิตออกมาก่อนการต่อสู้ให้ออกมาช่วยสู้รบตบมือ แล้วพวกเขาจะใช้อะไรต่อสู้ได้กัน
แต่เพียงแค่ชัว่พริบตา สถานการณ์ภายในลานประลองก็พลิกกลับอีกครั้ง
เพียงแค่เชิงคุนแตะมือลงไปบนหน้าอก เฉินเฉียงก็ลงมือ
เมื่อเห็นว่าเชิงคุนเตรียมที่จะเรียกหุ่นเชิดโลหิตของตนออกมา เฉินเฉียงก็ต่อยแย็บไปที่หัวของเชินคุนสองสามที
ผู้คนที่อยู่นอกสนามนั้นหารู้ไม่ว่า แต่ละหมัดของเฉินเฉียงนั้นกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังจิตที่เคลือบอัดแน่นไว้
และนี่ทำให้เพียงแค่หมัดแรกของเฉินเฉียง จิตใจของเชิงคุนก็แตกละเอียดยิบจากการโจมตีนี้
เหตุผลที่เฉินเฉียงนั้นคิดฆ่าเชิงคุนในตอนนี้เป็นเพราะว่าเขานั้นไม่อยากจะให้เชิงคุนปลดปล่อยหุ่นเชิดโลหิตออกมา
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงนั้นไม่คิดมาก่อนว่าในตอนที่เชิงคุนตกตายลงไป และถูกเขาดูดซับพลังงานมานี้ สัตว์ปีศาจที่เป็นหุ่นเชิดโลหิตของเชิงคุนท ที่อยู่ในร่างกายได้ดูดเลือดในร่างของเชิงคุนจนเหือดแห้ง
นี่คือจุดจบของผู้บ่มเพาะบนเคล็ดวิชานี้ที่คู่ควรแล้ว
แม้ยอมมีชีวิตจะเป็นเจ้านาย แต่ยามตกตายกลับกลายเป็นได้เพียงแค่อาหาร โดยเฉพาะกับการที่ถูกสิ่งที่ตัวเองชุบเลี้ยงมาถึงครึ่งค่อนชีวิตเห็นเพียงแ แค่อาหารอันโอชะ